ฝ่ายค้านล็อกเป้าซักฟอก “นายกฯ แพทองธาร” คนเดียว

ซักฟอกนายกฯ

รัฐสภา 27 ก.พ. – ฝ่ายค้านโฟกัสล็อกเป้า ซักฟอก “นายกฯ แพทองธาร” เพียงคนเดียว ไร้ภาวะผู้นำ ปล่อยให้ “บิดา” ชักใย-จูงใจ มีส่วนช่วยบริหารราชการแผ่นดิน บอกพูดถึง “ทักษิณ” ได้แน่ เบรกดราม่า “ฝ่ายค้าน” ดีล “พรรคร่วมรัฐบาล” แลกข้อมูล ขอรอดูความเข้มข้นเนื้อหาวันอภิปราย แย้มมีหลักฐานคอร์รัปชัน อย่าปรามาส ในอดีตอภิปรายนายกฯ คนเดียว เคยถึงขั้นยุบสภามาแล้ว


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นำทีมฝ่ายค้านยื่นรายชื่อสส. 166 คน จาก 4 พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคประชาชน 143 คน พรรคพลังประชารัฐ 19 คน พรรคไทยสร้างไทย 3 คน และพรรคเป็นธรรม 1 คน ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 151 ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรโดยจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียวแต่จะครอบคลุมทุกมิติหลายกระทรวงหลายพรรคร่วมรัฐบาล เราเชื่อว่าปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดินเกิดขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีขาดภาวะผู้นำ ไม่สามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้ ขาดวุฒิภาวะขาดความรู้ความสามารถ มีการแต่งตั้งบุคคลที่เขาขอมา มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ยอมให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีอำนาจเหนือตนเอง รวมถึงยินยอมให้ผู้เป็นบิดาสามารถชักนำ จูงใจ มีส่วนให้บริหารราชการแผ่นดินได้ เราเชื่อว่าทุกปัญหาเกิดจากนายกรัฐมนตรี เราเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาทั้งหมดอยู่ที่รัฐมนตรีเพียงผู้เดียว และต้องตอบชี้แจงด้วยตนเองเท่านั้น

ทั้งนี้ในญัตติที่ฝ่ายค้านยื่น ยังระบุว่า นอกจากนางสาวแพทองธารไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มี พฤติการณ์เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม โกหกหลอกลวงไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชนเป็นนั่งร้าน ช่วยเหลือต่างตอบแทนกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย บริหารบ้านเมืองผิดพลาด ล้มเหลวอย่างร้ายแรงในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา นอกจากนี้ยังสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาชี้นำชักใยให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ


นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าจะนำญัตติตรวจสอบความถูกต้องก่อนจะแจ้งผู้นำฝ่ายค้านภายใน 7 วัน หากมีประเด็นใดต้องแก้ไขก็จะแจ้งให้แก้ไขไปตาม ระเบียบข้อบังคับ ส่วนหลังจากนั้นทางประธานสภาผู้แทนราษฎร จะส่งญัตติที่ตรวจสอบไปแล้ว ให้รัฐบาล และโดยปกติรัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดว่าพร้อมเมื่อใด ซึ่งนางมนพร เจริญศรี แจ้งเราว่ารัฐบาลพร้อมให้อภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 24 มีนาคม 2568 ส่วนจะใช้ ระยะ เวลาอย่างไรทั้งสองฝ่าย วิปฝ่ายค้าน และรัฐบาลจะต้องตกลงกัน ซึ่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1จะ เป็นประธาน การหารือ ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการอธิบายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 จะเป็นไปด้วยดี เป็นประโยชน์ให้กับประชาชน ทุกฝ่ายทั้งประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์จากการอภิปรายครั้งนี้

จากนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งใจอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวตั้งแต่แรกหรือแก้เกมข้อสอบรั่ว นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราตั้งใจอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวตั้งแต่แรก ส่วนกระแสข่าวที่มีข้อสอบรั่ว ก็เป็นเพียงกระแสข่าว ไม่ใช่ข้อเท็จจริง

ส่วนตัวญัตติที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้เป็นเฟคนิวส์หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตนไม่แน่ใจว่าทางผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลมาจากไหน แต่ขณะนี้ข้อเท็จจริง ก็เปิดเผยตามที่เรายื่นญัตติ


เมื่อถามว่า ไม่กล้าอภิปรายพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเขาส่งข้อมูลให้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการวิเคราะห์ทางการเมือง ไม่ว่าเราจะดำเนินการอย่างไร ก็จะมีการวิเคราะห์อีกด้านเสมอ ขอให้ติดตามเนื้อหาในการอภิปราย เพียงแต่ว่าการลงมติ เราลงแค่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว

เมื่อถามว่าอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว จะกว้างออกทะเลไปหรือไม่ และมั่นใจในผู้อภิปรายว่าจะเอาอยู่หรือ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อยากให้ติดตาม เป็นประเด็นที่เจาะจง มีหลักฐานค่อนข้างชี้ชัด ส่วนการลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว จะเป็นสิ่งที่อยากให้ประชาชนได้เห็นปัญหาของรัฐบาลชุดนี้ เกิดจากที่นายกฯไม่สามารถคุมเสียงรัฐบาลและเกิดจากการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว และการลงมติแม้จะขาดไปเพียง 1 คะแนนก็จะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สะท้อนว่าอาจคุมเสียงรัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพและสร้างแรงกระเพื่อมให้กับพรรคร่วมรัฐบาล

“แน่นอนครับ ตัวผมเชื่อมั่นใจพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เตรียมเนื้อหามาเป็นอย่างดี รวมถึงพรรคประชาชน เราได้เตรียมเนื้อหามาอย่างดีเยี่ยมเช่นเดียวกัน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่าการอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวจะกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากดูที่ตัวเนื้อหาในญัตติค่อนข้างครอบคลุมในหลายประเด็น ตนอยากให้แยกการอภิปรายและการลงมติ หากตามกรอบญัตติ สะท้อนปัญหาทุกอย่างของรัฐบาล และอภิปรายได้ครอบคลุมแน่นอน ส่วนการลงมติจะพุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรี ส่วนประเด็นการเมืองที่เราจะไปขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ตนไม่อยากให้มองอย่างนั้น เราตรวจสอบทุกอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อถามถึงการเอ่ยชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะผิดข้อบังคับหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในตัวญัตติมีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน เรื่องนี้อยู่ที่ประธานสภาฯเอง เมื่อพิจารณาญัตติแล้ว ตนเชื่อว่าไม่ได้ขัดข้อบังคับแต่อย่างใด ถ้าบรรจุญัตติได้ตามนี้ แปลว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถพูดถึงนายทักษิณได้ เพราะเป็นปัญหาสำคัญของประเทศในปัจจุบัน

เมื่อถามว่าจะต้องถึงขั้นยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า โดยกระบวนการปกติของสภาฯ จะลงมติไม่ไว้วางใจก่อน แต่แน่นอนว่าทุกครั้งสามารถดำเนินการอื่นๆได้ เช่น กรณีที่อดีตพรรคก้าวไกลยื่นถอดถอนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

เมื่อถามว่าหวังผลถึงขนาดยุบสภาฯ เลยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งตนไม่สามารถตอบแทนรัฐบาลได้ แต่เชื่อว่าเนื้อหาที่เราเตรียมมา เข้มข้นและพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีหลายคน รวมถึงนายกรัฐมนตรีเอง ส่วนมีข้อมูลชี้ชัดถึงการทุจริตคอรร์รัปชันเลยหรือไม่ ตนมีหลักฐานที่ชี้ชัดให้เห็นถึงการขาดคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีมาสภาฯ ในวันนี้ มีนัยยะอะไรหรือไม่ หรือเป็นเพราะฝ่ายค้านยื่นซักฟอก นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าเป็นเรื่องดีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาสภาฯ หากมาตอบกระทู้ด้วยตัวเองก็จะดี มองว่าประชาชนคาดหวังให้นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่าการอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียวแบบนี้ เป็นการกตัญญูต่อพรรคร่วมเลยไม่ซักฟอกหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน พรรคร่วมฝ่ายค้านเรามองที่เนื้อหาเป็นหลัก แต่ที่ตัดสินใจยื่นอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเพราะรากเหง้าปัญหาในการตัดตั้งรัฐบาลมาจากนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะตัดสินว่ามีการต่อรองกันระหว่างฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลในการแลกเนื้อหา จนทำให้เราไม่สามารถอภิปรายพรรคร่วมรัฐบาลได้ อยากให้มองที่เนื้อหาว่าเราดำเนินการทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ขอให้รอดูคนที่อภิปรายต่อไปว่าเนื้อหาจะเข้มข้นแค่ไหน.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

แก๊งมอดไม้เหิม! โค่นป่า 40 ไร่ “เขาชะเมา” เหลือแต่ตอ

ระยอง 3 มิ.ย.- แก๊งมอดไม้เหิมเกริม ลักลอบโค่นป่าเกือบ 40 ไร่ กลางเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขาชะเมา จ.ระยอง เหลือแต่ตอไม้ ชาวบ้านโวยไร้เจ้าหน้าที่ดูแล ผู้สื่อข่าวรับร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พิกัด ม.3 บ้านเขาพัง ถนนเขาชะเมา-แก่งหางแมว ช่วงหลัก รย.4060 กม.ที่ 8 ต.ห้วยทับมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นพบภาพชวนสะเทือนใจ พื้นที่กว่า 37-40 ไร่ถูกโค่นต้นไม้จนโล่งเตียนเหลือเพียงตอไม้เบญจพรรณ ต้นยางพาราถูกโค่นราบเป็นหน้ากลอง พื้นที่กลายเป็น “เขาหัวโล้น” ไร้เงาไม้ยืนต้น ด้าน นายบุญธรรม ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า พื้นที่ทั้งหมดในหมู่บ้านรวมถึงจุดที่เกิดเหตุอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามระเบียบให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ทำกินได้ ห้ามแพ้วถาง ตัดไม้โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 1 ระยอง 1 (รย.1) สังกัดกรมป่าไม้ ซึ่งรับผิดชอบดูแลป่าทั่วทั้ง อ.เขาชะเมาและอ.แกลง ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ […]

ชาวบ้านให้กำลังใจทหาร เชื่อพื้นที่อ้างสิทธิเป็นของไทย

อุบลราชธานี 3 มิ.ย.- ชาวบ้านแปดอุ้ม ยอมรับกังวลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมให้กำลังใจทหารทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย นางดำ วัย 66 ปี ชาวบ้านแปดอุ้ม ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ยอมรับตอนนี้ครอบครัวอยู่อย่างกังวลกับสถานการณ์ แต่ยังอุ่นใจที่ทหารเข้ามาในพื้นที่ปกป้องรักษาอธิปไตยไทย พร้อมเล่าอีกว่าเมื่อก่อนเคยขึ้นไปด้านบน เห็นคูเลตของกัมพูชาขยับเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งที่แนวเขตแบ่งตามแนวสันปันน้ำไทย-กัมพูชา ส่วนจุดปะทะล่าสุดยืนยันว่าเป็นของไทย ชาวบ้านรู้กันตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นทวดทำเกษตรทำไร่บริเวณนั้น ตนเองก็เคยขึ้นไปทำไร่กันสนุกสนานในพื้นที่นั้นจนถึงเนิน 500 นางดำ ยังเล่าต่อไปว่า เดิมทีหมู่บ้านแปดอุ้ม ไม่ได้อยู่ด้านล่าง แต่อยู่บนเขา ใกล้จุดปะทะ แต่ในปี 2520 คอมมิวนิสต์เวียดนามและเขมรแดงเป็นพันธมิตรกันสู้รบกับรัฐบาลกัมพูชา ทางเขมรแดงได้เข้ามาต้อนชาวบ้านแปดอุ้มไปเป็นทหาร ส่วนบ้านแปดอุ้มปัจจุบันเป็นหมู่บ้านที่ทางการไทยจัดสรรให้ชาวบ้านใหม่ในปี 2522 โดยให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านบนลงมาอยู่ด้านล่าง ด้านนายทอน อายุ 86 ปี ชาวบ้านแปดอุ้มอีกคน บอกว่า ติดตามข่าวสารทางทหาร ทราบข่าวลือของแม่ทัพภาคที่ 2 จึงอยากให้กำลังใจทหาร ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาลูกหลานทหารไทย .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ​ชี้​ต้องยึดสันติวิธี ปมไทย-กัมพูชา

สนามหลวง 3 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” ​ชี้​ปมไทย-กัมพูชา ต้องยึดสันติวิธี หลีกเลี่ยงความรุนแรง​ คำนึงถึงชีวิต-​ความสูญเสีย ขณะที่ทหารพร้อมยึดมั่นรักษาอธิปไตย ส่วนกัมพูชาเตรียมนำเรื่องขึ้นศาลโลก ให้เป็นเรื่องของการเจรจา ย้ำ​ใช้สงคราม​เป็นมาตรการสุด​ท้าย นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ กล่าวถึง จุดยืนของไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ว่า​ ตนได้บอกไปหลายครั้งแล้ว คือยึดมั่นแนวทางแก้ไขแบบสันติวิธี พยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรง และยึดมั่นในการรักษาอธิปไตย และผลประโยชน์ของประชาชน ที่ผ่านมาเราได้พยายามแสดงจุดยืนเหล่านี้ และพยายามหาช่องทางในการเจรจา เพื่อหาทางยุติได้อย่างสงบ ขณะเดียวกันเราก็ไม่ประมาท มีการประสานงานกันอย่างทั่วถึงตลอดเวลากับทางกองทัพ กองทัพภาค ผู้บัญชาการทหารบก​ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ สิ่งที่เราทำขณะนี้ในแง่ของกองทัพ เราเตรียมความพร้อม เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ เท่าที่ตรวจดูในรายละเอียดต่างๆ มีการวางกำลังที่สามารถปกป้องอธิปไตยของประเทศได้โดยมั่นใจ และกองทัพก็ได้มีการเตรียมการอย่างเหมาะสม ไม่มีความบกพร่อง ส่วนเรื่องของการเจรจา​ นายภูมิธรรม​ ยืนยันว่า​ เราได้มีการพูดคุยกันมาตลอด ทั้งกระทรวงกลาโหม​ กองทัพ​ และกระทรวงการต่างประเทศ ว่าสิ่งที่เราอยากจะแก้ไขปัญหา ต้องคุยกันภายในให้เป็นเอกภาพ เมื่อวานนี้ก็ได้มีการพูดคุยกันตลอดทั้งวัน “สิ่งที่สำคัญก็คือ เราจะใช้มาตรการในการใช้ความรุนแรง หรือสงคราม จะเป็นมาตรการสุดท้าย […]