“ทักษิณ” ลั่น​หนุนรัฐบาลทำงานต่อ​ บอกกลับมาแล้วไม่เสียข้าวสุก

พิษณุโลก 17 มี.ค.- “ทักษิณ” ลั่น​ เดินหน้าหนุนรัฐบาลทำงานต่อ​ ให้สัญญาคนเสื้อแดง กลับมาแล้วไม่เสียข้าวสุก โต้กลับ “พรรคประชาชน” ย้ำเกลียดที่สุด​คือยุบพรรค เพราะเคยโดนมาก่อน​ ย้อนถามขาประจำ ปู่เคยมีเรื่องกันหรือถึงตามเห่าหอนไม่เลิก ออกตัวผลงานรัฐเกิดช้า เหตุเป็นพรรคร่วม วอน “พ่อมหาจำเริญ” ช่วยกันทำงานหน่อย ขู่ถ้าไม่ทำก็ตัวใครตัวมัน


นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีพบปะมวลชนเสื้อแดงในงานเรื่องเล่า “ประสบการณ์ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของมวลชน” ที่หอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก

โดย นายทักษิณ บอกว่า ตนติดหนี้ไว้นาน ตอนนั้นบอกว่าจะมีการจัดสังสรรค์ก่อนเลือกตั้งแต่กลัวว่าเป็นประเด็นจึงขอติดหนี้ไว้ก่อนพอตนกลับมาก็ถูกทวงแล้วทวงอีกว่าประชาชนอยากเจอ ในที่สุดก็ลงตัวว่าจะมาวันนี้ 17 ปีที่รอคอยก็ตรงกับวันที่ 17 พอดีที่เดินทางมาหากัน


นายทักษิณ กล่าวอีกว่าต้องขอคารวะหัวใจทุกคน ที่เด็ดเดี่ยวต่อสู้เพื่ออยากเห็นความเป็นธรรมในบ้านเมือง ที่สำคัญคือไม่เคยลืมตน ซึ่งตนจากไปนานเกินไป หากประชาชนลืมตนก็คงไม่สามารถน้อยใจได้ แต่นี่ไม่ลืมเลย เมื่อกลับมาก็อยากเจอตนอีก ตนก็ต้องมา เพราะตนเป็นคนที่รู้จักสำนึกในบุญคุณของคน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร บุญคุณของทุกๆคนคือไม่เคยทิ้งตน 17 ปีไม่เคยทิ้งกัน เลือกตั้งทุกครั้งก็ไปเลือก ไปเชียร์ ไปช่วยหาเสียง แม้ครั้งที่ผ่านมาเราจะเสียหายไปเยอะ อาจเกิดจากความประมาทหรือเกิดจากการที่กระแสพลิกในตอนท้าย แต่เชื่อว่าในครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยคงจะแข็งแรงมากกว่านี้เยอะ โดยมีทุกคนคอยเป็นกำลังใจคอยสนับสนุน

วันนี้ที่ตนมา นอกจากมาขอบคุณในน้ำใจที่ไม่เคยลืมกัน ยังอยากมาบอกว่าวันนี้เราไม่ต้องไปต่อสู้อะไรแล้วในเรื่องของการเมือง การเมืองวันนี้ตนอยากเห็นทุกฝ่ายมองประเทศไทยเป็นหนึ่ง เพราะลำพังเราสามัคคีกันอย่างไรก็ยังสู้เขายาก แต่ถ้าการแตกแยกเกิดขึ้นในบ้านเมือง เราก็ยิ่งสู้เขายาก เพราะการแข่งขันในโลกใหม่มันรุนแรง แข่งขันกันด้วยพลังเงิน ด้วยเทคโนโลยี วันนี้เราจะต้องแข็งแรงมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นิสัยเก่าๆที่ชอบอิจฉาริษยา ทำงานเป็นทีมไม่ได้ คนไทยต้องเบาลง ไม่อย่างนั้นประเทศเราจะไม่แข็งแรง

ตนอยากบอกพี่น้องเสื้อแดงทุกคน ว่าตนจะถูกใส่ร้ายป้ายสีในอดีตอย่างไรก็แล้วแต่ วันนี้ตนให้อภัย เพราะตนถือว่าตนคือผูรักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม อยากเห็นคนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความเป็นธรรม


นายทักษิณยังกล่าวอีกว่า ตนกลับได้เพราะพระเมตตา ดังนั้นจะต้องกลับมาทำงานให้กับบ้านเมือง ทำให้เป็นยุคศิวิไลซ์ การเมืองเข้มแข็ง แข็งแกร่ง และบริหารประเทศด้วยปัญญา ด้วยความถูกต้อง แล้วบ้านเมืองเราจะไปด้วยดี ลูกหลานเราก็จะสบาย

วันนี้หลายคนยังมองว่าอนาคตลูกหลานจะเป็นอย่างไร แม้กระทั่งคนมีฐานะอย่างวิตกว่าลูกหลานจะอยู่กับสังคมยุคใหม่อย่างไร คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักว่าภัยคุกคามทางการพัฒนามันแรงมาก เราจะต้องรีบปรับตัว โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกระแสข่าว เพราะฟังดูแล้วก็ยังห่างไกลจากความเข้าใจโลกที่เปลี่ยนไป วันนี้เรายังจมอยู่กับเรื่องของการเกษตร การทำงานเป็นลูกจ้าง แต่ในอนาคตประเทศไทยจะเป็นลักษณะของธนาคารหน่วยกิต ไม่ใช่ประเภทจ่ายครบจบแน่ แต่เป็นการเรียนครบแล้วค่อยจบ วันนี้เราจะทำให้คนไทยเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ไม่มีอะไรยาก เพียงแต่ประชาชนต้องการการนำที่ถูกต้อง

ปีนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะต้องสร้างโอกาสให้ ต้องแก้ปัญหาที่หมักหมมมานานให้ได้ ตนก็เลยให้คำแนะนำไปหลายเรื่อง ขอให้สังเกตดูว่าตนพยายามไปรู้จริงกับปัญหาหลาย แม้แต่การลงพื้นที่ภาคใต้ที่มีการสู้กันมาก่อความไม่สงบมาเป็นเวลา 20 ปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของความเข้าใจ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สนุกสนานกับผลประโยชน์ที่ได้รับ สิ่งเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขแน่นอน

นายทักษิณ ยังเปิดเผยด้วยว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตนคิดกับนายกฯ อิ๊งค์ ดังๆว่าทำอย่างไรจะให้หนี้สินคนไทยหมด เพราะวันนี้หนี้ครัวเรือนเยอะเหลือเกิน

“เราจึงคิดกันว่าจะซื้อหนี้ทั้งหมด ซื้อหนี้ของประชาชนออกจากระบบธนาคารดีหรือไม่ แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน แล้วให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ยกจากเครดิตบูโรให้หมด ให้เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องทำมาหากินใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท เพราะตนสามารถให้เอกชนลงทุน วันนี้รัฐเป็นหนี้เยอะ เราเข้ามาหนี้ก็บานตะไทแล้ว วันนี้จะขยับอะไรทีก็เป็นหนี้ไปหมดเราต้องสร้างหนี้ให้น้อยที่สุด และสร้างโอกาสให้คนไทยมากที่สุด พูดง่ายทำยากแต่ต้องทำ”

นายทักษิณยังกล่าวอีกว่า ตนเป็นนักเรียนเตรียมทหารก่อนเข้าห้องเรียนต้องปฏิญาณตน หนึ่งในนั้นคือ “ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” และ “ตายเสียกว่าที่จะอยู่อย่างผู้แพ้” ดังนั้นสิ่งที่ตนพูด นายกพูด ทำแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่เป็นพรรคไทยรักไทย เพราะพรรคมีขนาดเล็กลง มีรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงน้อยลง บางทีรัฐมนตรีกระทรวงข้างเคียงบางทีก็ทำงานด้วยกันไม่คล่องตัว พยายามทั้งนวดทั้งบีบให้ช่วยกัน

“ทำงานเถอะพ่อมหาจำเริญ ช่วยกันหน่อยเถอะ ถ้าพ่อมหาจำเริญไม่ทำ ตัวใครตัวมันนะครับ วันนี้ถือว่าบ้านเมืองคือหัวใจที่เราจะต้องทำให้ผ่านไปให้ได้ ”

นายทักษิณยังกล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ที่อาจทำให้พรรคประชาชนเข้าใจผิดว่า ตนอาจจะพูดสั้นไปทำให้พรรคประชาชนมองว่าตนเห็นดีเห็นงามกับการยุบพรรค

“ผมเป็นคนเกลียดเรื่องระบบยุบพรรคที่สุด เพราะโดนมาเยอะแล้ว และผมก็ไม่อยากเห็นพรรคประชาชนหรือพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ไม่อยากเห็นเลย แต่เราต้องแคร์ ผมโดนยุบตนก็เคารพกติกา ที่ผมพูดวันนั้นว่าเดี๋ยวจะหายไปอีกพรรคนั่นคือหายไปจากความทรงจำของประชาชน การหายไปจากความทรงจำของประชาชนเป็นการลงโทษที่ร้ายแรงที่สุด เพราะการเมืองจะตั้งอีก 10 พรรคก็ได้ ถ้ายังไม่หายจากความทรงจำของประชาชน ถ้าหายไปแล้วตั้งยังไงก็ไม่ได้ เราอยากเห็นพรรคการเมืองดีๆอยู่กับประชาชน ไม่อยากเห็นพรรคการเมืองดีๆไปใช้วิธีการของพรรคการเมืองบางพรรคเก่าๆแค่นั้น นั่นคือสิ่งที่ผมพูดวันนั้น ไม่ได้หมายความว่าไปเห็นดีเห็นงาม ขออธิบายจะได้เข้าใจถูก“

นายทักษิณยังกล่าวอีกว่า ตนเป็นคนมองโลกในแง่ดี พร้อมให้โอกาส พี่น้องคนเสื้อแดงก็เห็นว่าตนมีขาประจำ บางคนเป็นขาเดียวกันย้ายไปอยู่ขาประจำก็มี เพราะฉะนั้นตนไม่ได้หวั่นไหว แทนที่จะเป็นขาประจำตนไม่อยากเห็นเขาเครียดเพราะด่าตนแทบตายตนก็ไม่เครียด ตนเป็นห่วงเดี๋ยวเส้นโลหิตในสมองแตกขึ้นมา อย่าไปโกรธเลย มานั่งคุยกับตนกินไวน์กับตน แล้วมีอะไรคับแค้นหัวใจมาคุยกัน ก่อนบอกว่าตนก็ลืมถามพ่อ พ่อเสียไป แล้วลืมถาม

“ปู่ผมมีอะไรกับปู่เขาหรือไม่ มันถึงไม่เลิกเห่าหอนเสียที ที่ผมพูดคืออยากเห็นบ้านเมืองสามัคคี ไม่อยากเห็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ด่ากันไปด่ากันมาไร้สาระ ผมปล่อยวางหมดแล้ว”

อยากให้พี่น้องคนเสื้อแดงทั้งหลายกลับบ้านไปบอกพรรคพวก ว่าเรื่องปัญหาประเทศตนรับไว้และรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กระบวนการการแก้ปัญหาต้องใช้เวลาและยากกว่าเดิม เพราะทหารวางระบบไว้เลอะพอสมควร ฟื้นยากหน่อยแต่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง
เราต้องสู้ ต้องทำให้ได้

นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า อยู่ๆการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็อภิปรายนายกฯคนเดียว ก็ดีเหมือนกัน แต่อภิปราย ส.ท.ร. ทีแรกจะใช้ชื่อทักษิณผิดกติกา พอตนไปพูดตำแหน่งตนคือส.ท.ร. ก็เลยเอาตรงนี้ไป เข้าใจว่าจะใช้แบบนี้ แต่ในสายตาคนที่รักตน ส.ท.ร.ไม่ได้แปลว่าเสือกทุกเรื่อง แปลว่า “สุดที่รัก” ขอให้คิดว่าเป็นสุดที่รักเยอะหน่อยก็แล้วกัน ตนอยากทำงานให้ประชาชนเลยขอเสือกทุกเรื่อง แต่ว่าเสือกแล้วทำงานได้ดี ก็ขอให้เป็นที่รักของประชาชนก็แล้วกัน

นายทักษิณ กล่าวว่า พี่น้องมากันหลายจังหวัดอิ่มหรือไม่ กลัวเลี้ยงไม่พอ ซึ่งตนผูกพันกับประชาชนไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปีก็คิดถึงเรื่องของประชาชน และประเทศ อย่างที่เล่าให้ฟังตนเป็นคนกตัญญูพอประชาชนไม่ลืมเราก็คิดว่าประชาชนลำบากจะช่วยอย่างไร และผมจะไปพบปะพี่น้องและจะใช้เวลามากขึ้นเพื่อให้รู้จริงถึงปัญหา ปัญหาถ้ารู้ไม่จริงก็แก้ไม่ถูก ถ้ารู้จริงปัญหาก็จะแก้ได้ วันนี้ตนต้องการเห็นข้าราชการทุกกระทรวง คนไทยทุกหมู่เหล่ายึดผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลักในการแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นตนว่าบ้านเมืองไปได้ บ้านเมืองของเรามีศักยภาพแต่เราขาดความสามัคคีนานไปหน่อย

“ใครเป็นพวกผมก็ลำบากหน่อยที่ผ่านมา พวกผมที่ยอมลำบากและไม่ทิ้งผมก็ยังมีจำนวนมาก เพราะฉะนั้นวันนี้ผมพร้อมที่จะเอาโอกาสดีๆให้คนไทยกลับขึ้นมา ขอเวลานิดหนึ่ง ผมขอเวลาอีกไม่นาน ไม่ต้องรอถึง 9 ปี จำได้ไหมขอเวลาอีกไม่นาน ไม่ต้องถึง 9 ปีแน่นอน อย่างมากอีกสมัยเดียวเพื่อไทยแก้ปัญหาได้หมด แต่ถ้าอีก 2 ปีที่เหลือรับรองว่าเบาบางแน่นอน” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า บางวันตนทำงาน 08.30 น.-22.00 น. แต่ตื่น 05.00 น.ตื่นมาออกกำลังกายก่อนเดี๋ยวไม่แข็งแรง ตื่นมาออกกำลังกาย 08.30 น.ก็นับแล้ว 22.00 น. กลับบ้าน แต่รายวันจะเป็นอย่างนี้ต่ออาทิตย์ เพราะว่าอยากเห็นการแก้ปัญหารวดเร็วกว่านี้ มันช้าไปหน่อย สมัยตนมันง่ายเพราะนั่งหัวโต๊ะ นั่งไร้บี้ วันนี้เงินยังอยู่ในกระทรวงต่างๆอีกเยอะใช้ช้า ตนใช้คำว่าพ่อมหาจำเริญนั่งทับเงินทับทองจำนวนมาก รีบใช้หน่อยเถอะ เงินจะได้ถึงมือประชาชนโดยเร็ว เป็นเรื่องที่เราพูดเล่นกันในการบริหารเพื่อเร่งระบายเงินเข้าสู่การพัฒนาโดยเร็วจัดซื้อจัดจ้างเร็วๆ ประเทศจะได้เดินหน้า ทำไมต้องใช้ทั้งไม้นุ่มและไม้แข็ง พูดไปพรรคประชาชนก็ชอบว่า ว่าพูดแล้วทำไม่ได้ พูดแล้วไม่ตรงปก ขอให้ไปจดไว้เลย “ทำได้ทุกเรื่องแต่เวลามันยืดเนื่องจากเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป อย่างเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอีกไม่นานพวกคุณจะเข้าใจมากกว่านี้ เพราะตอนนั้นที่พูดกันว่าจะไม่กู้เพราะเราไปเข้าใจว่าไม่มีใครเข้ามายุ่งกับการบริหาร เราก็จะออกเหรียญและให้ประชาชนใช้พร้อมกันทีเดียว แล้วเหรียญก็จะวนในระบบ แล้วรัฐบาลค่อยๆตั้งงบประมาณชดเชย และขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็จะดีเก็บ Vat ก็ได้มันก็จะใช้หนี้ตัวมันเองแต่ปรากฏว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงค์ชาติ)มาถึงเป่านกหวีดบอกไม่ได้ต้องมีเงิน ต้องตั้งงบประมาณ ผลสุดท้ายคือผิดแผนแต่เราพยายามปรับปรุงแก้ไขจนได้ แล้ว ต่อไปเทคโนโลยีดิจิทัลวอลเล็ตพี่น้องจะจำเหมือน 30 บาทรักษาทุกโรค จะเป็นกระเป๋าตังค์ของท่าน ท่านจะถูกเติมเงินในกระเป๋านี้โดยวิธีการต่างๆเพราะฉะนั้นกระเป๋าดิจิทัลนี้จะเป็นอะไรที่อยู่กับท่านตลอดชีวิต แล้วท่านจะรู้ว่าโอ้ เป็นความปรารถนาดีของพรรคเพื่อไทยจริงๆ แต่วันนี้คนยังมองไม่เห็นเราก็ปล่อยให้มองไม่ออกต่อไป เราก็กำลังทำอะไรที่เป็นเรื่องสมัยใหม่และก้าวหน้า เพราะทำแบบโบราณมันเอาไม่อยู่จริงๆ พี่น้องเชื่อหรือไม่ว่าถ้าเปรียบเทียบเศรษฐกิจเหมือนบ้านเป็นฐานรากมันพัง คานคอดินทรุด มันซ่อมยากกว่าซ่อมหลังคา ตอนปีต้มยำกุ้งเป็นปีที่หลังคาพัง ซ่อมง่ายซ่อมเร็ว วันนี้ซ่อมยากขึ้นแต่ก็ต้องซ่อมเพราะเราไม่สามารถสร้างบ้านหลังใหม่ได้ต้องเอาหลังนี้ซ่อมจนได้ บังเอิญว่าเทคโนโลยีใหม่ๆมันเกิดขึ้นแทนที่จะไปขุดใหม่ก็สามารถเสริมได้ทำนองนี้ คือเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้การซ่อมแซมเศรษฐกิจประเทศไทยได้เร็วขึ้น

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า “พี่น้องครับเทคโนโลยีมันมาแน่นอน และผมติดตามมาตลอดเพื่อเอามาเป็นประโยชน์ให้กับประเทศไทย อีกหน่อยทุกคน ลูกหลานใช้ AI เป็นหมด ถ้ามองว่าเทคโนโลยีมาช่วยเราชีวิตจะง่ายขึ้น แต่เมื่อมองว่ามันยากเหลือเกินทำให้ชีวิตเราลำบากเราก็ยังโง่ต่อไปต้องหยุดโง่ ไม่มีอะไรยาก ผมอยู่ผมจะทำผมจะช่วยคนไทยทั้งหมด” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ ยืนยันว่า กลับมาไม่เสียข้าวสุกแน่ อันนี้เราถือว่าเราพูดกันเหมือนพูดกับคนในบ้าน เราพูดกันได้ทุกเรื่องมันจะหลุดออกไปก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมต้องการให้เน้นว่าผมพูดกับคนในบ้านผมนะ เพราะฉะนั้นผิดนิดผิดหน่อยก็ขออภัยด้วย ขอบคุณมากดีใจที่ได้มาเจอกันก็ขอให้เดินทางกลับบ้านด้วยความสวัสดิภาพ และเราจะเจอกันอีกเรื่อยๆไม่หายไปไหนแต่ก็วนเวียนหมุนไปหมุนมา-313 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย