นายกฯ ขึ้นเวทีปาฐกถา “เชื่อมั่นประเทศไทย” ตั้งเป้าดัน GDP ปี 68 โต 3%

ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 19 ก.พ.-นายกฯ ขึ้นเวทีปาฐกถา “เชื่อมั่นประเทศไทย” ตั้งเป้าดัน GDP ปี 68 โต 3% แจงสาเหตุตัวเลขไทยต่ำกว่าเพื่อนบ้านอาเซียน ต้องดูปัจจัยภายใน-นอกประกอบ ชี้เศรษฐกิจฝืดเคือง ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยเงินกู้ให้ SME ขาดสภาพคล่อง พร้อมส่งสัญญาณ “แบงก์ชาติ” ลดดอกเบี้ย ย้ำเดินหน้า “แลนด์บริดจ์” บอกไม่แปลกมีคนต้าน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ในงานสัมมนา Matichon Leadership Forum 2025 Trust Thailand : เชื่อมั่นประเทศไทย ว่า ตลอดปีที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญกับปัญหาความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก เงินในระบบที่ไม่พอ เงินยังมีความฝืดเคืองอยู่มาก แต่ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทำให้เราได้เห็นสัญญาณอันดี คือปลายปีที่แล้วเรามีตัวเลขจีดีพี ปี 67 ขยายตัว 2.5% จากที่ตั้งเป้า 2.2% ซึ่งเห็นได้ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ให้ประชาชนใช้จ่าย ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นที่เห็นได้ชัดชัดเจนก็คือตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากหลายภาคส่วนรวมกันทั้งเรื่องฟรีวีซ่า เพื่อให้การท่องเที่ยวง่ายขึ้น และยังสร้างความเชื่อมั่นว่าเมื่อเข้ามาในประเทศไทยแล้วมีความปลอดภัยทำให้สามารถดึงดูดเงินจากทั่วโลกได้มากขึ้น


สำหรับปี 2568 ตั้งเป้าให้จีดีพีโตขึ้น 3% ที่สำคัญการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการใช้จ่ายของประชาชนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ภาครัฐเองมีส่วนในการผลักดันในการใช้งบลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยตนเองได้เรียกทุกภาคส่วนมาพูดคุยกันว่างบต่างๆที่เราได้ต้องเร่งให้เกิดการลงทุนให้เร็วที่สุด เช่น การก่อสร้างต่างๆ ทำให้เกิดการจ้างงานเงินในระบบหมุนเวียนมากขึ้น และทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ดังนั้นจึงต้องเร่งให้เกิดการลงทุนของภาครัฐ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ตัวเลขจีดีพีที่ออกมา ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับประเทศอาเซียนจะเห็นได้ว่าตัวเลขต่ำกว่าประเทศอื่น ซึ่งยังไม่ได้เอาปัจจัยภายใน และภายนอกของประเทศมาประกอบถือว่ายังไม่ครบถ้วน ที่เห็นได้ชัดเจน คือเรื่องอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่ไม่เห็นการพัฒนามานานแล้ว ทั้งที่ประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย มีการลงทุนเรื่องเซมิคอนดอกเตอร์ แต่ประเทศไทยไม่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว ส่วนเวียดนาม มีการพัฒนาทักษะของคน เช่น การเขียนซอฟต์แวร์ต่างๆ แต่ไทยยังไม่ได้พัฒนาเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ อีกทั้งสภาพคล่องด้านเศรษฐกิจก็ยังไม่เต็มระบบ โดยธนาคารพาณิชย์ยังปล่อยกู้ไม่มากพอ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดการฝืดเคืองของเศรษฐกิจ อย่างกลุ่มเอสเอ็มอี ที่เป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศถึง 75% ไม่สามารถกู้เงินเพื่อมาขยายธุรกิจ จึงขยายตัวได้ไม่มากนัก จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วน


ด้านภาครัฐมีงบประมาณไม่เพียงพอ รายได้ถูกใช้ไปในเรื่องของงบประจำเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นการเหลืองบประมาณที่จะนำมาลงทุนในประเทศให้เกิดการพัฒนาก็เหลือน้อยเต็มที โดยตั้งแต่ตนเข้ามาทำหน้าที่ก็พยามจะบอกทุกคนให้รัดเข็มขัด แต่ก็ต้องทำการลงทุนควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นต้องทำให้เม็ดเงินเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต้องบาลานซ์ให้ดีไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาในอนาคต และเมื่องบประมาณมีจำกัดก็จะส่งผลกับเรื่องของการลงทุน แม้แต่เงินกู้ก็ชนเพดาน ซึ่งเป็นเวลาที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารก็เจอปัญหานี้แล้ว แน่นอนว่าเราพยายามหาทางออกเพื่อที่จะทำให้เงินลงทุนทุกบาททุกสตางค์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังมีการทำการตลาดที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเมื่อการลงทุนจากต่างชาติ หรือเม็ดเงินจากต่างประเทศไม่เข้ามา การขยับของจีดีพีก็จะเป็นไปได้ยาก เราก็ทราบดีปัญหาเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการแก้ไข จะเห็นได้ว่าตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน มีการดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำได้ร่วมกับบีโอไอ ซึ่งต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่น และทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามามากยิ่งขึ้น โดยได้เสนอเรื่องของการทำการตลาดดึงนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ยอดการลงทุนเพิ่มขึ้น 35% หรือ 1.14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 5% ของจีดีพี และเร่งให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบ เป็นสิ่งที่ขยับและเห็นผล ทั้งนี้ยังมีมาตรการอีกมากมายทั้งสินเชื่อเอสเอ็มอีดึงอุตสาหกรรมใหม่เข้าประเทศ ดาต้าเซ็นเตอร์ เซมิคอนด็อกเตอร์ เพราะอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงขนาดนี้จะสามารถเติมเงินครั้งใหญ่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกจากการเติมเงินแล้ว ยังช่วยเรื่องของกำลังซื้อของประชาชนด้วย อีกสิ่งที่รัฐบาลเห็นถึงความสำคัญคือการ Man-make Destination หรือ การสร้างสถานที่ใหม่ใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และทำให้ทุกเดือนของประเทศไทยมีกิจกรรมสามารถท่องเที่ยวได้ไม่ใช่เฉพาะช่วงวันสำคัญ อย่างวันสงกรานต์หรือวันสำคัญอื่นๆ ต้องทำให้มีช่วงโลซีซั่น ซึ่งจะทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า หากมีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบก็จะสามารถยกระดับเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยมาตรการเร่งด่วนรัฐบาลได้พูดคุยและขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ที่มีกำไร ให้ช่วยเสริมสภาพคล่อง โดยการปล่อยกู้ให้กับคนไทยให้มีแคชโฟร์(กระแสเงินสด) ในการที่จะนำเงินมาหมุนเวียนในอุตสาหกรรม ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาลดดอกเบี้ย เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะเงินเฟ้อยังน้อยอยู่


ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนอุตสาหกรรมในอนาคตที่ประเทศไทยมองเป้าหมาย เรื่องยานยนต์ไฟฟ้า รถอีวีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิตอล ปัญญาประดิษฐ์ ai และเซมิคอนด็อกเตอร์ ซึ่งจะเป็นรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป เราพยายามที่จะวางตัวให้เป็นHUB ของภูมิภาค ให้คนที่จะผลิตรถอีวีเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย และขณะนี้มีหลายโรงงานที่เข้ามาตั้งอยู่ในประเทศไทย การทำเช่นนี้ก็จะต้องดูเรื่องของ Green energy ประกอบด้วย จะเป็นการทำให้ทั่วโลกได้เล็งเห็นว่ากำลังจะก้าวต่อไปสำหรับโลกในอนาคต เป็นสิ่งที่รัฐบาลทราบและทำควบคู่กันอย่างเป็นระบบ

ในปี 2567 ไทยได้รับการลงทุนของสถาบันดิจิตอลสูงเป็นอันดับหนึ่ง เรื่องของดาต้าเซ็นเตอร์และ could จากสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ฮ่องกง ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย รวมเงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท ล่าสุดบีโอไอ อนุมัติการลงทุนของ TikTok วีเอ็นมีเดีย count พาร์ทเนอร์กว่า 1.3 แสนล้านบาท ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราได้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกเข้ามาลงทุนกับประเทศไทย ทำให้เกิดความเชื่อมั่นส่งผลให้การลงทุนต่างๆเป็นไปด้วยความราบรื่นมากขึ้น

ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางรถไฟ ความเร็วสูง ไทย-ลาว- จีน เชื่อมโยงกรุงเทพฯ-หนองคาย หากดำเนินการได้จะการลดค่าใช้จ่ายเรื่องการขนส่งเป็นอย่างมาก เป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการกระตุ้นการลงทุนและทำกำไรมากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้การเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มมากขึ้น เกิดการจ้างงานที่เพิ่มมากขึ้นมีอาชีพใหม่ใหม่เกิดขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันเรื่องของแลนด์บริดจ์ ซึ่งจากการเดินทางเยือนจีนก็ได้มีการสอบถามและขอข้อมูลเพิ่มเติมจากไทยถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จีนให้ความสนใจเรื่องนี้ ถือเป็นสิ่งที่เราต้องทำงาน ซึ่งหากแลนด์บริดจ์เกิดขึ้นการขนส่งสินค้าจะประหยัดได้เยอะมาก เช่น การขนส่งสินค้าผลไม้มีเวลาเสียจะทำให้สามารถประหยัดเวลาการขนส่งได้ถึง4วัน เราจะสามารถส่งผลไม้ได้มากขึ้นสดใหม่มากขึ้น และสามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง 15% เพราะเราส่งออกผลไม้เยอะมาก อย่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงชอบทุเรียนของไทย และมีคนจีนอีกมากที่เป็นแฟนผลไม้ของไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้(18 ก.พ.) ได้ประชุมครม. ที่สงขลา มีการสอบถามว่าเราจะดำเนินการเรื่องแลนด์บริดจ์อย่างไร เนื่องจากมีผู้มาต่อต้าน ซึ่งซึ่งมองว่าเรื่องนี้ไม่แปลก เมื่อประเทศของเราจะมีการเปลี่ยนแน่นอนว่าต้องมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นไปตามปกติของระบบประชาธิปไตย โดยรัฐบาลได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี และพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกคน และต้องการที่จะมีเวลาในการอธิบาย ข้อดี ข้อเสีย ว่าทำไมโครงการใหญ่ๆ จึงต้องการที่จะอยากสนับสนุนต่อ บางเรื่องรัฐบาลไม่อยากมองเป็นภาพเล็กว่าจะต้องแก้ไขปัญหาได้เพียงแค่หนึ่งปี หรือปัญหานั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก พร้อมยกตัวอย่าง เรื่องของน้ำท่วม ตนได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าเราเบิกค่าเยียวยาเรื่องน้ำท่วมทุกปี แต่จะดีกว่าไหมถ้าจะไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ และไม่ต้องเยียวยา หากเรามองเห็นภาพใหญ่โดยลงทุนมากหน่อยต่อเนื่องให้จบ ทำให้ประชาชนไม่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งต่อไปทุกปี นี่จึงเป็นการลงทุนอีกอย่างหนึ่งที่ และเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลเล็งเห็น แม้ตอนนี้เรรัดเข็มขัดแล้ว แต่ก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าจะลงทุนอะไรที่เป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และทำให้ประชาชนไม่ลำบากต่อเนื่องหลายปี พร้อมหวังว่าไทยจะทำเอฟทีเอ ทุกประเทศกับทุกประเทศในยุโรปเพื่อทำให้การลงทุนของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง หนี้ครัวเรือนถือที่เป็นอุปสรรคการพัฒนาประเทศ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้พยามออกมาตรการ เช่น คุณสู้เราช่วยเพื่อช่วยเหลือ ซึ่งตัวเลขการแก้หนี้ครัวเรือนเป็นการยกหนี้รายย่อยแล้ว 8.3 แสนบัญชี ทำให้หลุดออกจากการติดเครดิตบูโร และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อีกครั้ง โดยรัฐบาลชุดนี้ ได้สานต่อ เพราะถือเป็นประโยชน์อย่างมาก ซึ่งขณะนี้มีลูกหนี้ 2.6 แสนบัญชี โดยจะทำให้จบภายในวันที่ 15 มีนาคมนี้ โดยขอให้กระทรวงการคลังหารือกับแบงค์ชาติ เพื่อปรับปรุงโครงการ คุณสู้เราช่วย ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกหนี้ให้ง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งคิดว่ามาตรการต่างๆจะออกมาในช่วงปลายเดือนมีนาคม นี้และจะประกาศให้ประชาชนทราบอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลยัฝตระหนักถึงปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงให้คนไทยข้ามไปยังฝั่งเมียนมาร์ ถือว่าเป็นปัญหาที่ยิ่งฟังยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนที่ถูกหลอกหมดตัว บางคนถึงขั้นจบชีวิต จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป พร้อมได้ดำเนินการตัดไฟ ตัดน้ำมันที่ส่งไปยังเมียนมาร์และได้รับคำชื่นชมจากจีนว่าไทยเด็ดขาด และขณะนี้มีการปล่อยตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 300 คน และมีอีก 7,000 คนที่รอการปล่อยตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกันระหว่างประเทศทั้งนี้มีการรายงานว่ามีการใช้ไฟลดลง 40% ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างมาก นอกจากนี้รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดเรื่องการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีเนื้อหาให้บริษัทโทรคมนาคมและธนาคารพาณิชย์ร่วมกันรับผิดชอบแก่ผู้เสียหายด้วย จึงต้องเป็นการทำงานร่วมกันไม่ฉะนั้นรัฐบาลออกกฎอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำร่วมกัน และน่าจะเห็นผลเร็วเร็วนี้ หลังเริ่มบังคับใช้เพื่อให้การจัดการกับคอลเซ็นเตอร์มีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวได้ว่า เรื่องความเชื่อมั่นของประเทศไทย แน่นอนว่ารัฐบาลทำเต็มที่ เพื่อให้ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นทั้งจากต่างประเทศและคนไทยด้วย แต่ความเชื่อมั่นไม่ได้มาจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวยังมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

“ขอเพิ่มเติมว่าการที่เราสามารถติดต่อ ขอความร่วมมือกับต่างประเทศ เรื่องคอลเซ็นเตอร์ เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ติดต่อประสานงาน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟ เราไม่สามารถผิดโพรโทคอล (มารยาทางการทูต) เช่นที่ตนเอง ถูกถามเรื่องต่างประเทศ บางสิ่งก็ยังไม่สามารถตอบได้ทันที เพราะเป็นสิ่งที่มีโพรโทคอล เขาจะนับว่านายกฯและตัวรัฐมนตรี ไม่ว่าจะพูดอะไร สัมภาษณ์ที่ไหน สิ่งนั้นจะถือเป็นสิ่งที่ใช่แล้ว ตกลงแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับต่างประเทศตนต้องปรึกษากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก่อน ว่าบางเรื่องพูดได้หรือไม่ เซนซิทีฟมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้สามารถเปิดเผยระหว่างประเทศได้หรือยัง พร้อมย้ำว่าเรื่องคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาลร่วมมือกัน ให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ ให้เกิดผลที่ดีกับทั้งสองประเทศ อย่างที่บอกความเชื่อมั่นเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากรัฐบาล แต่เกิดจากภาคเอกชน ประชาชน ถ้าทุกคนร่วมมือกัน เราจะมีประเทศที่พัฒนาด้านเศรษฐกิจและมีสังคมที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ดังนั้นขอความร่วมมือและขอกำลังใจจากทุกภาคส่วน ให้ร่วมมือกันพัฒนาประเทศของเรา ต่อยอดขึ้นไปให้เศรษฐกิจดีขึ้นเรื่อย ให้เม็ดเงินลงทุนหมุนเวียนในประเทศของเรามากยิ่งขึ้น โดยตนเองจะเดินหน้าเดินสาย เรื่องการดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศ ซึ่งจีดีพีของประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้นเรื่อยๆ จึงขอให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเห็นทุกปัญหา ของทุกพื้นที่ และพร้อมสนับสนุน ให้ความร่วมมือกับประชาชนและภาคเอกชน เพื่อพัฒนาประเทศของเรา ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ” นายกรัฐมนตรีระบุ.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]