ทำเนียบ 19 ก.พ.-รัฐบาลส่องทางผู้ประกอบการนำ “พืชพรรณท้องถิ่น” ไปต่อยอดธุรกิจน้ำหอม สร้างจุดขายเอกลักษณ์แบบไทยแลนด์ ทั่วโลกสนใจพันธุ์ไม้หอม ของไทยแลนด์ ชี้วัตถุดิบดีมีมูลค่าสูง
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า จากข้อมูลรายงานของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแหล่งขุมทรัพย์แห่งกลิ่นหอม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด ที่มีศักยภาพในการนำไปใช้เป็นวัตถุดิบน้ำหอมได้ อาทิ ดอกกระดังงา นิยมนำไปใช้ในน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกน่าดึงดูดใจสไตล์เซ็กซี่ ดอกโมกให้ความรู้สึกสดชื่นและสงบ ดอกลำเจียกให้ความรู้สึกอ่อนหวานและนุ่มนวล ดอกจำปีและดอกจำปาให้ความรู้สึกหรูหรา และกฤษณา (Oud) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหายากและมีมูลค่าสูง มีกลิ่นหอมที่ลุ่มลึกและติดทนนาน นิยมใช้ในน้ำหอมระดับไฮเอนด์ จากความหลากหลายของพรรณไม้หอมในประเทศไทยที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นโอกาสที่ดีที่อุตสาหกรรมน้ำหอมไทยจะสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้ นำไปต่อยอดพัฒนาเป็นน้ำหอมไทยที่มี อัตลักษณ์โดดเด่น และสามารถสร้างจุดขายในตลาดโลกได้ โดยรัฐบาลแนะนำว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำหอมไทยควรเริ่มจากการสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ และอาศัยวัตถุดิบจากพืชพรรณท้องถิ่นเป็นจุดขายสำคัญ รวมทั้งการสนับสนุนให้มีการปลูกพืชหอมแบบยั่งยืน เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของตลาด
นอกจากนี้ การพัฒนากระบวนการสกัดน้ำหอมต้องได้มาตรฐานสากล อาทิ ISO 9235 ซึ่งเป็นมาตรฐานรับรองคุณภาพสำหรับวัตถุดิบและสารสกัดจากธรรมชาติที่มีกลิ่นหอม รวมทั้งการได้การรับรองจากสมาคมน้ำหอมนานาชาติ (International Fragrance Association : IFRA) เพื่อให้เกิดความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของน้ำหอมและส่วนผสมของน้ำหอม ตลอดจนประสานความร่วมมือกับนักปรุงน้ำหอมหรือบริษัทเครื่องหอมระดับโลก ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ไทยก้าวเข้าสู่ตลาดสากลได้ง่ายขึ้น และอีกประการสำคัญคือ การใช้กลยุทธ์การตลาดที่ทันสมัย เช่น การใช้โซเชียลมีเดีย การขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และการจัดเวิร์กชอปน้ำหอมเพื่อดึงดูดลูกค้า จะช่วยสร้างการรับรู้และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจน้ำหอมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น
“ผลิตภัณฑ์น้ำหอมจากพรรณไม้หอมของไทย ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ปัจจุบันตลาดน้ำหอมทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก Euromonitor ระบุว่าในปี 2024 ตลาดน้ำหอมทั่วโลกมีมูลค่า 67,026.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 4.25 ต่อปี จนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 79,157.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028 สำหรับประเทศไทยในปี 2024 ตลาดน้ำหอมมีมูลค่า 391 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.86 ต่อปี จนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 491 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028” นายอนุกูล กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย