“สุทิน” ชี้หากอำนาจประชาชนเป็นของจริงป่านนี้แก้รธน.เสร็จแล้ว

รัฐสภา 17 มี.ค. -“สุทิน” แนะแยกแยะโลกความจริง-อุดมการณ์ หากอำนาจประชาชนเป็นของจริงป่านนี้แก้รธน.เสร็จแล้ว ชี้ควรยื่นศาลจะได้เปิดตาเดิน ยันเป็นการตีความในบริบทใหม่ ถ้า “ไอน์สไตน์” ฟื้นขึ้นมา อาจต้องคิดใหม่ ด้าน “นันทนา” ซัด ดับเบิ้ลญัตติส่งศาลรธน. เป็นการกลับหลังหันย้อนเวลาหาอดีต ยก “ไอน์สไตล์” เคยกล่าวไว้ว่า มีแต่คนวิกลจริตเท่านั้นที่ทำแต่สิ่งเดิมซ้ำๆ “สว.พรชัย” ฉะ “เพื่อไทย” หากข้องใจทำประชามติแล้วยื่นร่างแก้รธน.ประกอบ “พรรคประชาชน” ทำไม


ในการประชุมรัฐสภา วาระพิจารณาญัตติด่วน เรื่องขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) นายพรชัย วิทยาเลิศพันธุ์ สว. แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องอาศัยอำนาจขององค์กรอิสระตีความว่าเราควรทำประชามติก่อนหรือหลังที่จะมีมติร่างรัฐธรรมนูญบับแก้เพิ่มเติม เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยแล้วว่าต้องทำประชามติเพียง 2 ครั้ง ซึ่งการที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียง 2 พรรค ไม่ใช่เจตจำนงของรัฐสภา ซึ่งหากส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมั่นใจได้อย่างไรว่าคำวินิจฉัยจะต่างไปจากเดิมเมื่อปี 2564 และหากท่านไม่มั่นใจตั้งแต่ต้นจะยื่นร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขประกบกับร่างของพรรคประชาชนทำไม ทำไมไม่ทักท้วงที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตั้งแต่ต้น การกระทำที่ลักกะปิดลักกะเปิดเช่นนี้สามารถตีความได้หรือไม่ว่าเป็นการเตะถ่วงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อเทียบกับปี 2564 ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาพิจารณา 40 วัน ดังนั้นต่อให้ยื่นเรื่องวันนี้เลยคำวินิจฉัยก็ไม่น่าจะทันปิดสมัยการประชุมนี้ ในวันที่10 เมษายน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบัญญัติให้ สว. ต้องทำหน้าที่แทนปวงชนชาวไทยโดยไม่อยู่ในอาณัติและความควบคุมใดๆ ต้องไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด หรืออยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด จึงหวังว่า สว. จะเคารพและทำตัวเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย หากผลออกมาว่าปวงชนชาวไทยต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง เป็นตัวแทนพรรคการเมืองจนเกิดเป็นวิกฤตศรัทธาครั้งใหญ่หลวงอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้

น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.อภิปรายว่า อาการของท่านมันออกมานานแล้วที่ไม่อยากจะแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าจำเป็นจะต้องแก้ก็พยายามยื้อให้นานที่สุด ทั้งที่ตอนหาเสียงก็บอกจะแก้รัฐธรรมนูญกันทุกพรรค ไม่เชื่อไปเอาคลิปเสียงมาดูได้ แต่พอถึงเวลาที่ควรจะแก้ ก็ตีกรรเชียงจนกลายเป็นดับเบิ้ลญัตติในวันนี้ ทำไมเราจึงต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความเรื่องนี้กันอีก ตนมองว่าเป็นการกลับหลังหันย้อนเวลาหาอดีตกลับไปเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเคยตีความไว้ตั้งแต่ปี 64 มีความชัดเจนในตัวแล้ว การส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความในครั้งนั้น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ บางทีผู้ที่เสนอญัตติใหม่ในวันนี้ อาจจะลืมไปว่านายชูศักดิ์อยู่พรรคเดียวกับท่าน แล้วท่านไม่เคยคุยกันในพรรคเลยหรือ ถึงต้องมาเสนอญัตติใหม่ และการที่ศาลฯไม่ได้วินิจฉัยในครั้งนั้น แสดงว่ามอบอำนาจให้แก่รัฐสภา และพูดชัดว่าให้ทำประชามติ 2 ครั้ง ไม่มีการพูดถึงครั้งที่ 3 แล้วเราจะส่งไปถามอีกทำไม หรืออยากจะให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย


“ไอน์สไตล์ เคยกล่าวไว้ว่ามีแต่คนวิกลจริตเท่านั้นแหละ ที่ทำแต่สิ่งเดิมซ้ำๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง เราใช้เวลาอีกเป็นเดือนหรือหลายเดือน เพื่อจะรับคำตอบเดียวกับปีที่แล้วหรือ ที่สำคัญเราอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้อยู่ระบอบประชาธิปไตยภายใต้ศาลรัฐธรรมนูญ ทุกย่างก้าวต้องถามศาลรัฐธรรมนูญ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ก็ยังต้องเสนอให้ศาลวินิจฉัยอีกนี่มันเกินขอบเขตอำนาจไปหรือไม่ ทำกันแบบนี้จะเหลือความเป็นประชาธิปไตยที่ไหนอีก” น.ส.นันทนา กล่าว

น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติที่มาจากประชาชนโดยตรงต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญทุกเรื่อง น้ำหก กระจกแตก ก็ต้องไปถามหมด จนเหมือนครูใหญ่ดูแลเด็กอนุบาล ท่านอยากให้เป็นอย่างนั้นหรือ หลักการคานอำนาจ 3 เสา บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ยังใช้ในประเทศไทยของเราได้หรือไม่ ถ้าใช่เราก็ต้องยืนยันอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติที่หนักแน่นและชัดเจน ตนหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เอารัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกัน เล่นเกมแพ้ชนะในการเมืองของพวกท่าน ประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญที่ดี เพื่อจะได้มีผู้ปกครองที่ดี และเมื่อเขามีผู้ปกครองที่ดี ปากท้องเขาก็จะดีตามมา จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญให้ประชาชนปากท้องที่ดีกว่าทุกกว่านี้

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เชื่อว่าการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ถ้าไม่ตีความให้ชัดเจน จะมาเจอวังวนเดิม ถ้าให้เลือกว่าเป็นการเตะถ่วงตนเลือกเอาเตะถ่วง ดีกว่าส่งรัฐธรรมนูญไปตกตาย ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาเตะถ่วง แต่ต้องการผ่าทางตันให้เกิดความชัดเจน ชี้ขาดให้ชัดใครคือของจริง ของปลอม การอ้างว่าไปยื่นเพื่อขยายขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญทำไมนั้น ในสภามีทั้งคนอยู่ในโลกอุดมการณ์ และโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าโลกในอุดมการณ์ตนไม่อยากให้มีแม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญเลย แต่โลกแห่งความจริงประเทศไทยมีศาลรัฐธรรมนูญ เราฝืนได้หรือไม่


“โลกแห่งอุดมการณ์ศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรมายุบพรรค เพราะคนที่ยุบพรรคคือประชาชน แต่โลกคาทจริงยุบมาแล้วกี่พรรค บางพรรคยุบมาแล้วกี่ครั้ง และในโลกอุดมการณ์ นายกฯไม่ควรถูกปลดด้วยข้อหาทำกับข้าวออกทีวี และนายกฯ ไม่ควรถูกปลดด้วยข้อหาจริยธรรมง่ายๆ เหมือนปีที่แล้ว ทั้งนายกสมัคร นายกเศรษฐา ไม่ควรโดน แต่โลกความจริงมันโดนแล้ว และไม่รู้ว่าวันข้างหน้าใครจะโดนอีก รัฐธรรมนูญฉบับชัดเจน ถ้าโลกความจริงอำนาจประชาชนเป็นของจริง ป่านนี้แก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว แต่ศาลบอกว่าต้องไปทำนั่นทำนี่ การยื่นตีความให้เกิดความชัดเจน พวกผมจะได้ไม่เอาผ้ามัดตาเดิน หรือจะเสี่ยงเอาผ้ามัดตาเดินต่อ แล้วไปตกบ่อตายคุณจะโทษใคร แต่ถ้าเปิดตาเดินเลย เสียเวลานิดเดียว”นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวต่อว่า การยื่นให้ศาลพิจารณาคิดว่าใช่เวลาไม่นาน เมื่อวินิจฉัยออกมา เราก็จะได้เปิดตาเดิน ตนยังเชื่อว่าเป็นวิธีแก้รัฐธรรมนูญถูกต้องที่สุด หลายคนชอบอ้างไอสไตน์ว่า คนโง่เท่านั้นที่ทำวิธีการเดิมๆ แต่อยากได้คำตอบใหม่ แต่คุณพูดไม่หมด ถ้าไอสไตน์ยังอยู่ ตนจะถามว่า ทำวิธีการเดิมๆ แต่บริบทใหม่ อาจจะได้คำตอบใหม่ วันนี้เกิดความเห็นแตกต่างเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญระหว่างองค์กร เป็นบริบทใหม่ ก็หวังว่าจะได้รับคำตอบใหม่ และรู้ได้อย่างไรจะได้คำตอบเดิมถ้าไม่ยื่นตีความ วันนี้ถ้าไอน์สไตน์ฟื้นขึ้นมา อาจต้องคิดใหม่ เพราะฉะนั้นตนภูมิใจที่จะสนับสนุนให้นำญัตตินี้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ .319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.- ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด เผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ หากเหตุการณ์ปะทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]