“สุทิน” ชี้หากอำนาจประชาชนเป็นของจริงป่านนี้แก้รธน.เสร็จแล้ว

รัฐสภา 17 มี.ค. -“สุทิน” แนะแยกแยะโลกความจริง-อุดมการณ์ หากอำนาจประชาชนเป็นของจริงป่านนี้แก้รธน.เสร็จแล้ว ชี้ควรยื่นศาลจะได้เปิดตาเดิน ยันเป็นการตีความในบริบทใหม่ ถ้า “ไอน์สไตน์” ฟื้นขึ้นมา อาจต้องคิดใหม่ ด้าน “นันทนา” ซัด ดับเบิ้ลญัตติส่งศาลรธน. เป็นการกลับหลังหันย้อนเวลาหาอดีต ยก “ไอน์สไตล์” เคยกล่าวไว้ว่า มีแต่คนวิกลจริตเท่านั้นที่ทำแต่สิ่งเดิมซ้ำๆ “สว.พรชัย” ฉะ “เพื่อไทย” หากข้องใจทำประชามติแล้วยื่นร่างแก้รธน.ประกอบ “พรรคประชาชน” ทำไม


ในการประชุมรัฐสภา วาระพิจารณาญัตติด่วน เรื่องขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) นายพรชัย วิทยาเลิศพันธุ์ สว. แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องอาศัยอำนาจขององค์กรอิสระตีความว่าเราควรทำประชามติก่อนหรือหลังที่จะมีมติร่างรัฐธรรมนูญบับแก้เพิ่มเติม เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยแล้วว่าต้องทำประชามติเพียง 2 ครั้ง ซึ่งการที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียง 2 พรรค ไม่ใช่เจตจำนงของรัฐสภา ซึ่งหากส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมั่นใจได้อย่างไรว่าคำวินิจฉัยจะต่างไปจากเดิมเมื่อปี 2564 และหากท่านไม่มั่นใจตั้งแต่ต้นจะยื่นร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขประกบกับร่างของพรรคประชาชนทำไม ทำไมไม่ทักท้วงที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตั้งแต่ต้น การกระทำที่ลักกะปิดลักกะเปิดเช่นนี้สามารถตีความได้หรือไม่ว่าเป็นการเตะถ่วงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อเทียบกับปี 2564 ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาพิจารณา 40 วัน ดังนั้นต่อให้ยื่นเรื่องวันนี้เลยคำวินิจฉัยก็ไม่น่าจะทันปิดสมัยการประชุมนี้ ในวันที่10 เมษายน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบัญญัติให้ สว. ต้องทำหน้าที่แทนปวงชนชาวไทยโดยไม่อยู่ในอาณัติและความควบคุมใดๆ ต้องไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด หรืออยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด จึงหวังว่า สว. จะเคารพและทำตัวเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย หากผลออกมาว่าปวงชนชาวไทยต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง เป็นตัวแทนพรรคการเมืองจนเกิดเป็นวิกฤตศรัทธาครั้งใหญ่หลวงอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้

น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.อภิปรายว่า อาการของท่านมันออกมานานแล้วที่ไม่อยากจะแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าจำเป็นจะต้องแก้ก็พยายามยื้อให้นานที่สุด ทั้งที่ตอนหาเสียงก็บอกจะแก้รัฐธรรมนูญกันทุกพรรค ไม่เชื่อไปเอาคลิปเสียงมาดูได้ แต่พอถึงเวลาที่ควรจะแก้ ก็ตีกรรเชียงจนกลายเป็นดับเบิ้ลญัตติในวันนี้ ทำไมเราจึงต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความเรื่องนี้กันอีก ตนมองว่าเป็นการกลับหลังหันย้อนเวลาหาอดีตกลับไปเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเคยตีความไว้ตั้งแต่ปี 64 มีความชัดเจนในตัวแล้ว การส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความในครั้งนั้น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ บางทีผู้ที่เสนอญัตติใหม่ในวันนี้ อาจจะลืมไปว่านายชูศักดิ์อยู่พรรคเดียวกับท่าน แล้วท่านไม่เคยคุยกันในพรรคเลยหรือ ถึงต้องมาเสนอญัตติใหม่ และการที่ศาลฯไม่ได้วินิจฉัยในครั้งนั้น แสดงว่ามอบอำนาจให้แก่รัฐสภา และพูดชัดว่าให้ทำประชามติ 2 ครั้ง ไม่มีการพูดถึงครั้งที่ 3 แล้วเราจะส่งไปถามอีกทำไม หรืออยากจะให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย


“ไอน์สไตล์ เคยกล่าวไว้ว่ามีแต่คนวิกลจริตเท่านั้นแหละ ที่ทำแต่สิ่งเดิมซ้ำๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง เราใช้เวลาอีกเป็นเดือนหรือหลายเดือน เพื่อจะรับคำตอบเดียวกับปีที่แล้วหรือ ที่สำคัญเราอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้อยู่ระบอบประชาธิปไตยภายใต้ศาลรัฐธรรมนูญ ทุกย่างก้าวต้องถามศาลรัฐธรรมนูญ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ก็ยังต้องเสนอให้ศาลวินิจฉัยอีกนี่มันเกินขอบเขตอำนาจไปหรือไม่ ทำกันแบบนี้จะเหลือความเป็นประชาธิปไตยที่ไหนอีก” น.ส.นันทนา กล่าว

น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติที่มาจากประชาชนโดยตรงต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญทุกเรื่อง น้ำหก กระจกแตก ก็ต้องไปถามหมด จนเหมือนครูใหญ่ดูแลเด็กอนุบาล ท่านอยากให้เป็นอย่างนั้นหรือ หลักการคานอำนาจ 3 เสา บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ยังใช้ในประเทศไทยของเราได้หรือไม่ ถ้าใช่เราก็ต้องยืนยันอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติที่หนักแน่นและชัดเจน ตนหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เอารัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกัน เล่นเกมแพ้ชนะในการเมืองของพวกท่าน ประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญที่ดี เพื่อจะได้มีผู้ปกครองที่ดี และเมื่อเขามีผู้ปกครองที่ดี ปากท้องเขาก็จะดีตามมา จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญให้ประชาชนปากท้องที่ดีกว่าทุกกว่านี้

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เชื่อว่าการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ถ้าไม่ตีความให้ชัดเจน จะมาเจอวังวนเดิม ถ้าให้เลือกว่าเป็นการเตะถ่วงตนเลือกเอาเตะถ่วง ดีกว่าส่งรัฐธรรมนูญไปตกตาย ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาเตะถ่วง แต่ต้องการผ่าทางตันให้เกิดความชัดเจน ชี้ขาดให้ชัดใครคือของจริง ของปลอม การอ้างว่าไปยื่นเพื่อขยายขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญทำไมนั้น ในสภามีทั้งคนอยู่ในโลกอุดมการณ์ และโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าโลกในอุดมการณ์ตนไม่อยากให้มีแม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญเลย แต่โลกแห่งความจริงประเทศไทยมีศาลรัฐธรรมนูญ เราฝืนได้หรือไม่


“โลกแห่งอุดมการณ์ศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรมายุบพรรค เพราะคนที่ยุบพรรคคือประชาชน แต่โลกคาทจริงยุบมาแล้วกี่พรรค บางพรรคยุบมาแล้วกี่ครั้ง และในโลกอุดมการณ์ นายกฯไม่ควรถูกปลดด้วยข้อหาทำกับข้าวออกทีวี และนายกฯ ไม่ควรถูกปลดด้วยข้อหาจริยธรรมง่ายๆ เหมือนปีที่แล้ว ทั้งนายกสมัคร นายกเศรษฐา ไม่ควรโดน แต่โลกความจริงมันโดนแล้ว และไม่รู้ว่าวันข้างหน้าใครจะโดนอีก รัฐธรรมนูญฉบับชัดเจน ถ้าโลกความจริงอำนาจประชาชนเป็นของจริง ป่านนี้แก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว แต่ศาลบอกว่าต้องไปทำนั่นทำนี่ การยื่นตีความให้เกิดความชัดเจน พวกผมจะได้ไม่เอาผ้ามัดตาเดิน หรือจะเสี่ยงเอาผ้ามัดตาเดินต่อ แล้วไปตกบ่อตายคุณจะโทษใคร แต่ถ้าเปิดตาเดินเลย เสียเวลานิดเดียว”นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวต่อว่า การยื่นให้ศาลพิจารณาคิดว่าใช่เวลาไม่นาน เมื่อวินิจฉัยออกมา เราก็จะได้เปิดตาเดิน ตนยังเชื่อว่าเป็นวิธีแก้รัฐธรรมนูญถูกต้องที่สุด หลายคนชอบอ้างไอสไตน์ว่า คนโง่เท่านั้นที่ทำวิธีการเดิมๆ แต่อยากได้คำตอบใหม่ แต่คุณพูดไม่หมด ถ้าไอสไตน์ยังอยู่ ตนจะถามว่า ทำวิธีการเดิมๆ แต่บริบทใหม่ อาจจะได้คำตอบใหม่ วันนี้เกิดความเห็นแตกต่างเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญระหว่างองค์กร เป็นบริบทใหม่ ก็หวังว่าจะได้รับคำตอบใหม่ และรู้ได้อย่างไรจะได้คำตอบเดิมถ้าไม่ยื่นตีความ วันนี้ถ้าไอน์สไตน์ฟื้นขึ้นมา อาจต้องคิดใหม่ เพราะฉะนั้นตนภูมิใจที่จะสนับสนุนให้นำญัตตินี้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ .319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]

จัดโพเดียมกลางตึกไทยคู่ฟ้า รอนายกฯ แถลงหลังศาลอ่านคำวินิจฉัย

ทำเนียบ 28 ส.ค.-จัดโพเดียมกลางตึกไทยคู่ฟ้ารอ “แพทองธาร” นายกฯ แถลง หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยปมคลิปเสียงสนทนา “ฮุนเซน” ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบทีมทนายความ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนเข้ารับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดีคลิปเสียงสนทนา “สมเด็จฮุน เซน” ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 14.00 น. เพื่อติดตามรับชมการถ่ายทอดสดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า และจัดเตรียมห้องสีม่วง สำหรับรัฐมนตรีที่มาให้กำลังใจ ร่วมรับฟังคำวินิจฉัยไปพร้อมกัน ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการอ่านคำวินิจฉัย นายกฯ จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน บริเวณโถงกลาง ภายในตึกไทยคู่ฟ้า และจะเดินทางกลับออกไปในทันที โดยคาดว่าจะไม่เปิดให้สื่อมวลชนได้ซักถาม ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากทำเนียบฯ ต้องจับตาว่า น.ส.แพทองธาร จะเดินทางไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อพบกับสมาชิก สส. และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย หรือไม่ เพราะสมาชิก […]