วปอ. 1 มี.ค.-“อนุทิน” บรรยายพิเศษ วปอ. มุ่งสร้างผู้นำ เผชิญกับสภาพสังคมโลก บอกไทยมีรากฐานเศรษฐกิจเข้มแข็ง แม้ผ่านเหตุการณ์รัฐประหาร - เผาบ้านเผาเมืองไม่รู้กี่ครั้ง พร้อมยกคำ “ทักษิณ” เคยพูดต้องไม่มีคำว่าผู้ป่วยอนาถา ยึดมาใช้สมัยนั่ง สธ. พร้อมอธิบาย ไทยมีระบบบ้านใหญ่ หากใจกว้างพอ จะบอกว่า ดีแล้ว ช่วยดูแลคนด้อยโอกาส
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บรรยายเรื่องการสร้างผู้นำในการเผชิญกับสภาพสังคมโลก และภูมิภาคในสภาวการณ์ปัจจุบัน และอนาคต ให้กับนักเรียนหลักสูตรการบริหารความมั่นคงของสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 61 ณ หอประชุม วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดี กทม.
นายอนุทิน กล่าวเปิดการบรรยาย วันนี้โลกของเรา เปลี่ยนไปมาก มีการจัดระเบียบเพิ่มมากขึ้น และแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งพวก แต่ความเป็นเอกราชของไทย ทำให้เราสามารถขับเคลื่อนประเทศไปได้ และประเทศไทย ด้านอุตสาหกรรมของเรา ไม่น้อยหน้าประเทศอื่น ในเรื่องการต่อยอดเป็นฐานการผลิต รวมไปถึงสามารถยกระดับขึ้นมาเป็นประเทศอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมในเวลาเดียวกัน ประเทศไทยแม้ว่าจะมีการถูกกีดกันทางการค้าจากประเทศต่างๆ ผู้นำในแต่ละยุคในแต่ละสมัย ก็มีความสามารถที่แตกต่างกัน ประเทศไทยหากไม่มีความเข้มแข็ง และแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ก็จะไม่สามารถผ่านมาถึงทุกวันนี้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนพูดตั้งแต่เป็นผู้บริหารองค์กรภาคเอกชนแล้ว
นายอนุทิน ยังระบุอีกว่า ประเทศไทยถูกบริหารประเทศในรูปแบบต่างๆ ถูกปฏิวัติไม่รู้กี่รอบ บ่อยมาก มีประชาธิปไตยเต็มใบบ้าง ไม่เต็มใบบ้างรัฐประหารบ้าง แต่สิ่งที่ไม่ถูกกระทบเลยคือ Private Sector หรือ ภาคเอกชน ขอให้นึกย้อนดูตั้งแต่พฤษภาทมิฬ เสื้อเหลือง เสื้อแดง ผ่านการประท้วง เผาบ้าน เผาเมือง ไม่รู้กี่วิกฤตการณ์ แต่ว่าในด้านเศรษฐกิจการประกอบการของภาคเอกชน พวกเขาเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่มีทฤษฎีใดบอกเหมือนกัน อย่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยแสดงให้เห็นชัดว่าทำไม ถึงสามารถเติบโต แม้ว่าการเติบโตสูงสุดในช่วงที่ไม่มีระบบรัฐสภาด้วย เป็นระบบพิเศษที่พี่ๆ เข้ามาดูแลบ้านเมืองในขณะนั้น แสดงว่าประเทศไทยมีจุดพิเศษ ที่ตนเชื่อว่าพี่ๆทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ๆ ที่เป็นข้าราชการ คงจะเห็นได้อย่างชัดเจนคำตอบก็คือ เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นสถาบันที่ทำให้ประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการในรูปแบบไหนก็ตาม แต่ยังมีสถาบันสถาบันหนึ่งที่ประชาชนทั้งประเทศ โดยส่วนใหญ่ ยังให้ความเชื่อมั่น และให้ความเชื่อถือ และเชื่อว่าสถาบันตรงนี้จะสามารถทำให้ประเทศไทยไม่แยก หรือแตกสลาย และยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ คนต่างชาติก็ช่วยเช่นนี้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่คบค้าสมาคมกับเรามาหลายปี สิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศของเรา มีสภาพที่เป็นประเทศที่ยังสามารถเดินหน้าไปได้ หากเทียบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย กับการก้าวหน้า ของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
และในปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์ทั้งหลายจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว รากฐานต่างๆ ที่ทำกันมา ทั้งภาคเอกชน โดยความร่วมมือของรัฐ ยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี อยู่ในกรอบ เช่นเดียวกับการบริหารจัดการของตน ต้องทันโลก ทันสมัย เข้าใจสถานการณ์โลก และปรับตัวได้ทัน ก็จะไม่มีอะไร อย่าไปล้าหลัง เขาใช้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ในการที่จะพัฒนาองค์กร และสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กร ที่เรารับผิดชอบ อยู่ก็จะสามารถก้าวหน้าไปได้ ต้องเดิน และคิดให้เร็วกว่าเพื่อนบ้าน เร็วกว่าคู่แข่ง และเร็วกว่าองค์กร ที่บุคลากรอยู่ในที่เดิมๆ
โดยในช่วงหนึ่งนายอนุทิน ได้มีการบรรยายถึงการใช้กลไก อสม.ในการดูแลประชาชน รวมไปถึงการผลักดันการรักษาสุขภาพ ได้กล่าวถึง นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคว่า นายทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นที่เคารพศรัทธาในระดับหนึ่งจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งนายทักษิณใช้คำว่า ต่อไปนี้จะไม่มีคนไข้อนาถา ซึ่งขณะนั้นตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สิ่งเหล่านี้ยังอยู่ในโสตประสาทของตน เมื่อท่านไปหาเสียงพูดถึงเรื่อง 30 บาท และการรักษาสุขภาพของคนไทย บอกว่าจากนี้ไปจะไม่มีคำว่าคนไข้อนาถา เป็นไปได้ยังไงว่าถูกตราหน้า ถูกตีตราอยู่ในบัตรคนไข้ ว่าเป็นคนไข้อนาถาแล้ว จะเป็นคนอยู่ได้อย่างไร คำนี้ตนในฐานะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา มองว่าคำนี้เข้าท่า จึงตั้งใจว่าหากวันหนึ่งเข้ามารับผิดชอบในเรื่องสุขภาพของประชาชนคนไทย จะต้องเอาคำนี้มาเป็นตัวยืน ในช่วงที่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 4 ปีก็ยังยึดหลักนี้อยู่ ถือว่าเอามาต่อยอดในเรื่อง “good Health and Well Being”
โดยช่วงหนึ่งนายอนุทิน ยังกล่าวถึงระบบบ้านใหญ่ ที่มีการตั้งคำถามว่าเป็นไปได้อย่างไร เพราะคนเหล่านี้มีระดับผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ไม่ว่าจะเป็นคนทรงอิทธิพลอย่างไร ก็แล้วแต่ แต่ไม่เคยปล่อยให้ลูกบ้านเขาอดตาย และดูแลค่อนข้างดีด้วย หากถามว่าระบบบ้านใหญ่มาอย่างไรนั้น ยกตัวอย่าง ยายก็จะไปบอกลูกที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ ว่าดูซิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี เขามาดูแม่อย่างดี ดูแลยายอย่างดี ในขณะที่แกไปทำมาหากิน วันนั้น ฝ้าถล่มลงมา นายชาดาเขาเอา ไม้โครงมาสร้างให้ใหม่ และเอาข้าวสารมาอีก 2 ถัง เอาอาหารมาอีกเพียบเลย เพราะฉะนั้นตรงนี้ เราก็ต้องถือว่าในระบบสังคม แบบประเทศไทยมันมีแบบนี้อยู่ ถ้าเรามีใจที่กว้างพอ ก็จะบอกว่า มีดีแล้ว คนที่ด้อยโอกาสในสังคมไทยมีคนดูแลอยู่ตลอดเวลา.-315.-สำนักข่าวไทย