เยอรมนี 5 มี.ค.- นายกฯ ชูวิสัยทัศน์ Thailand Tourism ในงาน “Amazing Thailand Networking Event” เบอร์ลิน ยกระดับไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก พร้อมเชิญชวนร่วมกิจกรรมใหญ่ตลอดปี “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025”
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเมื่อเวลา 12.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 6 ชั่วโมง ณ CityCube กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาในงาน Amazing Thailand Networking Event with the Prime Minister of Thailand ซึ่งจัดขึ้นภายใต้งาน Internationale Tourismus-Börse Berlin 2025 (ITB Berlin 2025) โดยสรุปสาระสำคัญของปาฐกถา ดังนี้
รัฐบาลประกาศให้ปี 2568 เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 โดยรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวในฐานะหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในปี 2567 รัฐบาลประสบความสำเร็จในการเพิ่ม GDP ของประเทศจากการท่องเที่ยวไทยได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเกินเป้าหมาย 35 ล้านคน สร้างรายได้รวมกว่า 47.40 พันล้านยูโร หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของ GDP และในปี 2568 นี้รัฐบาลตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 39 ล้านคน สร้างรายได้ 98 พันล้านยูโร คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรป 10.62 ล้านคน จะสร้างรายได้ 24.22 พันล้านยูโร และเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการสำคัญ 5 ประการ ผ่านวิสัยทัศน์ Thailand Tourism เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกได้แก่
1) การเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง โดยเฉพาะการปรับปรุงมาตรการการตรวจลงตรา เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับชาวต่างชาติจาก 93 ประเทศ/ดินแดน การตรวจลงตราประเภท Long Term Resident Visa และการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival) ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังได้นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น ระบบ E-Visa ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System) ในสนามบิน 6 แห่งทั่วประเทศ และเตรียมให้บริการระบบ ตม.6 ออนไลน์ (Thailand Digital Arrival Card: TDAC) นอกจากนี้ รัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด โดยเสริมสร้างระบบตอบสนองเหตุฉุกเฉินและมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดในสถานที่ท่องเที่ยว จึงมั่นใจได้ว่ารัฐบาลห่วงใยถึงความปลอดภัยและความมั่นใจของนักท่องเที่ยว
2) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลมุ่งพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้าเพิ่มขีดความสามารถและผู้ใช้บริการเป็น 250 ล้านคนต่อปี ผ่านการดำเนินการ ดังนี้ (1) ขยายสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง (2) ปรับปรุงสนามบินภูมิภาค ได้แก่ สนามบินอู่ตะเภาภูเก็ต และเชียงใหม่ และ (3) ก่อสร้างสนามบินใหม่ เช่น สนามบินอันดามันและล้านนา นอกจากนี้ รัฐบาลผลักดันการเพิ่มเที่ยวบิน และเปิดเส้นทางการบินใหม่ ๆ สู่ประเทศไทย พร้อมทั้งขยายเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงไทยกับลาวและจีน และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีและกระจายการท่องเที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ทั่วประเทศ
3) ซอฟต์พาวเวอร์ ไทย ด้วยประเทศไทยมีทุนทางวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์และเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยไม่เพียงอยู่ในความภาคภูมิใจของชาติ แต่ยังอยู่ในรอยยิ้ม อาหาร ศิลปะ และการเป็นเจ้าบ้านที่ต้อนรับอย่างอบอุ่น และนำเสนอให้เห็นในซีรีย์ The White Lotus ทั้งนี้ รัฐบาลได้ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและเอกลักษณ์ของไทย รวมถึงแรงงานที่มีทักษะสูงและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของประเทศ
4) ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพ รัฐบาลมุ่งให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวด้านการแพทย์และสุขภาพ ด้วยราคาที่แข่งขันได้ ความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย สถานพยาบาลที่มีมาตรฐานสากลในภูมิภาค และการต้อนรับที่อบอุ่นของคนไทย จึงทำให้การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 1 ล้านล้านบาท โดยไทยพร้อมเปิดรับการลงทุนและขยายระบบนิเวศการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพอย่างครบวงจรต่อไป
5) การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ถือเป็นอีกกุญแจสำคัญที่รัฐบาลกำลังพัฒนาการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และร่วมมือกับทุกภาคส่วน สนับสนุนมาตรฐานด้านความยั่งยืนในแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน (Green Destinations) ทั่วประเทศเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ส่งเสริมความสมดุล และนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ทุกคน โดยการได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพการประชุมระดับโลก Global Sustainable Tourism Conference 2026 (GSTC 2026) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและครอบคลุมมากขึ้นสำหรับการท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในปี 2568 รัฐบาลประกาศให้เป็นปี “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เข้าร่วมกิจกรรมซึ่งจะจัดขึ้นตลอดทั้งปี เริ่มจากเดือนเมษายน การเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย Summer Festival MahaSongkran การฉลอง Pride Month 2025 ในเดือนมิถุนายน เทศกาลลอยกระทง Loi Krathong: Rivers of Light ในเดือนพฤศจิกายน และการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ช่วงปลายปีในงาน Amazing Thailand Countdown ทั้งนี้ ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก เช่น FIVB Women’s Volleyball World Championship 2025 และ SEA Games 2025 โดยนายกรัฐมนตรีย้ำความมุ่งมั่นการจัดงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ตลอดจน ขอบคุณการเป็นพันธมิตรและความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย พร้อมเชิญชวนร่วมเฉลิมฉลองปีที่พิเศษนี้ไปด้วยกัน


สำหรับงาน Amazing Thailand Networking Event with the Prime Minister of Thailand จัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้งาน ITB Berlin 2025 ซึ่งเป็นงานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลก จัดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2509 และในปีนี้เป็นครั้งที่ 58 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 มีนาคม 2568โดยในแต่ละปีมีประเทศต่าง ๆ จากทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 180 ประเทศ สำหรับในปีนี้ ททท. ได้นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 160 รายจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานฯ เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง .314.-สำนักข่าวไทย