ทำเนียบ 21 ก.พ.-“อนุกูล” รองโฆษกรัฐบาล ย้ำบุหรี่ไฟฟ้าต้องจับสถานเดียว เตือนภัยมาในรูปแบบ Art Toy ระบาดหนักในกลุ่มเด็กและเยาวชน หากพบพื้นที่ใดละเลยโดนลงดาบแน่
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งดำเนินการจับกุมและเร่งสร้างภูมิคุ้มกันในการป้องกันการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน โดยรัฐบาลสั่งการให้ทุกหน่วยงานภาครัฐบูรณาการความร่วมมือเดินหน้าปราบปราม หยุดยั้งการลักลอบผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด หากพบเห็นว่าพื้นที่ใดมีการเปิดขายอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายและมีเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีร้านขายหรือมีการรับสินบนเพื่อให้เปิดร้านขายได้ก็จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ทันที
“ขอย้ำว่ารัฐบาลไม่สนับสนุนในสิ่งที่ทำลายสุขภาพโดยได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับผู้ฝ่าฝืน โดยผู้ที่จำหน่ายหรือให้บริการมีความผิดตามกฎหมายจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ที่นำเข้าจะมีความผิดระวังโทษจำคุกไม่เกิน 10 หรือปรับเป็นเงินห้าเท่าของราคาสินค้าหรือทั้งจำทั้งปรับ” รองโฆษกรัฐบาลระบุ
นายอนุกูล กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้เร่งเตือนภัยกลุ่มเด็กและเยาวชนจากกรณีปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่ขยายตลาดในกลุ่มลูกค้ารายใหม่ โดยพบว่าปัจจุบันกลุ่มเด็กและเยาวชนเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์กับภัยอันตรายที่แฝงมากับผลิตภัณฑ์ และด้วยรูปแบบของบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันมักมีการโฆษกขายสินค้าในโลกออนไลน์ที่มีราคาที่ถูก โดยพบราคาต่ำสุดเพียงแค่ 99 บาท ทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้โดยง่าย อีกทั้ง ด้วยลักษณะรูปทรงที่ดึงดูดใจต่อเด็กและเยาวชน และไม่โดดเด่นแปลกตา ทำให้ผู้ปกครองไม่ทันสังเกต ปัจจุบันพบบุหรี่ไฟฟ้ามาในลักษณะคล้าย Art Toy โดยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในชื่อ “บุหรี่ไฟฟ้าโดเรมอน”
สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของไทยการสูบบุหรี่ไฟฟ้าค่อนข้างน่าเป็นห่วง ทั้งที่กฎหมายระบุอย่างชัดเจนในเรื่องของการห้ามขาย ห้ามนำเข้า อีกทั้ง มาตรการคุมเข้มในการปราบปรามของหน่วยงานภาครัฐ แต่ยังมีการขายอย่างแพร่หลาย อีกทั้ง ผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้าได้มีการปรับรูปแบบ รูปทรงที่ดึงดูดใจและแต่งกลิ่นให้มีความคล้ายขนม นม ช็อกโกแลต ทำให้เป็นการตบตาผู้ปกครอง ครูได้อย่างแนบเนียน มุ่งเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าเด็กและเยาวชน ทำให้แนวโน้มตัวเลขของเด็กและเยาวชนที่ติดบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยพบว่าจากการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทยของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร พบตัวเลขของเด็กและเยาวชนไทยติดบุหรี่ไฟฟ้าถึง 18.6% โดยมีความเข้าใจผิดคิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยเลิกบุหรี่มวนได้ถึง 61.23% เข้าใจว่านิโคตินส่งผลดีต่อร่างกาย 51.19% มีความเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน 50.2% เข้าใจว่าน้ำยาของบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีส่วนผสมของนิโคติน 26.28% และเข้าใจว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายถึง 23.28% ด้วยปัจจัยจากผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้าและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเยาวชนเกี่ยวกับภัยอันตรายที่แฝงมากับผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้ในปี 2567 กระทรวงสาธารณสุขพบว่า ผู้ป่วยที่เป็นเยาวชนมีอาการปอดอักเสบรุนแรงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 100 ราย นายอนุกูล กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย