ป.ป.ช. 12 มี.ค.- ป.ป.ช. สนธิกำลังปฏิบัติการร่วม ปปท. และ ป.ป.ป. จับกุม 7 เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ เสียหายกว่า 2.7 ล้านบาท
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และนายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการสืบสวนกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ปฏิบัติการจับกุมเจ้าหน้าที่สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จัดจ้างซ่อมรถโดยสารเป็นเท็จ มูลค่าความเสียหาย 2,790,928 บาท จำนวน 7 ราย ดังนี้
- 1.นายดำรงค์ อดีตผู้อำนวยการ สังกัด กองการกีฬาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 19/68
- 2.นายภูมินทร์ นักพัฒนาการกีฬา สังกัด กองการกีฬาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 20/68
- 3.นายคมกริช นักพัฒนาการกีฬา สังกัด กองการกีฬาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 21/68
- 4.นายปฏิญญา เจ้าพนักงานพัสดุ สังกัด กองการกีฬาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 22/68
- 5.นางสาวสิริกัญญา เจ้าพนักงานธุรการชำนาญการ สังกัด กองการกีฬาฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 25/68
- 6. นายอภินันท์ นักพัฒนาการกีฬา สังกัด กองการกีฬาฯ
- 7. นางสาวสุชาวดี นักวิชาการพัสดุ สังกัด กองการกีฬาฯ ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” และ “ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร
กระทำการดังต่อไปนี้ ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ (1) รับรองเป็นหลักฐาน ว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ (2) รับรองเป็นหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง (3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจดหรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ (4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริง อันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
คดีนี้สืบเนื่องจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการจ้างเหมาซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 45 – 50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน ในหน่วยงานราชการ สังกัด กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จึงดำเนินการตรวจสอบเอกสาร พบว่ามีการเบิกฎีกาจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว ในห้วงระหว่างปี พ.ศ. 2565 – 2566 โดยไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริง จำนวน 11 ครั้ง โดยมีกลุ่มของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุขออนุมัติจ้างซ่อม และทำการปลอมใบเสนอราคาของบริษัทซ่อมรถ ทั้ง 5 คัน เพื่อจัดทำเอกสาร ใบเสนอราคากลางในการจ้างซ่อม แล้วดำเนินการอนุมัติงบประมาณ
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จึงส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการ และมีการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า ในห้วงระหว่างปี พ.ศ. 2565 – 2567 มีการจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว โดยที่ ไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงอีก จำนวน 12 ครั้ง และกรุงเทพมหานครได้ตรวจพบการกระทำลักษณะเดียวกันอีก จำนวน 5 ครั้ง รวมจำนวนเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาทำการเบิกจ่ายค่าซ่อมรถ โดยไม่มีการซ่อมจริง 28 ครั้ง หรือจำนวน 28 ฎีกาของการเบิกจ่ายงบประมาณ เป็นเงินที่มีการทุจริตทั้งสิ้น 2,790,928 บาท
และต่อมา เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 กรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดกรุงเทพมหานคร เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 คน จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจาก ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ต่อมาในวันที่ 12 มีนาคม 2568 ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ได้ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.1 บก.ปปป. และมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดตามกฎหมาย .314.-สำนักข่าวไทย