นายกฯ ชวนชม “โอกาสไทยกับนายกฯ แพทองธาร” อาทิตย์นี้

ทำเนียบ 28 ก.พ.- นายกฯ ชวนชมรายการ “ โอกาสไทยกับนายกฯ แพทองธาร” ฟังนโยบายและผลงาน วิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีได้พร้อมกันทั่วประเทศ อาทิตย์นี้ 08.00 น.


นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคมนี้ เวลา 08.00-08.30 น. นายกรัฐมนตรีจะจัดรายการ โอกาสไทยกับนายกฯ แพทองธาร ประจำเดือน มี.ค. 2568 สาระสำคัญของเนื้อหาในรายการ นายกรัฐมนตรีระบุ หลังจากที่สภาพัฒน์ฯ ได้มีการเปิดเผยตัวเลข GDP ไปเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่า ไตรมาส 4 ของปี 2567 ที่ GDP ไทยมีการเติบโตสูงขึ้นถึง 3.2 % ส่งให้ทั้งปีเติบโต 2.5 % สูงกว่าปี 2566 อยู่ที่ 0.5% แม้เศรษฐกิจจะเติบโตขึ้น แต่ตัวเลขนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเนื่องจาก ประเทศไทยถือว่ามีการเติบโตต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน

โดยนายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย โอกาสที่ประเทศไทยมีอยู่ และทิศทางที่จะผลักดันประเทศไทยต่อไป โดยได้ให้ความสำคัญกับ 2 นโยบายหลัก คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น และ การยกระดับภาคเกษตรของไทย ให้กลายเป็นครัวโลก ที่มีความสำคัญและมีรายได้มากขึ้น


ในภาคการลงทุนจากต่างประเทศ สถิติจาก BOI ในปี 2567 มีต่างชาติขอมาลงทุนในประเทศไทย กว่า 1 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยส่วนมากจะเป็นอุตสาหกรรมในอนาคต ทั้ง Semiconductor ยานยนต์และชิ้นส่วนรถ EV เทคโนโลยีเกษตร การแปรรูปอาหาร และ อุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งหมายถึงการจ้างงาน รายได้ และโอกาส ที่เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้คนไทยต้องเตรียมตัวพร้อมรับโอกาสด้วยเช่นกัน

นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ในภาคการเกษตร พร้อมย้ำว่าประเทศไทยมีเกษตรกรมากกว่า 10 ล้านคน มีสัดส่วนพื้นที่การเกษตรมากกว่า 47 % แต่ภาคการเกษตรไทยมีสัดส่วนต่อ GDP เพียง 9 % เท่านั้น ถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น การเปลี่ยนแปลงภาคเกษตรไทยเป็นโจทย์ที่ใหญ่และมีความท้าทาย ทั้งหมดนี้ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิด และวิธีการไปพร้อมกัน โดยเฉพาะเรื่องการวิจัยเพื่อพัฒนาการเกษตรไทย ที่ต้องจริงจังและใช้งานได้จริง วิจัยทั้งวิธีการปลูก ตั้งแต่ดิน ไปจนถึงพันธุ์พืช วิจัยการเลี้ยงสัตว์จากพันธุ์ไปจนถึงสภาพแวดล้อมในการเลี้ยง อาหารสัตว์ รวมถึงการวิเคราะห์ตลาดโลก ทำให้พี่น้องเกษตรกรที่ทำงานหนักได้ผลผลิตที่คุ้มค่าเหนื่อย เรื่องการพัฒนาตลาดภาคการเกษตรไทย เน้นการใช้พลังของประเทศไทยในฐานะผู้นำการส่งออกผลไม้ของโลก ว่าเราสามารถกำหนดมาตรฐานของผลไม้ที่ดีได้เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม พร้อมการสนับสนุนพืชเศรษฐกิจใหม่ ชา กาแฟ โกโก้ ให้ปลูกในประเทศไทยมากขึ้นเพราะเป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง และการใช้อาหารไทยที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกมาพัฒนาภาคการเกษตรไทย ให้ร้านอาหารไทยในต่างประเทศใช้วัตถุดิบพืชผักจากประเทศไทยมากขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรไทยเตรียมตัวปรับวิธีคิดไปพร้อมกัน เตรียมตัวพัฒนาสกิล พัฒนาทักษะ สำหรับโอกาสใหม่ที่กำลังจะมาถึง

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้อธิบายถึงโอกาสที่เกิดขึ้นให้คนไทยเตรียมพร้อมอย่างไร เพื่อรับโอกาสนี้ ขอเชิญรับชมและรับฟังได้ที่รายการ ‘โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร’ วันอาทิตย์ที่ 2 มี.ค. นี้ เวลา 08.00 – 08.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ BNT 2HD และTV5 และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ ขณะที่ช่อง9 MCOT HD จะออกอากาศเวลา09.30-10:00 น.นายจิรายุกล่าว .314.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ยอดตายแผ่นดินไหวเมียนมา

แผ่นดินไหวเมียนมา ตายเพิ่มเป็นกว่า 2 พันราย

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 ทางภาคกลางของเมียนมาเมื่อวันศุกร์พุ่งทะลุ 2 พันราย ขณะที่ชาวบ้านในเมืองมัณฑะเลย์ ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว