เชียงราย 14 มี.ค.-ผู้นำฝ่ายค้าน แอ่วชายแดน “แม่สาย” พบร้านค้าร้าง มีแต่คนขาย ชี้ควรเสริมมาตรการท่องเที่ยว ฟื้นเศรษฐกิจพื้นที่ จี้เงินเยียวยาน้ำท่วม 135 ล้านบาท ค้างอยู่ที่ ครม. แนะ “รัฐบาล” สื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจ หลังโครงการสร้างกำแพงน้ำสาย กระทบชีวิต
ที่ตลาดสายลมจอย อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ชายแดนอำเภอแม่สาย ฝั่งตรงข้ามจังหวัดท่าขี้เหล็กของเมียนมา โดยตรวจดูการขุดลอกลำน้ำสายที่ตื้นเขิน ซึ่งเป็นสาเหตุของอุทกภัยในระยะยาว ก่อนจะเดินดูตลาดเดินเยี่ยมตลาดสายลมจอย ซึ่งพบว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีแต่พ่อค้าแม่ค้า แต่ไม่มีผู้ซื้อเลยแม้แต่น้อย
จากนั้น นายณัฐพงษ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ ว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาชน มีการจัดกิจกรรมประชาชนอาสา ฟื้นฟูเมืองแม่สายจากเหตุอุทกภัย พร้อมขอบคุณนายกเทศมนตรีแม่สาย และ สส. ในพื้นที่ และคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องสำหรับการหารือในวันนี้
จากการหารือ ยังมีประเด็นในการติดตามเงินเยียวยา 9,000 บาท และฟื้นฟูบ้านเรือน 10,000 บาท ที่ยังมีงบประมาณค้างอยู่กว่า 135 ล้านบาท ที่รอเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังมีงบประมาณในการแก้ไขปัญหาระยะกลาง ระยะยาว เช่น งบกรมโยธาธิการและผังเมือง กว่า 3,000 บาท เพื่อสร้างแนวกำแพงป้องกันน้ำท่วม ซึ่งตอนนี้ยังติดปัญหาสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำระหว่างสองชายแดน
นายณัฐพงษ์ ตอบคำถามถึงการเสนอแก้ไขปัญหสาต่อรัฐบาลว่า ปัญหาที่เกิดอยู่ไม่ได้เกิดในฝั่งไทยอย่างเดียว และเกิดมายาวนานแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาในการพูดคุยกับประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน ซึ่งข้อมูลในที่ประชุมที่ผ่านมา ทราบว่าประชาชนมีความเข้าใจ เพียงแต่กระบวนการสำคัญ เช่นการเจรจาว่าพื้นที่ที่ประชาชนเคยอยู่ริมน้ำ เมื่อถูกเวรคืนแล้วจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลควรจะเร่งลงมาสื่อสารให้กับประชาชนได้เข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามถึงบรรยากาศเศรษฐกิจในอำเภอแม่สาย ซึ่งทำให้เห็นว่ามีผู้ซื้อบางตา ณ ตลาดสายลมจอย นั้น นายณัฐพงษ์ เสนอแนะว่า การเปิดเมืองท่องเที่ยวหลังน้ำลด ซึ่งอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ รัฐบาลก็ควรมีมาตรการออกมาส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากเทศบาลตำบลแม่สายติดปัญหากฎหมาย 180 วันก่อนการเลือกตั้ง ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณในการดำเนินนโยบายได้ และเป็นสิ่งที่ตนจะได้นำไปผลักดันต่อไป
ส่วนการสะท้อนปัญหาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ ที่มีภาคเอกชนผลักดันเศรษฐกิจในพื้นที่มากกว่าภาครัฐ นั้น นายณัฐพงษ์ มองว่า การปกครองท้องถิ่นก็มีข้อจำกัดอยู่เช่นเดียวกัน ฉะนั้นควรจะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐในการสนับสนุน รวมถึงความร่วมมือจาก สส. ในพื้นที่.-312.-สำนักข่าวไทย