“วิสุทธิ์” ลั่นถ้าฝ่ายค้านหาทางลงไม่ได้เดี๋ยวเอาบันไดไปให้

รัฐสภา 10 มี.ค.-“วิสุทธิ์” ลั่นถ้าฝ่ายค้านหาทางลงไม่ได้เดี๋ยวเอาบันไดไปให้ ไล่ไปศึกษาข้อกฎหมายก่อน ยกเคส “ชวน” ปี 2545 เคยเอากลับไปแก้มาแล้ว ถามขวางแบบนี้หวังอภิปรายจริงหรือไม่ เชื่อออกมายืนยันในหลักการเยอะเพราะเก้อ ยันไม่ได้ปกป้อง “ทักษิณ” รัฐบาลพร้อมชี้แจง

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยืนยันจะไม่แก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือเรื่องกำหนดวันอภิปราย เพราะยังติดปัญหาฝ่ายค้านต้องกลับไปแก้ญัตติ ตามที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้วินิจฉัยไว้ หากไม่แก้ก็ไม่สามารถบรรจุระเบียบวาระได้ ดังนั้นตอนนี้จึงยังมาหารือเรื่องกำหนดวันอภิปราย ต้องรอให้ประธานบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมก่อนตนจึงจะไปหารือร่วมกับฝ่ายค้าน พร้อมย้ำว่าวันนี้ปัญหาไม่ได้เกิดกับสส.รัฐบาล แต่เป็นเรื่องระหว่างฝ่ายค้านกับประธานสภาผู้แทนราษฎรที่จะไปเจรจากันเอง ซึ่งทราบว่าฝ่ายค้านแจ้งว่าจะไม่แก้ญัตติ ซึ่งถ้าไม่แก้ก็จะไม่ได้บรรจุตนก็ไม่ได้เดือดร้อนกับเขา ก็ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งอะไร เป็นเรื่องที่เขาต้องไปชี้แจงกับนายวันนอร์เอง


“ ในข้อกฎหมายมันเคลียร์อะไรกันไม่ได้ การจะเอากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับมาเคลียร์กันมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ครั้งนี้จะเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ที่สภาโดยฝ่ายค้านจะอภิปรายบุคคลภายนอก จะกลายเป็นวัฒนธรรมที่ไม่เคยมีมาก่อน จะสร้างประวัติศาสตร์ที่ผิดๆ อย่าไปทำเลย ถ้าประธานได้แนะนำ เห็นว่าครั้งหนึ่งสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นผู้นำฝ่ายค้าน นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาในสมัยนั้น ได้ทำหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้านให้แก้ไขญัตติเรื่องอภิปราย ซึ่งนายชวนไม่เห็นด้วย แต่ก็ปฏิบัติตามเพื่อให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตัวอย่างมันมี ไปหาทางทำเอง แต่เห็นออกมาดาหน้ากันเยอะว่าจะไม่แก้ ไม่แก้ก็ไม่ได้บรรจุ ก็ไม่ใช่เรื่องของผม เรื่องของสส.ฝ่ายรัฐบาล รัฐบาลไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วย” นายวิสุทธิ์ กล่าว

สำหรับกรณที่นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน งัดเอกสารญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาผลกระทบการจากสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งมีชื่อของบริษัทเอกชนรายหนึ่งอยู่ด้วยนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ญัตติในกรรมาธิการฯ กับ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ มันคนละเรื่อง อย่าเอามาปนกัน การที่นายวันนอร์ ตัดสินแบบนี้ ตนมองเห็นว่าสภาเป็นที่ออกกฎหมาย และมีนักฎหมายมากมายก่อนจะถึงนายวันนอร์ เชื่อว่าเขาได้พิจารณาดีแล้ว ถูกต้องแล้วนายวันนอร์ถึงได้ส่งญัตติกลับไปหาฝ่ายค้าน ถ้าไม่แก้ก็แล้วแต่ รัฐบาลพร้อมอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรีเตรียมอย่างดีที่จะมาตอบ


ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลพยายามจะเตะถ่วงเพื่อไม่ให้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ นายวิสุทธิ์ ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลเลย เป็นเรื่องของฝ่ายค้านกับประธานสภา ซึ่งก็เห็นดาหน้าออกมาว่าจะไม่ยอมแก้เด็ดขาด ตนมองว่าหากออกมาแรงๆ แบบนี้เดี๋ยวจะไม่มีทางลง ถ้าลงไม่ได้ก็บอกตนเดี๋ยวจะเอาบันไดไปให้ เหมือนกับตอนอภิปรายญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่อภิปราย 2 วัน สุดท้ายก็แก้ไม่ได้ อันนี้ก็ยังจะไปอีก ซึ่งถ้านายวันนอร์ไม่บรรจุมันก็อภิปรายไม่ได้ ซึ่งอาจมองว่าต้องการแก้เก้อ โดยสมัยการประชุมนี้เหลืออีกประมาณ 30 วัน หากยังไม่ได้สามารถยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ในสัปดาห์นี้ก็อาจหวุดหวิด หรือ เปิดอภิปรายไม่ทัน แต่ก็ไม่เกี่ยวกับพวกตนเป็นเรื่องของฝ่ายค้านล้วนๆ ที่ต้องกลับไปแก้ไขญัตติเอง

ส่วนเรื่องการกำหนดจำนวนอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตามกติกามารยาทหลังจากประธานสภาบรรจุเรื่องเข้าสู่ระเบียบวาระ ก็จะเรียก 3 ฝ่ายมาเจรจากัน แต่ยังไม่ถึงวันนั้นเขาก็ประกาศว่า 5 วัน ตนไม่ได้ใจแคบ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเจรจากัน

เมื่อถามว่ามองเจตนาของฝ่ายค้านอย่างไรที่ต้องการคงชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร ไว้ในญัตติ นายวิสุทธิ์ ตั้งข้อสังเกตุว่า ฝ่ายค้านต้องการอภิปรายไม่ไว้วางใจจริงหรือไม่ สงสัยว่าต้องการให้เรื่องคาอยู่อย่างนี้มีข้อมูลจริงหรือไม่ รู้อยู่แล้วว่าถ้าไม่แก้ไขก็อภิปรายไม่ได้ จึงเป็นเรื่องของฝ่ายค้านและประธานจะต้องไปแก้ไข ตนและรัฐบาลไม่ได้เข้าไปแทรกแซง รู้แค่ว่าท่านส่งคืนเท่านั้น ซึ่งทางออกก็คงต้องทำตามคำวินิจฉัยของประธาน


ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่านายวันนอร์ ใช้อำนาจโดยมิชอบที่สั่งให้ตัดชื่อนายทักษิณ ออกจากญัตติ และจะไปฟ้องร้องต่อศาลนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ก็สามารถทำได้ เชิญตามสบาย แต่เชื่อว่าก่อนที่นายวันนอร์ก่อนจะตัดสินใจเช่นนี้น่าจะหารือกับฝ่ายกฎหมายมาอย่างดีแล้ว คงไม่ใช่คิดจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยตัวเอง พร้อมกันนี้ประธานวิปรัฐบาล ยืนยันว่า ไม่ได้ออกมาปกป้องนายทักษิณ แต่แค่อยากให้ทำตามระเบียบ ทำตามระบบของรัฐสภาเสียก่อน เมื่อไม่ทำแล้วไปพูดนอกสภาใครจะไปกลัวคุณ หากบรรจุเข้าระเบียบวาระก็อภิปรายได้เต็มที่ รัฐบาลพร้อมจะตอบทุกเรื่อง ไม่ได้กังวลอะไรเลย ไม่ได้จะปกป้องใคร ซึ่งประธานสภาทำหน้าที่เป็นกลาง และไม่ใช่คนของพรรคตน และส่วนตัวก็ไม่มีเบอร์ติดต่อนายวันนอร์ ไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัว เป็นคำวินิจฉัยของท่านเอง ไม่เกี่ยวกับพวกตน หรือรัฐบาลเลย.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิด “เขากระโดง”

ดีเอสไอ 3 ก.ย.-รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิดเรื่องเขากระโดงไม่มีกำหนด ความคืบหน้าการสืบสวนเรื่องร้องเรียนการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดงจังหวัดบุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งอธิบดีดีเอสไอมีคำสั่งสืบสวน และดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานพบกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่รฟท.เกี่ยวข้อง ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ติดต่อจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องวันนี้ เวลา 14.00น. ล่าสุดพ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย รฟท.ได้ประสานกลับมายังตน ขอเลื่อนการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ออกไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด กรณีนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบพบ กลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าไปเกี่ยวข้อง และการรถไฟฯ เป็นผู้เสียหายจึงประสาน รฟท.ไปให้มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณพื้นที่เขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ หากรฟท.ไม่มาแจ้งร้องทุกข์ ก็เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งรฟท.อีกครั้งให้มาแจ้งความร้องทุกข์ หากยังไม่มาอีก ก็จะประชุมพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารการรถไฟฯ เรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ติดป้ายให้ ‘ชาวกัมพูชา’ รื้อถอน-ย้ายออก พื้นที่บ้านหนองจาน

สระแก้ว 4 ก.ย.-ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งติดป้ายให้ชาวกัมพูชา รื้อถอน-ย้ายออก พื้นที่บ้านหนองจาน ในส่วนของไทย หากฝ่าฝืนเอาผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง-ป่าไม้ โทษปรับ-จำคุก เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน จ.สระแก้ว ติดตั้งประกาศบังคับใช้กฎหมายชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ในราชอาณาจักรไทย บริเวณบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยป้ายมี 3 ภาษา ไทย-กัมพูชา-อังกฤษ พร้อมแผนที่ ระบุว่า “ประกาศให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกถือครองที่ดินและอยู่อาศัยทำกินในราชอาณาจักรไทย เป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย ตามแผนที่แนบท้ายกรอบสีฟ้า หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทย หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมายดังนี้ 1.พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มาตรา 62 และมาตรา 81 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท 2.พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 […]

เร่งล่าคนร้ายฆ่าหญิงสาวยัดกระเป๋าเดินทางถ่วงน้ำ

ชลบุรี 3 ก.ย. – คดีสังหารโหดหญิงปริศนายัดกระเป๋าเดินทาง โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำ จ.ชลบุรี ตำรวจเร่งหาเบาะแสล่าตัวคนร้าย พบลายนิ้วมือแฝงบนดัมเบลที่ใช้ถ่วงน้ำหนักกระเป๋า ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีโซ่เหล็ก และกุญแจล็อกแน่นหนา ขึ้นมาตรวจสอบ หลังจากพบลอยอยู่ในอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ จากการตรวจสอบภายในกระเป๋า พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 30 ปี ไม่ทราบสัญชาติ เปลือยท่อนบน นุ่งกางเกงขา 3 ส่วน สีครีม นอนขดตัวอยู่ในกระเป๋า พบร่องรอยเขียวช้ำบริเวณลำคอ กลางหน้าอก และดั้งจมูก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลว่า ผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน ส่วนบริเวณช่องใส่ของด้านหน้ากระเป๋า พบแผ่นดัมเบล 9 แผ่น (ขนาดน้ำหนัก 5 กก. จำนวน 1 แผ่น / 2.5 […]

แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา

3 ก.ย. – แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา ชี้ผิดมาตรา 112 และมาตรา 157 สะพัด! ตีกลับ พ.ร.ฎ.ยุบสภา เหตุไม่เป็นไปตามระเบียบ-กฤษฎีกาแย้งไร้อำนาจ ด้าน “อนุทิน” บอกยังเป็นแค่ข่าว รอรัฐบาลแจงดีกว่า นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เอาผิดนายภูมิธรรม เวชยชัย ในความผิดมาตรา 112 พร้อมเผยว่า การพยายามยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่หรือสิทธิที่สามารถทำได้ นายไทกร ระบุว่า ได้รับข้อมูลว่านายภูมิธรรม นำเรื่องพระราชกฤษฎีกายุบสภาไปส่งยังสำนักพระราชวังแล้ว หนังสือฉบับนั้นได้ถูกส่งกลับมาที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่พรรคเพื่อไทยและนายภูมิธรรมยังไม่ยอมที่จะเคารพต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิในการที่จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะยุบสภา กลับมีความพยายามที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ โดยมีการทาบทามให้ ดร.วิษณุ เครืองาม และคณะ มาทำหน้าที่ เพื่อที่จะตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นอีกฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะนำส่งสำนักพระราชวังอีกครั้ง ถือว่าการกระทำที่ไม่บังควร “ศุภชัย” […]