กรุงเทพฯ 2 มี.ค.-นายกฯ ย้ำผ่านรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ขออย่าเพิ่งเสียกำลังใจ GDP ปี 67 รั้งท้ายอาเซียน ยันรัฐบาล-เอกชนร่วมมือกัน บอกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ลั่นทำเต็มที่อยู่ครบเทอมดันการลงทุน ให้ความมั่นใจต่างชาติ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ถึงตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจของไทย หลังสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ปี 2567 ที่เติบโต 2.5% ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า เศรษฐกิจของไทยไม่โต หรือรั้งท้ายกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งหากดู GDP ในไตรมาส 4 ของปี 2567 เติบโตขึ้น 3.2% ซึ่งเกิดจากนโยบายฟรีวีซ่า การลงทุนของภาครัฐ การลงทุนของบีโอไอ แต่ยังมีคำถามว่า ทำไม GDP ของไทยโตขึ้นน้อย รั้งท้ายกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจาก 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ค่อยมีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใหม่ การเตรียมตัวเรายังไม่ทัน ทั้งที่คนไทยมีศักยภาพ เพียงแต่รอแค่โอกาสและการลงทุนเพิ่มเติม รวมไปถึงการพัฒนาทักษะ
เรื่องอุตสาหกรรมใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ ผลิตรถอีวี การเตรียมคนสำหรับอุตสาหกรรมรถ และการเตรียมคนสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต อย่างมาเลเซีย มีการเตรียมตัวเรื่องการทำเซมิคอนดักเตอร์มานานแล้ว เช่นเดียวกับเวียดนามที่ฝึกคนเขียนซอฟต์แวร์มาระยะหนึ่งแล้ว รัฐบาลลงทุนอย่างจริงจังในการทำสิ่งนี้ และมีภาคเอกชนเข้ามาช่วยองค์ความรู้ในการผลักดันคนให้พร้อมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
แต่ไทยยังไม่ได้มีเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราต้องพัฒนาอัพสกิล-รีสกิล ของแรงงานไทย หากไม่พัฒนาสิ่งเหล่านี้ เราจะตามเขาไม่ทัน เมื่อรัฐลงทุนแล้ว ภาคเอกชนก็ต้องช่วยกัน ทุกฝ่ายต้องดัน GDP ประเทศขึ้นด้วยกัน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนดัน ต้องให้เกิดความร่วมมือจากทุกฝ่ายจริงๆ
นายกรัฐมนตรี ยังอยากให้ SME ที่มีอยู่ 75% ของประเทศลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชน เพื่อจะได้นำเม็ดเงินนี้ไปพัฒนาอุตสาหกรรมของตัวเองที่มีอยู่แล้ว ถ้าปล่อยสินเชื่อได้ช่วยดัน GDP
หลังจากที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงาน ตนเป็นนายกรัฐมนตรีได้ 5-6 เดือน ได้ดูเรื่องของงบประมาณ ซึ่งค่อนข้างมีจำกัดมาก ส่วนใหญ่ที่ได้มาจะนำไปจ่ายงบประจำ ตนเองพยายามจะรัดเข็มขัดให้ดี ไม่อยากให้ใช้จ่ายงบประจำเพิ่มมากขึ้น จึงอยากให้นำเงินเหล่านี้มาลงทุนในภาครัฐ ขออย่าเพิ่งเสียกำลังใจเรื่อง GDP ปี 67 ที่โต 2.5% เพราะโตขึ้นจาก GDP ปี 66 ที่ 2.0% ซึ่งจะเห็นว่าขยับขึ้น และภายใต้การทำงานของรัฐบาลชุดนี้พร้อมเอกชนที่ให้ความร่วมมือกัน GDP มีโอกาสโตขึ้นสูงมาก ขออย่าเพิ่งท้อใจ เพราะนี่แค่ต้นปี
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งหาเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุน แล้วปีนี้มี Google, TikTok, NVIDIA จะมาลงทุนในไทย โดยบีโอไอ รายงานว่า ในปี 2567 มีต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งต้องชื่นชมบีโอไอที่ประสานงานกับรัฐมาโดยตลอด และเวลาที่ไปต่างประเทศ เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะคุยกับใคร จะดึงใครบ้างเข้ามาลงทุน อย่างช่วงที่ตนเดินทางไปประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ได้รับคำถามว่า หากเขาลงทุนจะมีความมั่นคงอย่างไร ตนก็ได้ให้ความมั่นใจว่า
“เราจะทำเรื่องนี้เต็มที่ ผลักดันเรื่องการลงทุน ดิฉันต้องอยู่ครบเทอม เพื่อผลักดันการลงทุน นี่คือสิ่งที่เราบอกกับต่างชาติมั่นใจว่า เราไม่ได้จู่ๆ จะเปลี่ยนอีกนะ เอะอะจะยุบสภากัน เกมการเมืองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนที่ได้รับผลกระทบคือประชาชน ประเทศชาติ อันนี้เป็นสิ่งที่เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ หนักแน่นเข้าไว้ในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น เราหนึ่งคนเล่นเกมการเมือง ทุกอย่างที่คุยกันไว้ ไม่มีใครเขาเชื่อแล้วจบทุกอย่าง การลงทุนทุกอย่างจะผลักดันได้ยาก แต่เราก็บอกข้อดีของไทยหลายเรื่อง คือ การมาตั้งโรงงานที่เรา การใช้พื้นที่ในประเทศไทย ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าประเทศอื่น” นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้มีอุตสาหกรรมที่จะมาลงทุนในไทย ทั้งอุตสาหกรรมดิจิทัล เซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนรถอีวี โรงงานที่มีอยู่แล้ว ของญี่ปุ่นและจีน เริ่มที่จะปรับจากรถยนต์สันดาป เป็นรถไฮบริด และอีวี รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด
เมื่อถามว่า ลงทุนแล้วประเทศไทยได้อะไร คำตอบคือเกิดการจ้างงาน ค่าแรงก็แพงขึ้น การรับรายได้ก็จะสูงมากขึ้น นี่คือการสนับสนุนภาพใหญ่ภาพรวมทั้งหมด เวลาที่บริษัทใหญ่จากต่างประเทศมาลงทุน ไม่ได้แค่เฉพาะเรื่องของจีดีพี แต่จะลงไปถึงรากลึกคนเล็กๆ ได้ทั้งระบบจริง ดังนั้นรัฐบาลได้มีการพูดคุยให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ช่วยพัฒนาทักษะของแรงงานด้วย พร้อมย้ำว่า ตนเองเน้นเรื่องการให้โอกาสทางการศึกษา เพื่อให้เด็กได้ไปเรียนรู้เพิ่มโอกาสทางการศึกษา ทุนโอดอส (ODOS) เพื่อไปเรียนรู้อุตสาหกรรมอนาคต เทคโนโลยี และดึงให้ทุกคนกลับมาในระบบการศึกษา ไม่มีใครหลุดออกนอกระบบการศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตัวเอง เพิ่มโอกาสในการหารายได้ เพิ่มโอกาสการจ้างงานในอนาคต
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้มีโอกาสไปลงพื้นที่ตรวจราชการที่ภาคใต้ ชาวบ้านบอกว่า สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ เคยให้งบประมาณ 700 ล้านบาท เพื่อสร้างสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ที่ จ.พัทลุง ลูกมาแล้ววันนี้ให้งบอีกแน่นอน ซึ่งช่วงนี้นายกฯ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมระบุว่า ชาวบ้านน่ารักมาก กดดันกันเลย ความจริงแล้วทุกจังหวัด ทุกที่ รัฐบาลต้องดูแลอยู่แล้ว ดิฉันเองผู้เป็นนายกฯ ไม่เลือกว่าจังหวัดไหนคุณพ่อเคยทำหรือไม่ ไม่เกี่ยวกัน ทุกที่ ทุกจังหวัดคือประเทศไทย ฉะนั้นนายกฯ จะต้องดูแลประเทศไทยให้ดีที่สุด อันนี้คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ไม่มีข้อต่อรอง ขอบอกพี่น้องทุกจังหวัดเต็มที่
“เพิ่งเริ่มต้นรัฐบาลผลักดันต่อแน่นอน เพื่อให้จีดีพีของประเทศเพิ่มมากขึ้น จีดีพีเพิ่มขึ้นแปลว่าเงินในกระเป๋าของประชาชนเพิ่มขึ้น คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตัวเลขเหล่านี้เพื่อให้ประเทศอื่นๆ จะได้ดูด้วยว่า ประเทศไทยมีคุณภาพ มีศักยภาพขึ้นแล้ว จีดีพีช่วงนี้ที่ไม่ได้ขึ้นมานานก็ขึ้น กำลังค่อยๆ ไปต่อ ดิฉันเองอยากทำให้ขึ้นแบบก้าวกระโดด ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้มีจีดีพีที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ความจริงคิดว่าเป็นไปได้ รัฐบาลอยากให้พี่น้องทุกคนรวยๆ จะได้จับจ่ายใช้สอยให้เกิดประโยชน์กับประเทศ วินวินแน่นอนค่ะ ก็ขอกำลังใจเยอะๆ บางทีก็มีท้อบ้าง แต่ว่าไม่ท้อนานแน่นอน สู้ค่ะ ประเทศยังต้องการการพัฒนา การผลักดันอีกเยอะ คนยังต้องการการสนับสนุนอีกเยอะ ดิฉันเองวันนี้ที่มีโอกาสเป็นนายกฯ ทำหน้าที่เต็มที่ที่สุด เพราะฉะนั้นปีแห่งโอกาส ทุกคนต้องมีความหวังและต้องได้รับโอกาสแน่นอน” นายกฯ กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย