นายกฯ ขึ้นเวทีปาฐกถา “เชื่อมั่นประเทศไทย” ตั้งเป้าดัน GDP ปี 68 โต 3%

ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 19 ก.พ.-นายกฯ ขึ้นเวทีปาฐกถา “เชื่อมั่นประเทศไทย” ตั้งเป้าดัน GDP ปี 68 โต 3% แจงสาเหตุตัวเลขไทยต่ำกว่าเพื่อนบ้านอาเซียน ต้องดูปัจจัยภายใน-นอกประกอบ ชี้เศรษฐกิจฝืดเคือง ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยเงินกู้ให้ SME ขาดสภาพคล่อง พร้อมส่งสัญญาณ “แบงก์ชาติ” ลดดอกเบี้ย ย้ำเดินหน้า “แลนด์บริดจ์” บอกไม่แปลกมีคนต้าน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ในงานสัมมนา Matichon Leadership Forum 2025 Trust Thailand : เชื่อมั่นประเทศไทย ว่า ตลอดปีที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญกับปัญหาความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก เงินในระบบที่ไม่พอ เงินยังมีความฝืดเคืองอยู่มาก แต่ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทำให้เราได้เห็นสัญญาณอันดี คือปลายปีที่แล้วเรามีตัวเลขจีดีพี ปี 67 ขยายตัว 2.5% จากที่ตั้งเป้า 2.2% ซึ่งเห็นได้ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ให้ประชาชนใช้จ่าย ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นที่เห็นได้ชัดชัดเจนก็คือตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากหลายภาคส่วนรวมกันทั้งเรื่องฟรีวีซ่า เพื่อให้การท่องเที่ยวง่ายขึ้น และยังสร้างความเชื่อมั่นว่าเมื่อเข้ามาในประเทศไทยแล้วมีความปลอดภัยทำให้สามารถดึงดูดเงินจากทั่วโลกได้มากขึ้น


สำหรับปี 2568 ตั้งเป้าให้จีดีพีโตขึ้น 3% ที่สำคัญการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการใช้จ่ายของประชาชนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ภาครัฐเองมีส่วนในการผลักดันในการใช้งบลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยตนเองได้เรียกทุกภาคส่วนมาพูดคุยกันว่างบต่างๆที่เราได้ต้องเร่งให้เกิดการลงทุนให้เร็วที่สุด เช่น การก่อสร้างต่างๆ ทำให้เกิดการจ้างงานเงินในระบบหมุนเวียนมากขึ้น และทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ดังนั้นจึงต้องเร่งให้เกิดการลงทุนของภาครัฐ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ตัวเลขจีดีพีที่ออกมา ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับประเทศอาเซียนจะเห็นได้ว่าตัวเลขต่ำกว่าประเทศอื่น ซึ่งยังไม่ได้เอาปัจจัยภายใน และภายนอกของประเทศมาประกอบถือว่ายังไม่ครบถ้วน ที่เห็นได้ชัดเจน คือเรื่องอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่ไม่เห็นการพัฒนามานานแล้ว ทั้งที่ประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย มีการลงทุนเรื่องเซมิคอนดอกเตอร์ แต่ประเทศไทยไม่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว ส่วนเวียดนาม มีการพัฒนาทักษะของคน เช่น การเขียนซอฟต์แวร์ต่างๆ แต่ไทยยังไม่ได้พัฒนาเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ อีกทั้งสภาพคล่องด้านเศรษฐกิจก็ยังไม่เต็มระบบ โดยธนาคารพาณิชย์ยังปล่อยกู้ไม่มากพอ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดการฝืดเคืองของเศรษฐกิจ อย่างกลุ่มเอสเอ็มอี ที่เป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศถึง 75% ไม่สามารถกู้เงินเพื่อมาขยายธุรกิจ จึงขยายตัวได้ไม่มากนัก จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วน


ด้านภาครัฐมีงบประมาณไม่เพียงพอ รายได้ถูกใช้ไปในเรื่องของงบประจำเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นการเหลืองบประมาณที่จะนำมาลงทุนในประเทศให้เกิดการพัฒนาก็เหลือน้อยเต็มที โดยตั้งแต่ตนเข้ามาทำหน้าที่ก็พยามจะบอกทุกคนให้รัดเข็มขัด แต่ก็ต้องทำการลงทุนควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นต้องทำให้เม็ดเงินเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต้องบาลานซ์ให้ดีไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาในอนาคต และเมื่องบประมาณมีจำกัดก็จะส่งผลกับเรื่องของการลงทุน แม้แต่เงินกู้ก็ชนเพดาน ซึ่งเป็นเวลาที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารก็เจอปัญหานี้แล้ว แน่นอนว่าเราพยายามหาทางออกเพื่อที่จะทำให้เงินลงทุนทุกบาททุกสตางค์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังมีการทำการตลาดที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเมื่อการลงทุนจากต่างชาติ หรือเม็ดเงินจากต่างประเทศไม่เข้ามา การขยับของจีดีพีก็จะเป็นไปได้ยาก เราก็ทราบดีปัญหาเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการแก้ไข จะเห็นได้ว่าตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน มีการดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำได้ร่วมกับบีโอไอ ซึ่งต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่น และทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามามากยิ่งขึ้น โดยได้เสนอเรื่องของการทำการตลาดดึงนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ยอดการลงทุนเพิ่มขึ้น 35% หรือ 1.14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 5% ของจีดีพี และเร่งให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบ เป็นสิ่งที่ขยับและเห็นผล ทั้งนี้ยังมีมาตรการอีกมากมายทั้งสินเชื่อเอสเอ็มอีดึงอุตสาหกรรมใหม่เข้าประเทศ ดาต้าเซ็นเตอร์ เซมิคอนด็อกเตอร์ เพราะอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงขนาดนี้จะสามารถเติมเงินครั้งใหญ่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกจากการเติมเงินแล้ว ยังช่วยเรื่องของกำลังซื้อของประชาชนด้วย อีกสิ่งที่รัฐบาลเห็นถึงความสำคัญคือการ Man-make Destination หรือ การสร้างสถานที่ใหม่ใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และทำให้ทุกเดือนของประเทศไทยมีกิจกรรมสามารถท่องเที่ยวได้ไม่ใช่เฉพาะช่วงวันสำคัญ อย่างวันสงกรานต์หรือวันสำคัญอื่นๆ ต้องทำให้มีช่วงโลซีซั่น ซึ่งจะทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า หากมีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบก็จะสามารถยกระดับเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยมาตรการเร่งด่วนรัฐบาลได้พูดคุยและขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ที่มีกำไร ให้ช่วยเสริมสภาพคล่อง โดยการปล่อยกู้ให้กับคนไทยให้มีแคชโฟร์(กระแสเงินสด) ในการที่จะนำเงินมาหมุนเวียนในอุตสาหกรรม ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาลดดอกเบี้ย เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะเงินเฟ้อยังน้อยอยู่


ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนอุตสาหกรรมในอนาคตที่ประเทศไทยมองเป้าหมาย เรื่องยานยนต์ไฟฟ้า รถอีวีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิตอล ปัญญาประดิษฐ์ ai และเซมิคอนด็อกเตอร์ ซึ่งจะเป็นรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป เราพยายามที่จะวางตัวให้เป็นHUB ของภูมิภาค ให้คนที่จะผลิตรถอีวีเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย และขณะนี้มีหลายโรงงานที่เข้ามาตั้งอยู่ในประเทศไทย การทำเช่นนี้ก็จะต้องดูเรื่องของ Green energy ประกอบด้วย จะเป็นการทำให้ทั่วโลกได้เล็งเห็นว่ากำลังจะก้าวต่อไปสำหรับโลกในอนาคต เป็นสิ่งที่รัฐบาลทราบและทำควบคู่กันอย่างเป็นระบบ

ในปี 2567 ไทยได้รับการลงทุนของสถาบันดิจิตอลสูงเป็นอันดับหนึ่ง เรื่องของดาต้าเซ็นเตอร์และ could จากสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ฮ่องกง ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย รวมเงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท ล่าสุดบีโอไอ อนุมัติการลงทุนของ TikTok วีเอ็นมีเดีย count พาร์ทเนอร์กว่า 1.3 แสนล้านบาท ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราได้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกเข้ามาลงทุนกับประเทศไทย ทำให้เกิดความเชื่อมั่นส่งผลให้การลงทุนต่างๆเป็นไปด้วยความราบรื่นมากขึ้น

ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางรถไฟ ความเร็วสูง ไทย-ลาว- จีน เชื่อมโยงกรุงเทพฯ-หนองคาย หากดำเนินการได้จะการลดค่าใช้จ่ายเรื่องการขนส่งเป็นอย่างมาก เป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการกระตุ้นการลงทุนและทำกำไรมากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้การเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มมากขึ้น เกิดการจ้างงานที่เพิ่มมากขึ้นมีอาชีพใหม่ใหม่เกิดขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันเรื่องของแลนด์บริดจ์ ซึ่งจากการเดินทางเยือนจีนก็ได้มีการสอบถามและขอข้อมูลเพิ่มเติมจากไทยถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จีนให้ความสนใจเรื่องนี้ ถือเป็นสิ่งที่เราต้องทำงาน ซึ่งหากแลนด์บริดจ์เกิดขึ้นการขนส่งสินค้าจะประหยัดได้เยอะมาก เช่น การขนส่งสินค้าผลไม้มีเวลาเสียจะทำให้สามารถประหยัดเวลาการขนส่งได้ถึง4วัน เราจะสามารถส่งผลไม้ได้มากขึ้นสดใหม่มากขึ้น และสามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง 15% เพราะเราส่งออกผลไม้เยอะมาก อย่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงชอบทุเรียนของไทย และมีคนจีนอีกมากที่เป็นแฟนผลไม้ของไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้(18 ก.พ.) ได้ประชุมครม. ที่สงขลา มีการสอบถามว่าเราจะดำเนินการเรื่องแลนด์บริดจ์อย่างไร เนื่องจากมีผู้มาต่อต้าน ซึ่งซึ่งมองว่าเรื่องนี้ไม่แปลก เมื่อประเทศของเราจะมีการเปลี่ยนแน่นอนว่าต้องมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นไปตามปกติของระบบประชาธิปไตย โดยรัฐบาลได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี และพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกคน และต้องการที่จะมีเวลาในการอธิบาย ข้อดี ข้อเสีย ว่าทำไมโครงการใหญ่ๆ จึงต้องการที่จะอยากสนับสนุนต่อ บางเรื่องรัฐบาลไม่อยากมองเป็นภาพเล็กว่าจะต้องแก้ไขปัญหาได้เพียงแค่หนึ่งปี หรือปัญหานั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก พร้อมยกตัวอย่าง เรื่องของน้ำท่วม ตนได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าเราเบิกค่าเยียวยาเรื่องน้ำท่วมทุกปี แต่จะดีกว่าไหมถ้าจะไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ และไม่ต้องเยียวยา หากเรามองเห็นภาพใหญ่โดยลงทุนมากหน่อยต่อเนื่องให้จบ ทำให้ประชาชนไม่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งต่อไปทุกปี นี่จึงเป็นการลงทุนอีกอย่างหนึ่งที่ และเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลเล็งเห็น แม้ตอนนี้เรรัดเข็มขัดแล้ว แต่ก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าจะลงทุนอะไรที่เป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และทำให้ประชาชนไม่ลำบากต่อเนื่องหลายปี พร้อมหวังว่าไทยจะทำเอฟทีเอ ทุกประเทศกับทุกประเทศในยุโรปเพื่อทำให้การลงทุนของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง หนี้ครัวเรือนถือที่เป็นอุปสรรคการพัฒนาประเทศ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้พยามออกมาตรการ เช่น คุณสู้เราช่วยเพื่อช่วยเหลือ ซึ่งตัวเลขการแก้หนี้ครัวเรือนเป็นการยกหนี้รายย่อยแล้ว 8.3 แสนบัญชี ทำให้หลุดออกจากการติดเครดิตบูโร และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อีกครั้ง โดยรัฐบาลชุดนี้ ได้สานต่อ เพราะถือเป็นประโยชน์อย่างมาก ซึ่งขณะนี้มีลูกหนี้ 2.6 แสนบัญชี โดยจะทำให้จบภายในวันที่ 15 มีนาคมนี้ โดยขอให้กระทรวงการคลังหารือกับแบงค์ชาติ เพื่อปรับปรุงโครงการ คุณสู้เราช่วย ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกหนี้ให้ง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งคิดว่ามาตรการต่างๆจะออกมาในช่วงปลายเดือนมีนาคม นี้และจะประกาศให้ประชาชนทราบอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลยัฝตระหนักถึงปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงให้คนไทยข้ามไปยังฝั่งเมียนมาร์ ถือว่าเป็นปัญหาที่ยิ่งฟังยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนที่ถูกหลอกหมดตัว บางคนถึงขั้นจบชีวิต จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป พร้อมได้ดำเนินการตัดไฟ ตัดน้ำมันที่ส่งไปยังเมียนมาร์และได้รับคำชื่นชมจากจีนว่าไทยเด็ดขาด และขณะนี้มีการปล่อยตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 300 คน และมีอีก 7,000 คนที่รอการปล่อยตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกันระหว่างประเทศทั้งนี้มีการรายงานว่ามีการใช้ไฟลดลง 40% ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างมาก นอกจากนี้รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดเรื่องการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีเนื้อหาให้บริษัทโทรคมนาคมและธนาคารพาณิชย์ร่วมกันรับผิดชอบแก่ผู้เสียหายด้วย จึงต้องเป็นการทำงานร่วมกันไม่ฉะนั้นรัฐบาลออกกฎอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำร่วมกัน และน่าจะเห็นผลเร็วเร็วนี้ หลังเริ่มบังคับใช้เพื่อให้การจัดการกับคอลเซ็นเตอร์มีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวได้ว่า เรื่องความเชื่อมั่นของประเทศไทย แน่นอนว่ารัฐบาลทำเต็มที่ เพื่อให้ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นทั้งจากต่างประเทศและคนไทยด้วย แต่ความเชื่อมั่นไม่ได้มาจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวยังมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

“ขอเพิ่มเติมว่าการที่เราสามารถติดต่อ ขอความร่วมมือกับต่างประเทศ เรื่องคอลเซ็นเตอร์ เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ติดต่อประสานงาน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟ เราไม่สามารถผิดโพรโทคอล (มารยาทางการทูต) เช่นที่ตนเอง ถูกถามเรื่องต่างประเทศ บางสิ่งก็ยังไม่สามารถตอบได้ทันที เพราะเป็นสิ่งที่มีโพรโทคอล เขาจะนับว่านายกฯและตัวรัฐมนตรี ไม่ว่าจะพูดอะไร สัมภาษณ์ที่ไหน สิ่งนั้นจะถือเป็นสิ่งที่ใช่แล้ว ตกลงแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับต่างประเทศตนต้องปรึกษากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก่อน ว่าบางเรื่องพูดได้หรือไม่ เซนซิทีฟมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้สามารถเปิดเผยระหว่างประเทศได้หรือยัง พร้อมย้ำว่าเรื่องคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาลร่วมมือกัน ให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ ให้เกิดผลที่ดีกับทั้งสองประเทศ อย่างที่บอกความเชื่อมั่นเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากรัฐบาล แต่เกิดจากภาคเอกชน ประชาชน ถ้าทุกคนร่วมมือกัน เราจะมีประเทศที่พัฒนาด้านเศรษฐกิจและมีสังคมที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ดังนั้นขอความร่วมมือและขอกำลังใจจากทุกภาคส่วน ให้ร่วมมือกันพัฒนาประเทศของเรา ต่อยอดขึ้นไปให้เศรษฐกิจดีขึ้นเรื่อย ให้เม็ดเงินลงทุนหมุนเวียนในประเทศของเรามากยิ่งขึ้น โดยตนเองจะเดินหน้าเดินสาย เรื่องการดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศ ซึ่งจีดีพีของประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้นเรื่อยๆ จึงขอให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเห็นทุกปัญหา ของทุกพื้นที่ และพร้อมสนับสนุน ให้ความร่วมมือกับประชาชนและภาคเอกชน เพื่อพัฒนาประเทศของเรา ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ” นายกรัฐมนตรีระบุ.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก-เจ้าคุณประสิทธิ์ สึกแล้ว

พิษณุโลก 16 ก.ค. – พระชั้นผู้ใหญ่ที่พัวพันสีกากอล์ฟยังทยอยสึกเพิ่ม ล่าสุด “เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก” แอบสึกแล้วที่วัดสว่างอารมณ์ จ.ตาก หลังมีข่าวลือสะพัดมาตั้งแต่เช้า ขณะที่ “เจ้าคุณประสิทธิ์” ถอดใจสึกแล้ว พระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก เป็นพระชั้นผู้ใหญ่อีก 1 รูป ที่มีชื่อพัวพันกับสีกากอล์ฟ ซึ่งในช่วงเช้ามีข่าวลือว่าจะลาสิกาในวันนี้ ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบตามวัดต่างๆ ในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร มีตำรวจนอกเครื่องแบบ และเจ้าหน้าที่ มาคอยเฝ้าดูแลตลอดเวลา กระทั่ง เวลา 12.00 น. เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ปรากฏตัวในชุดขาว คาดว่าไปลาสิกขาที่วัดสว่างอารมณ์ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก สำหรับพระราชรัตนสุธี มีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดพิษณุโลกที่ได้รับความเคารพอย่างสูงรูปหนึ่ง เพราะมีบทบาทสำคัญและมีคุณูปการขับเคลื่อนงานคณะสงฆ์ให้รุ่งเรือง นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกมายืนยันเช่นกันว่า ขณะนี้อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกได้ทำการลาสิกขาแล้ว และวันนี้เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก็มารายงานตัวกับเจ้าคณะใหญ่หนกลางด้วยเช่นเดียวกัน กรณีเอกสารสำนักพุทธจังหวัดสมุทรสาครหายออกไปจากวัด ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเอกสารยังมีอยู่หรือไม่ และถ้าหากเอกสารหายไปจริงก็ถือว่าเป็นการผิดวินัย และเจ้าอาวาสบกพร่อง ต้องไปดูด้วยว่าสาเหตุที่หายเพราะอะไร เพราะเอกสารทางราชการมีการรับส่งเป็นระบบ […]

เปิดคำสารภาพ “สีกากอล์ฟ”

กทม. 16 ก.ค.-เปิดคำสารภาพ “สีกากอล์ฟ” ด้านอดีตพระมหาบุญเลิศ แฉถูกสีกากอล์ฟ กุเรื่องลวงไปบ้านพัก ซ้ำถูกเชิดเงิน 1 แสน เตรียมเข้าแจ้งความเอาผิดเพิ่ม พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีน.ส.วิลาวัลย์ หรือ สีกากอล์ฟ อายุ 35 ปี ว่า จากการสอบปากคำเมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก พร้อมให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ซึ่งในวันพรุ่งนี้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อฝากขังเป็นผัดแรก ด้านพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบปากคำ น.ส.วิลาวัลย์ ในส่วนของคดีข่มขืนใจและรีดเอาเงินทิดแหล่ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ว่า เบื้องต้น สีกากอล์ฟ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี รวมถึงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้นเจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับในข้อเท็จจริงว่าเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระผู้ใหญ่รูปต่างๆ จริง ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าข่มขู่รีดเอาเงิน และบังคับทิดแหล่ ให้ร่างหนังสือร้องเรียนเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีฯ เรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาว เจ้าตัวอ้างว่าไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าเป็นคนให้ทิดแหล่ร่างหนังสือดังกล่าวจริง เพียงแต่เป็นการไหว้วาน ไม่ได้เป็นการบังคับ […]

มทภ.2 เรียกร้องผู้นำเขมรขอโทษทหารไทยที่ถูกผลักอกล้ม

สุรินทร์ 16 ก.ค.-มทภ.2 สั่ง กกล.สุรนารี จัดระเบียบนักท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธม หารือ พล.ต.เนี๊ยะ ได้ข้อยุติ 3 ประการ เรียกร้องผู้นำกัมพูชาตำหนิหญิงเขมร และขอโทษทหารไทยที่ถูกผลักอกล้ม ลั่นไทยดำเนินคดีอดีตทหารพรานตามกฎหมายแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุความวุ่นวาย ที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ จากกรณีที่ผู้หญิงชาวกัมพูชา เข้ามาด่าทอทหารไทย ในเขตพื้นที่ของไทยวานนี้(15 ก.ค.) ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้มีการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเหมือนธม เพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย ป้องกันกลุ่มคนไม่หวังดี โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.อ.บุญเสริม บุญบำรุง รอง ผบ.กกล.สุรนารี ได้หารือร่วม พล.ต.เนี๊ยะ วงค์ ผบ.พลน้อย ร.42 เพื่อพบปะหารือ ณ ปราสาทตาเมือนธม โดยมีสรุปผลการพบปะดังนี้ 1.หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น หากเป็นนักท่องเที่ยวไทย ขอให้ฝ่ายกัมพูชาแจ้งกับฝ่ายไทยเพื่อนำนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ เช่นเดียวกันหากนักท่องเที่ยวกัมพูชา ก่อปัญหา ขอให้ฝ่ายไทยแจ้ง ฝ่าย กัมพูชาเพื่อให้ฝ่ายกัมพูชา นำตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ 2.หากมีปัญหาในพื้นที่ การแก้ปัญหาให้ชุดประสานงานในพื้นที่ […]

“แพทองธาร” ยินดีมวยไทยบรรจุในกีฬาทหารโลก 2027

กระทรวงวัฒนธรรม 16 ก.ค.- “แพทองธาร” ยินดีความสำเร็จมวยไทยบรรจุในกีฬาทหารโลก 2027 อย่างเป็นทางการ ชี้ เป็นผลลัพธ์การทำงานอย่างมุ่งมั่นของคกก.ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬา-กองทัพไทย-สมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) ผลักดันสู่เวทีกีฬาสากล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่ายกระดับมวยไทยสู่เวทีโลกอีกขั้น ดิฉันขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง กับความสำเร็จล่าสุดของประเทศไทย — #มวยไทย ได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาของการแข่งขัน CISM World Summer Games 2027 (กีฬาทหารโลก 2027) อย่างเป็นทางการแล้วค่ะ การแข่งขันกีฬาทหารโลก จัดโดย สภากีฬาทหารระหว่างประเทศ เป็นมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ ปัจจุบันมีประเทศในสมาชิก 141 ถือเป็นเวทีสำคัญที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ประเทศไทยเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 1st CISM Military Muaythai Challenge เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกของการเปิดเวทีระหว่างประเทศให้มวยไทยเข้าสู่การแข่งขันของกองทัพนานาชาติ การบรรจุมวยไทยในกีฬาทหารโลกครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จสำคัญของประเทศไทย และเป็นผลลัพธ์จากการทำงานอย่างมุ่งมั่นของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Soft Power ด้านกีฬา ร่วมกับกองทัพไทย และสมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) ที่ผลักดันให้ “มวยไทย” […]