นักวิชาการธรรมศาสตร์ รับกังวลไทม์ไลน์ “ทักษิณ” จะจบปัญหาใต้ในปี 2569

กทม. 24 ก.พ.-นักวิชาการธรรมศาสตร์ ชี้ “ทักษิณ” ขออภัยประชาชนชายแดนใต้เป็นเรื่องดี แต่ที่สำคัญกว่าคือจะทำอะไรต่อ ยอมรับกังวลไทม์ไลน์จะจบปัญหาภายในปี 2569 เหตุมีการตั้งเป้าจำกัดตัวเองด้วยเวลา ระบุจบเมื่อไหร่ไม่สำคัญเท่าจบอย่างไร เสนอนายกฯ ตั้งคณะพูดคุยสันติสุขฯ ชุดใหม่ เปิดโต๊ะเจรจาหลังกระบวนการสะดุดลงทุกครั้งที่เปลี่ยนแปลงรัฐบาล

นาวสาวชญานิษฐ์ พูลยรัตน์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)​กล่าวถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้​และได้กล่าวขออภัยในความผิดพลาดในอดีต พร้อมทั้งกำหนดไทม์ไลน์ที่จะยุติสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ภาคใต้ให้จบภายในปี 2569 ว่า แม้จะถือเป็นเรื่องดี แต่คำถามที่สำคัญคือหลังจากที่กล่าวขออภัยแล้ว รัฐบาลและนายทักษิณในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างไรต่อไป ทั้งการจัดสรรทรัพยากร การจัดการกับกฎหมายพิเศษที่ยังบังคับใช้อยู่ในพื้นที่ เรื่องคดีความทางการเมืองต่างๆ ไปจนถึงมิติการพัฒนา ซึ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องใหญ่ทั้งสิ้น


สำหรับการเน้นย้ำของนายทักษิณว่าภายในปี พ.ศ. 2568 จะเห็นสัญญาณเชิงบวก และปัญหาชายแดนใต้จะต้องจบ ภายในปี พ.ศ. 2569 นั้น​นางสาวชญานิษฐ์ กล่าวว่า ท่าทีดังกล่าวถือว่ามีความน่ากังวล เพราะจากคำว่าจะจบปัญหาภายในปีหน้าของอดีตนายกฯ ทักษิณ นั้น ทำให้มีคำถามตามมาว่า “จะจบอย่างไร”

“คงไม่มีใครไม่อยากให้ปัญหาชายแดนใต้จบโดยเร็ว เพียงแต่การจบเร็ว อาจจะสำคัญน้อยกว่าจบอย่างไร ส่วนตัวในฐานะที่เป็นผู้สอนวิชาความรุนแรงและการไม่ใช้ความรุนแรงทางการเมืองมองว่า ปัญหาควรจะต้องจบด้วยวิธีการทางการเมือง ด้วยการไม่ใช้ความรุนแรง และเป็นทางออกที่ยั่งยืน ความน่ากังวลก็คือถ้าเราไปตั้งเป้าและจำกัดตัวเองไว้ด้วยเงื่อนเวลาว่าจะจบปีหน้า คำถามคือจะจบอย่างไร เพราะเราคงไม่อยากให้มันจบด้วยการปราบปราม เพราะเราก็รู้ว่าการปราบปรามอาจทำให้เงียบสงบได้แต่ไม่ได้ทำให้ปัญหาจบลง” นางสาวชญานิษฐ์ กล่าว


นางสาวชญานิษฐ์ กล่าวอีกว่า ในความเห็นส่วนตัว ความรุนแรงในชายแดนใต้เกิดขึ้นเพราะตั้งแต่อดีตรัฐพยายามกดไม่ให้ผู้คนในพื้นที่ได้พูดในสิ่งที่อยากพูด ได้ฝันอย่างที่อยากจะฝัน และได้เป็นอย่างที่จะเป็น ดังนั้นเมื่อเกิดการใช้อาวุธในการปราบปรามประชาชน จึงทำให้กำเนิดขบวนการติดอาวุธขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ในช่วงทศวรรษ 1960 นั่นก็เพราะเขาเหล่านั้นรู้สึกว่าไม่สามารถที่จะพูดคุยเจรจากับรัฐไทยด้วยวิธีการทางการเมืองได้​ ทั้งนี้ ส่วนตัวเสนอว่ารัฐบาลควรจะเร่งดำเนินการแต่งตั้ง “คณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้” ขึ้นมาอีกครั้ง ภายหลังจากคณะพูดคุยสันติสุขฯ ชุดเก่าสิ้นสุดลงไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี

“ส่วนหนึ่งที่ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้คาราคาซัง เป็นเพราะว่าประเทศของเราก็ไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา คณะพูดคุยสันติสุขฯ ซึ่งมีตัวแทนทั้งฝั่งรัฐบาลไทย ฝั่งขบวนการติดอาวุธ ที่ได้พูดคุยกันก็ต้องสะดุดลงในทุกครั้งที่มีการรัฐประหารหรือเปลี่ยนรัฐบาล ฉะนั้นรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ควรจะเร่งแต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมา เพื่อให้กระบวนการพูดคุยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่สำคัญและละเลยไม่ได้ คือ พื้นที่ของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันและกัน นอกจากนี้ ควรจะให้ความสำคัญกับภาคประชาสังคมในพื้นที่ชายแดนใต้ รวมถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งอาจจะอยู่วงนอกของโต๊ะเจรจา หรือคณะพูดคุยสันติสุขฯ ด้วย” นางสาวชญานิษฐ์ กล่าว

เมื่อถามถึงข้อเสนอการยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ นางสาวชญานิษฐ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าจะถามคำถามนี้กับใคร เพราะหากถามประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่เป็นชาวมุสลิม ก็ย่อมต้องอยากให้มีการยกเลิกและนำทหารออกไป หากถามผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ย่อมต้องตอบว่าการมีทหารอยู่ในพื้นที่ ย่อมสร้างความรู้สึกอุ่นใจให้มากกว่า


อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นนักวิชาการมองว่าสังคมไทยประสบกับปัญหานี้มากว่า 20 ปี เราควรจะนำข้อมูลมาดูกันอย่างจริงจัง และนำมาศึกษาเปรียบเทียบดูว่าพื้นที่ที่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีเจ้าหน้าที่ หรือมีกฎหมายพิเศษอื่นๆ บังคับใช้อย่างเข้มข้น ช่วยทำให้ความรุนแรงลดลงได้หรือไม่ และสัมพันธ์หรือแตกต่างกันอย่างไรกับพื้นที่ที่ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายพิเศษอย่างเข้มข้น รวมไปถึงตัวเลขการละเมิดสิทธิมนุษยชน มีความแตกต่างกันอย่างไรในเชิงการเปรียบเทียบของพื้นที่ เราควรต้องถอดบทเรียน เพราะเรื่องนี้สำคัญไม่เพียงแค่ชาวบ้านในพื้นที่ แต่รวมถึงคนไทยทุกภูมิภาคที่ต้องไปเสียชีวิตที่นั่น บวกกับงบประมาณประเทศซึ่งสูญเสียไปกว่า 5 แสนล้านบาท นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ถึง ปัจจุบัน.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว สั่งพื้นที่เร่งสำรวจและให้ความช่วยเหลือ หากงบประมาณไม่เพียงพอให้ขอขยายวงเงินทันที ด้านอาคารที่ถล่มได้ส่งทีม USAR Thailand สลับกำลังเพิ่มเติม

นายกฯ กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความปรารถนาดีชาวไทยมุสลิม

นายกรัฐมนตรี กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความรัก ความปรารถนาดียังชาวไทยมุสลิมทุกคน ชื่นชมศรัทธาที่เข้มแข็ง ความอดทน อดกลั้น ความมุ่งมั่น เสียสละ

เร่งปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากอาคาร สตง.

ปฏิบัติการค้นหาผู้ติดใต้ซากอาคาร สตง. ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผ่านมาเกือบ 54 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ยังไม่พบผู้รอดชีวิตเพิ่ม ส่วนยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็น 11 รายแล้ว

สตง.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยผู้ประสบภัยตึกถล่มจากแผ่นดินไหว

สตง. เร่งตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ได้รับผลกระทบ จากกรณีอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมยืนยันกระบวนการดำเนินโครงการฯ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย