“สุริยะ” เผยนายกฯ สั่งเอาผิดโทษสูงสุดเหตุคานสะพานถล่ม

ทำเนียบ 17 มี.ค.- “สุริยะ” เผย นายกฯ สั่งการตรวจสอบเอาผิดบริษัทผู้รับเหมารับโทษสูงสุด ขอเวลาไม่เกิน 1 เดือน เผย จ้างวิศวกรรมสถานมาเป็นที่ปรึกษาตรวจสอบโครงการทั้งหมด เริ่มใช้มาตรการสมุดพกสิ้นเดือน เม.ย.นี้ สั่งให้ทบทวนการแบ่งสัญญา ยันโครงการแล้วเสร็จภายในปีนี้แน่นอน


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม แถลงหลังประชุมเรื่องมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างถนนและเส้นทางคมนาคม ภายหลังโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง -ว งแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 3 บริเวณถนนพระราม 2 ทรุดตัว ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการว่า ถ้าหากตรวจสอบแล้ว ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากความผิดของบริษัทผู้รับเหมาหรือผู้ควบคุมงานให้ใช้กฎหมายที่มีอยู่ โดยพิจารณาบทลงโทษสูงสุด ตามมาตรา 109 หมวด 12 ของพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างปี 2560 ว่าด้วยการทิ้งงาน

ทั้งนี้ มีการรายงานถึงมาตรการสมุดพกเพื่อตัดแต้มผู้รับเหมาหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ทางอธิบดีกรมบัญชีกลางระบุว่า มาตรการปัจจุบันตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง สามารถนำเรื่องดังกล่าวเข้ามาใช้ได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอมาตรการสมุดพก แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละกรมต้องใช้ดุลยพินิจ​ และทางเจ้าหน้าที่ก็ห่วงว่า อาจถูกฟ้องร้องได้ อย่างไรก็ตามคิดว่า ควรตรวจสอบให้ชัดเจน และหากเป็นความบกพร่องของผู้รับเหมาทำให้เสียชีวิต ก็คงต้องใช้มาตรการสูงสุด


ส่วนจะสามารถเอาผิดผู้รับเหมาได้หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้เหตุเพิ่งเกิดเมื่อ 2 วันที่แล้ว ตอนนี้ทางการพิเศษจะรีบตรวจสอบข้อเท็จจริง คาดว่า ใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน

ทั้งนี้ จะมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ในช่วงนี้การก่อสร้างคงมีต่อไป ตนเชื่อว่า คนที่เดินทางผ่านถนนพระราม 2 คงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ตนจะเสนอให้สภาวิศวกรรมสถานให้มาตรวจสอบกระบวนการ โดยจะมีการจ้างเข้ามาเป็นที่ปรึกษาดูกระบวนการทั้งหมดว่า เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการขอร้องให้ทางสภาวิศวกรรมสถาน มาช่วยดูแต่ไม่มีการจ่ายค่าจ้าง แต่ขณะนี้เราต้องมีการดำเนินการว่าจ้างให้เป็นกิจลักษณะ

นายสุริยะ ยืนยันว่า หากความผิดพลาดเกิดจากบริษัทที่ปรึกษา ได้มีการสั่งการให้มีการดำเนินคดีอาญาและทางแพ่ง และอาจถึงขั้นยึดใบอนุญาตที่ปรึกษาด้วย


นายสุริยะ ยืนยันว่า โครงสร้างการก่อสร้างทุกโครงการที่ผ่านมา ไม่มีโครงการไหนที่ไม่แข็งแรง เพราะตอนออกแบบใช้มาตรการที่เป็นไปตามมาตรฐานวิศวกรรม และวัสดุการก่อสร้างได้มาตรฐาน เพียงแต่ขั้นตอนการก่อสร้าง การควบคุมงานอาจเกิดความประมาทเลินเล่อของผู้รับเหมาจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา

นายสุริยะ ย้ำว่า ที่ผ่านตนได้กำชับทางอธิบดีกรมทางหลวง อธิบดีกรมทางหลวงชนบท และรฟม.ที่ก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ให้ไปพูดคุยกับผู้รับเหมาอย่าให้เกิดอุบัติเหตุ ในขณะที่ทางกระทรวงได้เชิญผู้รับเหมามาเน้นย้ำ แต่ปรากฏว่า ยังเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาอีก จึงได้เสนอมาตรการสมุดพกขึ้นมาและเริ่มมีการตัดคะแนน ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เสียชีวิต ในมาตรการสมุดพกจะมีการให้บริษัทนั้นถูกขึ้นแบล็คลิสต์ไม่สามารถเสนอราคาได้อีก ทำให้ผู้รับเหมาต้องทำงานด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะถ้าเกิดแบล็คลิสต์ไปแล้ว เครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ไม่สามารถนำมาทำงานได้ อาจถึงบริษัทขาดสภาพคล่องและล้มละลายได้ โดยขั้นตอนสมุดพกจะดำเนินการให้มีผลบังคับใช้ได้ ช้าสุดไม่เกินสิ้นเดือนเมษายนนี้ ส่วนจะสมุดพกจะย้อนหลังไปถึงเหตุการณ์ก่อนได้หรือไม่ เรื่องนี้กำลังพิจารณาอยู่

นายสุริยะ ยอมรับว่า ต้องมีการทบทวนการแบ่งสัญญาใหม่ เพราะที่ผ่านมามีการแบ่งงานซอยงานสัญญาไปหลายสัญญา อย่างกรณีการก่อสร้างเส้นพระราม 2 มีการซอยสัญญาไป 14 สัญญาทำให้บางสัญญาการก่อสร้างไม่เสร็จทำให้เกิดฟันหลอ จึงได้สั่งการไปว่า จากนี้ต้องแบ่งสัญญาเท่าที่จำเป็น

ทั้งนี้ การก่อสร้างทางด่วนพระราม 2 ก็เกิดอุบัติเหตุหลายครั้งแล้ว จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในการก่อสร้างหรือไม่ เพื่อให้การก่อสร้างราบรื่น นายสุริยะ กล่าวว่า ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจ ตนก็เข้าใจความรู้สึกของประชาชน จึงเป็นที่มาที่บอกว่า หากเกิดอุบัติเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตจะต้องห้ามรับงาน ทำให้บริษัทผู้รับเหมาต้องมีมาตรการที่เข้มข้น และเป็นที่มาที่จะจ้างวิศวกรรมการมาตรวจสอบเพื่อให้การก่อสร้างมีมาตรฐาน

ทั้งนี้ จะมีกระแสสังคม อยากให้รัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบลาออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสุริยะ กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงคมนาคมดำเนินการมาตลอด จนในที่สุดมีมาตรการที่ชัดเจนแบล็คลิสต์ผู้รับเหมา ตนเชื่อว่า ความปลอดภัยจะดีขึ้นแน่นอน

อย่างไรก็ตาม นายสุริยะ ยืนยันว่า การก่อสร้างทางด่วนพระราม 2 จะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปี 68 แน่นอน.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รถทัวร์เบรกแตก

ผู้โดยสารเผยได้กลิ่นไหม้ ก่อนบัสพุ่งชนท้ายรถพ่วง ตาย 7 เจ็บกว่า 50

รถบัสโดยสารพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วงไฟลุกท่วม เสียชีวิต 7 คน บาดเจ็บอีกกว่า 50 คน นายอำเภอนาดี เผยคาดรถทัวร์เบรกแตก แต่กำลังเร่งตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง ขณะที่ผู้โดยสารเผยได้กลิ่นไหม้ และรถบัสแวะจอดปั๊มครั้งเดียว ก่อนขับยาว

ทรายสก๊อต

อธิบดีกรมอุทยานฯ ลั่นทำงานร่วมกับ “ทราย สก๊อต” ต่อไม่ได้

อธิบดีกรมอุทยานฯ เผยสำนักอุทยานแห่งชาติกำลังรวบรวมข้อร้องเรียนที่มีต่อ “ทราย สก๊อต” มาให้พิจารณาเพื่อให้ปลดจากตำแหน่งที่ปรึกษา ชี้ไม่สามารถร่วมงานกันต่อไปได้ มีพฤติกรรมไม่ให้เกียรติองค์กร คอนเทนต์เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียกระทบผู้อื่น

สป.สายไหม

“กัน จอมพลัง” หอบหลักฐานร้องสอบ สป.สายไหม เอี่ยวเว็บพนัน

“กัน จอมพลัง” หอบหลักฐาน ร้องตรวจสอบ สป.สายไหม เอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ ยินดีให้ตำรวจตรวจสอบกลับ มั่นใจประวัติขาวสะอาด ย้ำ “ลูกพีช” ควรขอโทษอย่างจริงใจ

กรรมการไชน่าเรลเวย์

คุม “ชวนหลิง จาง” กรรมการ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ฝากขัง-เร่งล่านอมินีไทยที่ยังหลบหนี

DSI คุมนายชวนหลิง จาง กรรมการ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ฝากขังศาลอาญาข้อหาใช้นอมินี ขณะที่ดีเอสไอเร่งล่านอมินี คาดหนีกลบดานในไทย