รัฐสภา 11 มี.ค. – “สว.ภิญญาพัชญ์” กระทุ้ง “รัฐบาล” แจกเงินหมื่นเฟส 3 เยาวชน จะติดตามผลอย่างไร ยกคอมเมนต์โซเชียลเดือดดาล คนวัยทำงานไม่ได้ ทั้งที่แบกภาษีประเทศ! ยันไม่ได้ขวาง แต่ขอให้แจงชัดเจนขึ้น
การประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม น.ส. ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สว. ลุกขึ้นหารือถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมแจกเงิน 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ให้กับผู้ที่มีอายุ 16-20 ปี ว่า ส่วนตัวแล้ว เมื่อเห็นโครงการนี้ ตนมองเห็นถึงวัตถุประสงค์อันดี 3 ประการ ได้แก่ 1. กระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น 2. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล กลุ่มเยาวชนอายุ 16-20 ปี ที่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี และ 3. ส่งเสริมการเรียนรู้การจัดการการเงิน เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ฝึกฝนการวางแผนการใช้จ่าย ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับอนาคต แต่ตนติดตามข่าวสารและความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย พบว่าจากข่าวดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความเดือดดาลของประชาชน มีการตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่แจกให้กับผู้เสียภาษีอย่างกลุ่มวัยทำงานที่เป็นผู้สร้างเศรษฐกิจ แต่กลับมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเยาวชนและผู้สูงอายุอย่างชัดเจน
น.ส.ภิญญาพัชญ์ ยกตัวอย่างความเห็นของคนทั่วไป เช่น คนที่จ่ายภาษีหลักๆ คือ อายุ 20-50 ปี ซึ่งมีภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของแต่ละคน ยังไม่เหมาะสมหรือคำถามที่ว่า ยังไม่เหมาะสมหรือ สะท้อนถึงประเด็นที่ว่า ควรจัดสรรงบประมาณที่มาจากภาษีของกลุ่มวัยทำงานอย่างไร ให้เกิดความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ประชาชนที่เสียภาษีเริ่มรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม ลามไปถึงเรื่องการหาเสียงในอนาคต หรือการสร้างฐานเสียง และมีประชาชนอีกหลายเสียงที่ส่งเสียงบอกว่า เด็กวัยนี้เน้นไปที่การเติมเกม เล่นเกมมากกว่า
“ดิฉันรู้สึกกังวลมากในประเด็นนี้ ว่าหลังจากที่แจกเงินไปแล้ว รัฐบาลจะมีวิธีติดตามผลลัพธ์อย่างไร และโครงการนี้คุ้มค่าหรือไม่ เพราะตั้งแต่เฟสแรกจนถึงเฟสนี้ มีข้อกังวลหลายอย่าง รวมถึงการแจกเงินและกลุ่มเป้าหมายที่ถูกเลือก ซึ่งในเฟสก่อนหน้า มุ่งเน้นไปที่ผู้สูงอายุ ขณะที่กลุ่มเยาวชนในเฟสล่าสุด กลายเป็นที่ถกเถียงในสังคมอย่างกว้างขวาง” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ต้องการขวางโครงการนี้ เพราะเชื่อว่าการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจะช่วยพยุงให้เศรษฐกิจดำเนินต่อได้ แต่ในฐานะวุฒิสภาที่มีหน้าที่ในการกลั่นกรองนโยบาย ตนเห็นว่าจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างรัดกุมและการสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจน เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ว่าจะเป็นไปตามเป้า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงอยากขอเสนอแนะเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องของการสื่อสาร ช่องทางการสื่อสารต้องชัดเจนและเข้าถึงประชาชนได้ง่าย ลดความหวังผิดๆ โดยย้ำว่านี่เป็นมาตรการชั่วคราว ไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว ถาวร ต้องอธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจโดยละเอียด และเข้าถึงทุกกลุ่ม ว่า โครงการนี้มีเป้าหมายอะไร ใช้ช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง.-319 -สำนักข่าวไทย