รัฐสภา 17 ก.พ.-วงเสวนาสภาฯ ค้านกาสิโนในไทย ชี้ผลการศึกษาบอก ทำให้เกิดอาชญากรรมทุกรูปแบบในประเทศกำลังพัฒนา ด้าน “อรรถวิชช์” ชี้ร่าง กม. ไม่ตรงปก มองแปลกประหลาด ไร้กำหนด สเปค-สถานที่ ขณะที่เลขาฯ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ย้ำต้องทำประชามติ
หอสมุดรัฐสภา สำนักวิชาการสภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนาหัวข้อ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร กับบริบทสังคมไทย โดยมีนางสาวชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เข้าร่วม
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า บ่อนกาสิโนคือสถานที่การเล่นพนันขนาดใหญ่ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ควรจะต้องรอบคอบ ไม่ใช่เร่งรัดผลักดัน และเสนอควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำประชามติเรื่องนี้
อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ผลการศึกษาในต่างประเทศ รายงานว่าการกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศกำลังพัฒนา จะก่อให้เกิดหายนะทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยจะทำให้ชุมชนที่เป็นที่ตั้งของกาสิโน จะทำให้เกิดความล้มเหลวทางครอบครัว ปัญหาการพนัน ปัญหาอาชญากรรม พร้อมยกตัวอย่าง งานวิจัยกรณีของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีกาสิโนถูกกฎหมาย จะมีเหตุอาชญากรรมร้ายแรงเกิดขึ้น เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ เกิดเหตุปล้นฆ่าชิงทรัพย์ และเป็นที่สังเกตว่า การทำให้คาสิโนถูกกฎหมาย แต่ท้ายที่สุด ก็จะมีการปล่อยกู้แบบผิดกฎหมาย และนำมาสู่ปัญหาต่างๆ
นอกจากนี้ ธุรกิจกาสิโนมีความเกี่ยวพันกับการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงานผิดกฎหมาย รวมถึง ยังมีความเกี่ยวพันกับนักการเมืองด้วย ขณะที่ประเทศสิงคโปร์ที่หลายคนมองว่าประสบความสำเร็จ ก็ยังเกิดคดีสะเทือนขวัญ
“การมีกาสิโนของประเทศกำลังพัฒนา ที่มีการทุจริตคอรัปชั่นในระดับวิกฤติ ซึ่งเป็นที่มาทำให้การบังคับใช้กฎหมาย ไม่มีประสิทธิภาพ เวลามีธุรกิจกาสิโน จะนำมาซึ่งการฟอกเงิน การฆาตกรรมการข่มขืน การเรียกค่าไถ่ และทั้งหมดจะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อเนื่อง ให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ ไม่สามารถเติบโตได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เกื้อหนุนให้นักลงทุนเข้ามาในประเทศ” นางสาวชิดตะวัน กล่าว
นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า หลังจากเห็นร่างกฎหมายดังกล่าว ก็เข้าใจว่ารัฐบาลอาจจะมีการโยนหินถามทาง โดยภาพรวมก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ร่างกฎหมายร่างแรกของคณะรัฐมนตรีนั้น พบว่ามีข้อเสียค่อนข้างมาก เพราะมีลักษณะไม่ตรงปก
นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า การเปิดเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่เรื่องที่น่ารังเกียจ แต่ต้องทำให้ดี ซึ่งในบัญชีแนบท้ายมีการระบุธุรกิจ ที่หากจะทำกาสิโน ต้องนำธุรกิจดังกล่าวในนี้ไปรวมมา อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้าน อาหาร สนามกีฬา สระว่ายน้ำ สวนสนุกพื้นที่จัดโอทอปและอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศ
“ไม่แปลกใจหรือไม่ว่า ทำไมไม่มีการกำหนดขนาด ทำไมไม่บอกว่าเป็นโรงแรมขนาดกี่ห้องพัก ไม่มีสเปค และที่สำคัญคือ ขาดธุรกิจใหญ่ไปคือ ศูนย์ประชุม เราจะเริ่มเห็นความแปลกประหลาด แสดงว่าสถานที่ก็ไม่บอกว่าตรงไหน ยังจิ้มได้อีก แปลว่ายังจิ้มหลายที่ จิ้มหลายที่ บรรลัยนะ” นายอรรถวิชช์ กล่าว
นายอรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า ถ้าตั้งใจร่างกฎหมาย และบอกสเปคว่าอยู่ตรงไหน สัดส่วนต่างๆ เท่าไหร่ จะเป็นร่างที่สู้กับสาธารณะได้ แต่หากออกมาเป็นร่างแบบนี้สู้กับสาธารณะเหนื่อย
นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการทำธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร แต่ร่างกฏหมายฉบับนี้ ไม่ตอบโจทย์การเป็นสถานบันเทิงครบวงจรอย่างแท้จริง และเปิดโอกาสให้ทำบ่อนกาสิโนได้หลายที่มากเกินไป ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาที่มากเกินไปและคุมไม่ได้ และแบบนี้ในทางการเมืองก็ลำบาก เพราะทุกภาคอยากได้กาสิโน และหากมีภาคละ 1 กาสิโน ก็จะกลายเป็นการมอมเมา ดังนั้น ชื่อร่างกฎหมายเป็นเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ต้องไม่ใช่แค่หน้าปก แต่ไส้ในก็ต้องเป็นด้วย ไม่ใช่เป็นเฉพาะชื่ออย่างเดียว ซึ่งตนว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ยังไม่ดี ยังไม่มีความเหมาะสม.-315.-สำนักข่าวไทย