ทำเนียบ 14 มี.ค.- นายกฯ หารือ เอกอัครราชทูตภูฏานประจำประเทศไทย เตรียมความพร้อมอย่างสมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือน เป็นครั้งแรกในรัชกาลปัจจุบัน ขณะที่ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ พร้อมลงนาม FTA ระหว่างกันในประชุมบิมสเทคที่ไทย เมษายน นี้
นายคินซัง ดอร์จิ (H.E. Mr. Kinzang Dorji) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางศิริลักษณ์ นิยม รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นางสาวธีราภา ไพโรหกุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนางสาวศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์ อธิบดีกรมเอเชียใต้ตะวันออกกลางและแอฟริกา เข้าร่วม
โดยนายกรัฐมนตรี และเอกอัครราชทูตภูฏานประจำประเทศไทย ยินดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับภูฏานที่มีความใกล้ชิดกันในทุกระดับ และมีพัฒนาการความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเอกอัครราชทูตภูฏานฯ ย้ำว่า ประเทศไทยเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของภูฏาน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า นอกจากนี้ ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของชาวภูฏานทั้งในด้านการท่องเที่ยว การรักษาพยาบาล และการศึกษา ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ ต้องการสานต่อและเพิ่มพูนความร่วมมืออันดีกับไทยต่อไป


โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี และ เอกอัคราชทูตภูฏาน ได้หารือเพื่อเตรียมการเสด็จพระราชดำเนิน เยือนภูฏานอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ซึ่งถือเป็นการเสด็จ พระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ (State Visit) เป็นครั้งแรกในรัชกาลปัจจุบัน และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
โดยนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุกมิติ และหน่วยงานทั้งสองประเทศจะได้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ให้การเสด็จพระราชดำเนินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ
โดยทั้งสองประเทศเชื่อมั่นว่า การเสด็จพระราชดำเนินเยือนในครั้งนี้จะสร้างความปลื้มปิติให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนส่งเสริมความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกัน
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่าย ยังหารือด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้ การจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ภูฏาน ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อความสำเร็จในการเจรจาจัดทำความตกลงฯ ครั้งที่ 4 ระหว่างกัน และมุ่งหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะลงนามความตกลงฯ ในช่วงการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 (The 6th BIMSTEC Summit) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนเมษายนปีนี้ โดยนายกรัฐมนตรีภูฏาน จะเข้าร่วมประชุมด้วย
ส่วนโครงการเมืองอัจฉริยะ Gelephu Mindfulness City (GMC) หรือเมืองเกเลฟู เอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า GMC มีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของภูฏาน เชื่อมต่อภูมิภาคเอเชียใต้เข้ากับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีการดึงดูดการลงทุนและความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ซึ่งรวมถึงไทยด้วย โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยให้ความสนใจลงทุนในโครงการ GMC ของภูฏาน ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ และต้องการทราบข้อมูลนโยบาย กฎระเบียบและข้อบังคับการลงทุนใน GMC เพื่อศึกษาและเผยแพร่ให้กับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป .-316 -สำนักข่าวไทย