รัฐสภา 20 ก.พ.-กมธ.ดีอี เชิญ สอท. AOC Tiktok และ Facebook แจงหาแนวทางแก้ปัญหาประชาชนถูกหลอกออนไลน์-คอลเซ็นเตอร์ เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบฝั่งไทยกระทบหรือไม่ หลังตัดเน็ตเมียนมา แต่เชื่อตัดหมดในเดือนนี้ “สยาม” เผย 150 ผู้เสียหายร้องสูญ 76 ล้าน รับปัญหากฎหมายยังไม่เรียบร้อย แปลงเป็นคริปโต ทำนำเงินเฉลี่ยทรัพย์คืนไม่ได้ เสนอเร็วสุดต้องแก้กฎกระทรวง
นายสยาม หัตถสงเคราะห์ ประธานกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมเพื่อติดตามเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนกรณีถูกหลอกจากแพลตฟอร์มออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์ ว่าได้เชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง อาทิ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือAOC และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ โดยขณะนี้มีผู้เสียหายมาร้องเรียนต่อกรรมาธิการมากขึ้น
ส่วนแนวทางในการให้ความช่วยเหลือเหยื่อที่ได้รับผลกระทบนั้น นายสยาม ระบุว่าเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อผู้เสียหายได้รับผลกระทบแจ้งความเรียบร้อยแล้วตอนนี้ต้องทำอย่างไรให้คดีคืบหน้า ต้องร่วมมือกับทุกฝ่ายจริงๆ ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีที่ถูกหลอกบนแพลตฟอร์ม Tiktok และ Facebook ซึ่งได้ให้ความร่วมมือเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการ ซึ่งเราต้องการกระชับพื้นที่และลดสิ่งเหล่านี้ให้หมดไปให้ได้
สำหรับการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ นายสยามระบุว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎรและกสทช.ก็พยายามอย่างเต็มที่ในการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนว่าภัยออนไลน์ยังมีอยู่ ต้องตระหนักรู้ว่าถ้ามีโทรศัพท์แปลกๆ ให้วางสายไปก่อน แล้วค่อยโทรกลับ ซึ่งล่าสุดเมื่อเช้ามีข่าวว่าน้องนักเรียนขอเงินพ่อแม่ไปเรียนต่อแต่แท้จริงโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก
เมื่อถามถึงกรณีที่ยึดเงินจากบัญชีม้ามาจำนวนหนึ่งสามารถคืนเงินให้ผู้เสียหายได้หรือไม่ นายสยามกล่าวว่า เรื่องการเฉลี่ยทรัพย์นั้นกฎหมายยังไม่แล้วเสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ พระราชกำหนดไซเบอร์ ครั้งที่ 2 เพิ่งผ่านครม. และตอนนี้พรรคเพื่อไทยร่างพ.ร.บ.เรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากแล้วเสร็จเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเชื่อว่าจะมีประโยชน์อย่างแน่นอน
นายสยาม กล่าวอีกว่าขณะนี้มีผู้สียหายรวมตัวกว่า150 คนมูลค่าความเสียหาย76ล้าน แต่ปัญหาอยู่ที่เงินเมื่อเข้าบัญชีม้าไปแล้ว ถูกแปลงเป็นเงินคริปโตและไปอยู่บนแพลตฟอร์ม ที่ต้องหาแนวทางนำเงินกลับมา ซึ่งกำลังพิจารณาตามกฎหมายฟอกเงิน เพราะต่างจากเงินสีเทาที่มีการนำไปซื้อรถหรู เมื่อจับได้สามารถนำมาเปิดประมูลขายนำเงินคืนให้ผู้เสียกาย แต่เมื่อเป็นเงินดิจิทัล จึงเป็นปัญหาที่ผู้ใหญ่ดูอยู่ โดยหากต้องการให้เร็วต้องเสนอรัฐมนตรีให้แก้กฎกระทรวง
เมื่อถามเรื่องชายแดนที่กสทช.กำกับ และบอกว่าจะตัดอินเทอร์เน็ตภายในสิ้นกุมภาพันธ์นี้จะมีการหยิบยกหารือในที่ประชุมกรรมาธิการฯ หรือไม่ นายสยามกล่าวว่า กรรมาธิการฯมีมติจะลงพื้นที่แม่สอดสัปดาห์หน้าเพื่อตรวจสอบว่า การตัดอินเทอร์เน็ตฝั่งเมียนมาไปแล้วในพื้นที่ฝั่งไทยจะมีประชาชนได้รับผลกระทบหรือไม่ โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานสาธารณูปโภคคือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และ Operator มา และให้กสทช.ไปตรวจสอบสัญญาณวิ่งตรวจตามขอบชายแดนทั้งหมด และแจ้งเป็นตัวเลขมาว่าเกิดผลกระทบอย่างไรจะแก้ไขอย่างไร และหากคนไทยได้รับผลกระทบจะแก้ไขอย่างไนและส่วนตัวมั่นใจว่าสิ้นเดือนนี้การตัดอินเทอร์เน็ตจะสามารถดำเนินการได้ทั้งหมด.-319.-สำนักข่าวไทย