ทำเนียบ 4 มี.ค.-“ประเสริฐ” พอใจมาตรการตัดอินเทอร์เน็ตฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้ผลดี ติดตามผลทุกสัปดาห์ แต่เพิ่มจุดสัญญาณฝั่งไทยใช้โทรศัพท์ได้ปกติ เตรียมเรียกธนาคาร เทลโก้ และแพลตฟอร์มเข้าพูดคุยแจงใช้ พ.ร.ก.ไซเบอร์ กำหนดมาตรการชดใช้ความเสียหายให้ชัดเจนในเร็วนี้
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี กล่าวถึงความคืบหน้าการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ว่าขณะนี้ได้เหยื่อที่พัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้น เมื่อวานนี้ได้ออกหมายจับเพิ่มกว่า 100 คน ทั้งนี้กระทรวงดีอีได้ติดตามเรื่องการตัดสัญญาณโดยให้รายงานในวันจันทร์ทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะเสาสัญญาณ สาย การใช้ซิมโทรศัพท์ ได้รับรายงานเป็นไปด้วยดีและมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง ยังไม่พบเหตุผิดปกติ
ส่วนกรณีพบปัญหาฝั่งไทยใช้สัญญาณโทรศัพท์ไม่ได้ นายประเสริฐ ยอมรับว่ามีบ้าง แต่เมื่อวันที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ได้สั่งให้ กสทช. ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะมีการเพิ่มจุดสัญญาณบางจุดในพื้นที่ไทย แต่จะไม่เพิ่มจุดสัญญาณในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ยืนยันการเพิ่มจุดสัญญาณในฝั่งไทยไม่มีผลต่อฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีตัววัดสัญญาณอยู่แล้ว ยอมรับว่าที่ผ่านมาบริษัทเอกชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากนายกรัฐมนตรีสั่งตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต เห็นได้จากการให้มายืนยันความเป็นเจ้าของในสายสัญญาณ หากบริษัทใดไม่มียืนยันก็ดำเนินการตัดทิ้ง ขณะนี้มีประมาณ 10 รายที่ได้ดำเนินการตัดทิ้งไปแล้ว ส่วนบริษัทที่มายืนยันก็สามารถใช้บริการได้ แต่หากพบว่าสายอินเทอร์เน็ตที่ยังใช้ได้ และลากไปสู่ตึกอาคารที่สงสัยให้กับกลุ่มมิจฉาชีพก็จะดำเนินการตัดทันที สำหรับสายที่ลากใต้ดินที่ยังไม่มีบริษัทใดรับผิดชอบ นายประเสริฐ กล่าวว่า จะต้องมีการตรวจสอบ ถ้าบริษัทใดปฏิเสธก็ต้องตัด เป็นเรื่องไม่ยาก
นายประเสริฐ ยังเปิดเผยถึงตัวเลขภายหลังตัดสายสัญญาณแล้ว ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลง ว่า เท่าที่คุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลดลงถึงร้อยละ 20 และพบว่าการใช้ลดลงอย่างมาก สถิติคดีก็ลดลง ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC สายด่วน 1441 พบว่าประชาชนยังโทรเข้าไปร้องเรียน 3,000 สายต่อวัน ซึ่งจากการเปิดศูนย์ผ่านไป 1 ปีมีตัวเลขความเสียหายลดลงร้อยละ 40 เมื่อใช้มาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ลดลงอีกร้อยละ 20 ดังนั้นตัวเลขทิศทางดีขึ้นเรื่อยๆ ความเสียหายก็ลดลง จากที่เมื่อก่อนเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท ขณะนี้เมื่อมาตรการที่เข้มข้นตัวเลขที่ยังไม่นิ่งจะต่ำกว่า 50 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งค่าความเสียหายจากการหลอกให้ลงทุนยังมาเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะการลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ ลงทุนเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นความเสียหายในต้นๆ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นมาก แต่ค่าความเสียหายน้อย และลดลงอย่างมีนัย คือเรื่องซื้อของไม่ตรงปก เนื่องจากได้มีมาตรการจ่ายเงินภายใน 5 วัน ประชาชนแกะของดูก่อนได้ค่อยจ่ายเงิน ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาได้ดี
นายประเสริฐ ยังเปิดเผยว่า ส่วนพระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ พ.ร.ก.ไซเบอร์ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยเพิ่มมาตรการให้ธนาคาร และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนกฤษฎีกาตรวจสอบกฎหมาย คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นจะเรียกสถาบันการเงิน บริษัทโทรคมนาคม หรือเทลโก้ และแพลตฟอร์มเข้ามาพูดคุยทีละกลุ่ม โดยจะชี้แจงมาตรการส่วนที่มีความรับผิดชอบในค่าความเสียหายสำหรับประชาชนว่าทั้ง 3 กลุ่มนี้จะต้องดำเนินการอย่างไร มีตัวชี้วัดต้องมีส่วนในความรับผิดชอบอย่างไร เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงาน ก่อนจะมีการประกาศใช้ภายในเดือนนี้.-314.-สำนักข่าวไทย