กระชับสัมพันธ์ไทย-ลาว! ลุยปราบคอลเซ็นเตอร์-ยาเสพติด

ทำเนียบ 20 ก.พ.- นายกฯ แพทองธาร จับมือนายกฯ สปป ลาว สานต่อ “สายพัวพันที่ยั่งยืน” สร้างความมั่นคงพื้นที่ชายแดน ลุยปราบคอลเซ็นเตอร์-ยาเสพติด สร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 ดันเป้าการค้า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมฉลอง 75 ปีสายสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ให้ประชาชนกินดี อยู่ดี และมีสุข


น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมแถลงภายหลังพิธีลงนามความตกลงและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ พร้อมเปิดตัวตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – สปป.ลาว ครบ 75 ปี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในนามรัฐบาลและประชาชนไทย ยินดีที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว และคณะ ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่ง สปป. ลาว เป็นประเทศแรกที่ตนได้เยือนอย่างเป็นทางการ ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง พร้อมทั้งเป็นการเริ่มต้นการฉลองครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ในปีนี้ด้วย ซึ่งต่างเห็นพ้องที่จะเร่งขับเคลื่อนความร่วมมือไทย – ลาว ให้เจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน และส่งเสริมความกินดี อยู่ดี ของประชาชนใน 3 ด้านหลัก ได้แก่


ประการแรก เสริมสร้างให้พื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศมีความมั่นคง โดยด้านยาเสพติด เห็นพ้องที่จะเพิ่มความเข้มข้นของความร่วมมือ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของทั้งสองประเทศ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข่าวสารและขยายผลการสืบสวนสอบสวนของชุดปฏิบัติการและคณะทำงานร่วม และส่งเสริมความร่วมมือในระดับท้องถิ่นและระดับหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังเห็นพ้องการสนับสนุนการพัฒนาทางเลือกเพื่อปลูกพืชทดแทนยาเสพติด ซึ่งไทยได้เริ่มดำเนินการแล้วที่แขวงหัวพันและแขวงบ่อแก้ว

ด้านปัญหาแก็งคอลเซ็นเตอร์ ไทยและ สปป. ลาว ต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยถือเป็นปัญหาร่วมกันในภูมิภาค ซึ่งไทยได้เสนอให้ใช้ประโยชน์จากกรอบแม่โขง-ล้านช้าง ที่ไทยเป็นประธานในปีนี้ เพื่อผลักดันความร่วมมืออย่างจริงจังในภูมิภาค พร้อมชื่นชมรัฐบาล สปป. ลาว ที่ได้ดำเนินการปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมสนับสนุน สปป. ลาว ในการขยายผลการปราบปรามและการสอบสวนเพื่อเอาผิดกับผู้อยู่เบื้องหลัง ผ่านศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศของไทย

ด้านหมอกควันข้ามแดน จะผลักดันให้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดตั้งห้องปฏิบัติการเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันเพิ่มเติม และการขยายผลโครงการนำร่องการจัดทำแนวกันไฟลดการเผาคู่ขนานในพื้นที่สองประเทศ นอกจากนี้ฝ่ายไทยเสนอเชื่อมโยงฐานข้อมูล (database) และระบบเตือนภัยล่วงหน้า (early warning) ของ สปป. ลาว เข้ากับระบบของ GISTDA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาด้วย


ด้านการแก้ไขปัญหาอุทกภัย นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ระบบโทรมาตรที่ไทยสนับสนุนการติดตั้ง มีส่วนช่วยการแจ้งเตือนระดับน้ำใน สปป. ลาว โดยไทยพร้อมสนับสนุนการติดตั้งระบบโทรมาตรใน สปป. ลาว เพิ่มเติม โดยเฉพาะในลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง และการเชื่อมโยงเครือข่ายโทรมาตรต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบแจ้งเตือนและการบริหารจัดการน้ำ

ประการที่สอง สร้างการเจริญเติบโตและความมั่งคั่งร่วมกัน โดยด้านการค้า เห็นพ้องที่จะบรรลุเป้าหมายการค้าทวิภาคีที่ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2570 โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ที่ได้ช่วยติดตามและอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าเกษตรของไทยผ่านแดนไปจีน ทั้งการเพิ่มจำนวนขบวนรถไฟขนส่งผลไม้และการเพิ่มช่องตรวจปล่อยสินค้าบริเวณจุดผ่านแดนลาว-จีน นอกจากนี้จะร่วมมือกันในการลดการเผาในอุตสาหกรรมการเกษตรของสองประเทศด้วย

ด้านการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ หลายโครงการมีความคืบหน้า ทั้งการเสริมกำลังสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 และการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 ที่จะพร้อมเปิดใช้งานในปลายปีนี้ รวมทั้งเห็นพ้องที่จะร่วมกันจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และพร้อมสนับสนุนโครงการต่างๆ ให้มีความก้าวหน้า ได้แก่ โครงการก่อสร้างสะพานรถไฟแห่งใหม่ที่จังหวัดหนองคาย โครงการเชื่อมต่อรถไฟไทย-ลาว กับระบบรถไฟลาว-จีน และการเชื่อมต่อระบบรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กับระบบรถไฟลาว-จีน นอกจากนี้จะส่งเสริมให้มี joint venture ระหว่างภาคเอกชนไทย-ลาว เพื่อบริหารจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาค โดยบ่ายวันนี้ จะมีกิจกรรม Thai-Lao Business Forum ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ภาคเอกชนไทย-ลาว ได้พูดคุยกันถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้

ประการที่สาม สร้างเสริมสายสัมพันธ์พิเศษระดับประชาชนไทย และ สปป. ลาว มีความสัมพันธ์ที่ดีและยาวนาน และประชาชนสองฝั่งก็มีความผูกพันเป็นดั่งเครือญาติ ซึ่งในโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ทั้งสองฝ่ายจะจัดกิจกรรมเพื่อฉลองวาระพิเศษนี้ตลอดทั้งปี โดยไทยพร้อมมอบทุนการศึกษาจำนวนกว่า 75 ทุน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์อันยาวนาน และช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเยาวชนของ สปป. ลาว นอกจากนี้ยังพร้อมสนับสนุน สปป. ลาว อย่างต่อเนื่องต่อไปทั้งในด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรด้านการแพทย์และการสนับสนุนเซรุ่มแก้พิษงู และด้านการเกษตร ผ่านโครงการในพระราชดำริต่าง ๆ ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนลาว

ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์และความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับ สปป. ลาวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและกรอบอาเซียนเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์และแก้ไขปัญหาที่ภูมิภาคเผชิญร่วมกันต่อไป

“ไทยและ สปป. ลาว เป็นเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นและมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างแยกจากกันไม่ได้ ซึ่งในวาระพิเศษที่ทั้งสองประเทศกำลังฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี ของความสัมพันธ์ฯ นายกรัฐมนตรียินดีและมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ในการส่งเสริมให้ประชาชนไทย-ลาว มีความกินดี อยู่ดี และมีสุข รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้เป็นสายพัวพันที่ยั่งยืน ในอีก 75 ปีข้างหน้าต่อไป” นางสาวแพรทองธาร กล่าว .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย