“อนุทิน” รับพา “เนวิน” เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า

พาเนวินพบทักษิณ

ทำเนียบ 5 มี.ค.-“อนุทิน” รับพา “เนวิน” เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า พบ “ทักษิณ” คุยกาสิโน-พนันออนไลน์ พร้อมลูกพรรคห้ามขาด ห้ามลา คิดถึงรอฟัง “ลุงป้อม” ซักฟอก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว นายอนุทิน และนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ยูไนเต็ด เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องล้า เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา โดยนายอนุทิน ย้อนถามว่ารู้ได้อย่างไร การพบกันเป็นเรื่องปกติ ไปประจำอยู่แล้ว ซึ่งตนเป็นคนชวนนายเนวิน ไป นัดกันวันหยุด


เมื่อถามว่า เป็นการพูดคุย เคลียร์ประเด็นที่ค้างคาใจหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ไม่มีอะไรคุยกันหลายเรื่อง คุยงาน ขอคำแนะนำท่านบ้าง ในฐานะที่ท่านเป็นผู้มีประสบการณ์ แต่ทั้งนี้นายอนุทิน ไม่ตอบเมื่อถูกถามว่าเป็นการเคลียร์สัญญาใจอะไรหรือไม่ ตอบเพียงว่ารู้ได้อย่างไร ข่าวมาจากไหน

นักข่าวถามย้ำว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ที่ไปพบกัน นายอนุทิน กล่าวว่าเป็นไปได้ อยากไปพบกันทุกเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 เป็นเรื่องปกติ เมื่อถามย้ำว่านายทักษิณ ได้ให้คำแนะนำอะไรหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่าเวลาตนถามอะไร ท่านก็ให้คำแนะนำดีๆ เสมอ ทั้งนี้ได้มีการหารือในทุกเรื่อง หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่เฉพาะเรื่องร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ และร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนันออนไลน์ … ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการหารือกัน เป็นการพูดคุยกัน


เมื่อถามต่อว่ามีเรื่องต้องเคลียร์ใจกันหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องรอยร้าวระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน ตอบว่า ไม่มี ตนหารือกับนายทักษิณ เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่คุยโทรศัพท์ก็คุยไลน์ มันก็ไม่เคยมีอะไรที่เป็นปัญหา

เมื่อถามอีกว่าหลังการพูดคุยกันแล้วจะได้เห็นประเด็นเหล่านี้ ที่พรรคภูมิใจไทย จะออกมาขวางพรรคเพื่อไทยในเรื่องต่างๆ อีกหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ภูมิใจไทยเคยขวางอะไรเพื่อไทย ห้ามพูดแบบนี้ ก็เอาอีกแล้ว เสี้ยมคนให้ชนกันอีกแล้ว ซึ่งหากเรื่องไหนที่เราไม่เห็นด้วยก็หารือและพูดคุยกัน และหาข้อสรุปได้ทุกครั้ง อย่างเรื่องร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ตอนแรกที่กระทรวงการคลังร่างออกมา บอกว่าให้นายกรัฐมนตรีรักษาการกฎหมายคนเดียว ซึ่งกระทรวงมหาดไทยก็ได้ไปเรียนนายกรัฐมนตรีว่า มันมีกฎหมายควบคุมอาคารความปลอดภัย นายกรัฐมนตรี รักษาการคนเดียวอาจจะหนักเกินไป ซึ่งท่านนายกฯ ก็เห็นด้วย จนร่างฯ ล่าสุดที่ออกมา กระทรวงมหาดไทยก็ร่วมรักษาการด้วย ย้ำว่าเราก็ทำงานด้วยกัน ถ้าไม่ใช่ทีมเวิร์ค ไม่ห่วงกัน ให้ท่านรักษาการคนเดียวไปเลย ยังไงกระทรวงมหาดไทยมีบทบาทอยู่แล้วในเรื่องการพนัน แต่สปิริตการอยู่ด้วยกันต้องร่วมรับผิดชอบด้วยกัน มีอะไรจะได้แบ่งเบาภาระ ท่านนายกฯ มีภาระอย่างอื่นมากมาย จะมารู้เรื่องรายละเอียดในกฎหมายแต่ละฉบับได้อย่างไร อันนี้คือการพิสูจน์ให้เห็นว่า เราทำงานด้วยกันด้วยความห่วงใย ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

ทั้งนี้เรื่องร่างเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่กำหนดผู้เล่นต้องมีเงิน 50 ล้านบาท ถ้าเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ครม. ครม.อาจจะแย้งกับกฤษฎีกา จึงเห็นว่าควรให้สภาฯ รับหลักการ และตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อแปรญัตติ หรือกลับไปศึกษาอีกครั้ง ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้บรรจุกฎหมายทั้งสองฉบับเข้า ครม. ไม่ทราบว่าท่านจะบรรจุเข้าเมื่อไหร่ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่ดุลย์พินิจของนายกฯ ไปก้าวล่วงไม่ได้


นายอนุทิน ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ในวันนั้น สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ห้ามลา ห้ามขาด รัฐมนตรีทั้ง 8 คนของพรรคภูมิใจไทยต้องอยู่ในสภา เพื่อเตรียมข้อมูลเพื่อเตรียมข้อมูล ถ้าตรงไหนที่โดนฝ่ายค้านพาดพิงจะต้องช่วยชี้แจง ไม่ได้มีกฎห้ามรัฐมนตรีชี้แจง จะไปหวังให้นายกฯ ตอบคนเดียวไม่ได้ นายกฯ จะไปรู้รายละเอียดของแต่ละกระทรวงได้อย่างไร แต่หากนายกฯ มีความประสงค์ที่จะตอบเอง รัฐมนตรีทุกคนต้องเตรียมข้อมูล นำเสนอข้อมูลให้นายกฯ ซึ่งเรามีการเตรียมตัวในการสนับสนุนนายกฯ อย่างเต็มที่

ส่วนที่นายกรัฐมนตรีพูดว่าได้ส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายอนุทิน กล่าว ท่านก็พูดสนุกตลกไปอย่างนั้นมั้ง มีใครกล้าไม่ช่วย มันเป็นสปิริตอยู่แล้ว

“ผมจำไม่ได้ ท่านส่งเป็นสติกเกอร์ แต่ไม่ได้ขอให้ทุกท่านช่วย ท่านนายกฯ ไม่ทำหรอกครับ ใครปล่อยให้นายกฯ ทำอย่างนั้น ผมจะต้องโทรไปหานายกฯ ให้อันเซนต์ข้อความ มันเป็นหน้าที่ของ ครม.” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าครั้งนี้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะร่วมอภิปรายด้วย หวั่นไหวหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า อ๋อหรอ ก็ดี ไม่เห็นท่านในสภาฯ นานแล้ว และย้ำว่าเราต้องให้ความเคารพกับคำอภิปรายของ สส.ทุกคน เพราะท่านพลเอกประวิตรเป็น สส. ระดับท่านพูดอะไรมาก็ต้องมีน้ำหนัก ถึงแม้จะสั้นหรือยาว เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะที่เคยร่วมงานกันมาจะรู้สึกเกร็งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่ามันเป็นบทบาทหน้าที่ วันนี้เราเป็นรัฐบาล ถึงแม้เราจะเคยทำงานร่วมกันมา แต่วันนี้ท่านมีบทบาทเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องรับฟังและชี้แจง มันแค่ฝ่ายค้านซักฟอก รัฐบาลชี้แจง ชี้แจงได้ก็รอด ชี้แจงไม่ได้ก็ไม่รอด แม้จะรอดมือ แต่ไม่รอดสังคม สิ่งที่ดีที่สุดคือต้องชี้แจงให้ได้ และนำข้อเท็จจริง ออกมาตีแผ่สู่สังคม ทั้งนี้รัฐมนตรีของพรรคทั้ง 4 กระทรวง เราพร้อมอยู่แล้ว รัฐมนตรีคนไหนไม่พร้อม เราก็ตัดสินในส่วนของผมได้ ว่าต้องพร้อม ไม่อยู่ ไม่ได้ คนอื่นไม่เกี่ยว พูดถึงรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยพรรคเดียว วันเวย์ทิกเก็ต (ตั๋วเที่ยวเดียวที่ใช้ในการเดินทาง) อย่างไรก็ตามคงจะต้องรอฟังการอภิปรายของพลเอกประวิตร ว่าจะมีข้อมูลที่จะทำให้ถึงขั้นต้องยุบสภาหรือไม่ ต้องรอฟังท่านอภิปรายก่อน ของพวกนี้โกหกไม่ได้ คนที่อภิปรายต้องมีหลักฐาน คนที่แจงก็ต้องแก้ต่าง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละคน ย้ำว่าขออย่าเรียกว่าองครักษ์พิทักษ์นายกฯ มันเป็นหน้าที่ของ สส.ในสภา ใครไม่อยู่ในกฎระเบียบ ผิดข้อบังคับ เพื่อไม่ให้เสียเวลา หากมีการพาดพิง.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]