“รังสิมันต์” ย้ำทางการไทยต้องเป็นผู้คัดกรองผู้ถูกส่งกลับ

ตาก 17 ม.ค.-“รังสิมันต์” เผยข้อมูลตัดน้ำมันเมียนมา อยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน ย้ำทางการไทยต้องเป็นผู้คัดกรองผู้ถูกส่งกลับเพื่อจะได้ข้อมูลทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์และไทยเทาแบบถอนรากถอนโคน

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมกรรมาธิการฯไปสังเกตการณ์และเก็บข้อมูลกระบวนการส่งออกสินค้าที่ท่า 34 ท่าศาลเจ้า ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยท่าศาลเจ้านี้เป็นหนึ่งในท่าที่ใหญ่ที่สุดในแม่สอด และเป็น 1 ใน 3 ท่าที่มีศักยภาพในการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านสายส่ง แต่ได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการงดส่งน้ำมันเพื่อตัดกำลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตาม ยังมีการขนส่งวัสดุก่อสร้างและสินค้าอื่นๆ ตามปกติ เพราะรัฐบาลไม่ได้สั่งห้าม และความตั้งใจของเราเองก็เพื่อหาหนทางให้ท่าเหล่านี้เป็นท่าที่ถูกใช้เพื่อการค้าขายที่ไม่ได้เอื้อต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่องนี้คงต้องคุยกันระหว่างผู้ประกอบการและหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง


นายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า จากที่มาติดตามยืนยันว่การตัดน้ำมันสำเร็จ โดยน้ำมันไม่ได้ถูกส่ง เจ้าของท่าก็ยืนยัน อย่างไรก็ตามเรามีข้อมูลท่าที่ต้องจับตามองคือ มีขนาดท่าที่หลากหลาย แต่ยังเปิดเผยข้อมูลแต่ละท่าไม่ได้ โดยฝ่ายความมั่นคงก็จับตามองเพราะมีข้อมูลเช่นกัน

“ของบางอย่างอาจไม่ผิดกฎหมายประเทศไทย แต่อาจถูกนำไปใช้เอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เติบโต อาจเป็นได้ตั้งแต่โซลาร์เซลล์ สตาร์ลิงก์ แม้กระทั่งปูนซีเมนต์ ดังนั้นการที่เราจะหยุดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่การดูว่าสิ่งที่ส่งไปนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ แต่ต้องดูไปถึงรายละเอียดว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เอาสิ่งเหล่านั้นไปใช้เพื่อให้ตัวเองใหญ่โตขึ้นหรือมีศักยภาพในการหลอกคนอื่น นอกจากนี้เมื่อวานเราได้รับข้อมูลว่าอาจมีเคมีภัณฑ์ที่ถูกส่งออกที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด อาจมีจำนวนสูงถึง 800 ตัน”


สำหรับกรณีที่ผู้แทนจากทางการจีนเข้าไปจัดการปัญหาในฝั่งเมียนมานั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่าตนเข้าใจข้อกังวลของทางการจีนและทางการจีนก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง แต่ตนก็เชื่อว่าไทยมีศักยภาพในการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยตนเอง เราอาจจะมีความร่วมมือกับต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐ สหภาพยุโรป ดังนั้นรูปแบบความร่วมมือควรจะเป็นการประสานงานส่งข้อมูล แต่ประเทศไทยเป็นผู้นำในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งการคัดกรองว่าใครเป็นเหยื่อ ใครเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถ้าไม่ดำเนินการอะไรเลยแล้วส่งตรงไปเลย คงจะเป็นปัญหาในแง่ความมั่นคง จำเป็นที่ไทยต้องเก็บฐานข้อมูล อย่าลืมว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ไทยเป็นทางผ่าน มีเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเหลือหรือไม่ ดังนั้นต้องถอนรากถอนโคน จากบรรดาทั้งเหยื่อทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อจัดการไทยเทา

และอย่าลืมว่าไม่ใช่แค่เมียวดี ยังมีอีกหลายจุด บางจุดมีผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือคนไทย เช่น ปอยเปต รัฐบาลไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับทางกัมพูชา ควรใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชาด้วย

นายรังสิมันต์ กล่าวว่าวันนี้เราเห็นทิศทางที่ดีในฝั่งเมียนมา จากข้อมูลที่ได้รับทราบจากหน่วยงานความมั่นคง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเมียนมาจะมีน้ำมันดำรงได้อีกไม่เกิน 30 วัน ถ้าเกินกว่านั้นก็ต้องไปดูว่ามีการลักลอบหรือไม่ เพราะเราก็มีข้อมูลเหมือนกันว่ามีความพยายามในการลักลอบเช่นกัน หน่วยงานความมั่นคงต้องสร้างความมั่นใจว่าการลักลอบส่งน้ำมันจะไม่เกิดขึ้น แต่ทั้งหมดนี้เราจะดูแค่ฝั่งเมียนมาไม่ได้ ต้องดูทั้งกัมพูชาและลาวด้วย


อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ ฝากถามไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าตกลงการออกหมายจับ หม่องชิตตู ถึงไหนแล้ว เพราะทั่วโลกก็เห็นอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับความผิดหลายอย่าง ประเทศไทยเก็บและมีข้อมูลมาตลอดว่า หม่องชิตตู เกี่ยวข้องกับการก่อกรรมทำเข็ญคนจำนวนมากมายแค่ไหน และอยู่ๆ ถ้าจะไม่สามารถออกหมายจับ เรื่องนี้ตนคิดว่าจะทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอื่นที่มองมายังประเทศไทยแน่นอน ดังนั้นตนมองว่าการออกหมายจับส่งผลสำคัญต่อความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมประเทศไทย.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่

กทม. 28 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ […]

กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา

กทม. 28 ก.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา พบฝ่ายกัมพูชาตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งโจมตีพื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีมีภาพการระเบิดที่อาคารร้างฝั่งกัมพูชา ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์การระเบิดบริเวณอาคารร้างฝั่งกัมพูชาซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย ฝ่ายไทยมีการตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งไว้บริเวณพื้นที่พลเรือน และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหารในหลายพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาใช้อาวุธดังกล่าวในการโจมตีพื้นที่พลเรือนของฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย อันถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์” (Human Shield) ซึ่งเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากล ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 จึงขอยืนยันว่า การใช้กำลังทางทหารของกองทัพไทยมุ่งเป้าเฉพาะไปยังเป้าหมายทางทหารที่ตรวจพบว่ามีการโจมตี หรือคุกคามต่อความมั่นคงของชาติไทย เท่านั้น ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี การเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ใช้ความรุนแรงกับพลเรือนทุกกรณี แต่ต้องดำเนินมาตรการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

เขมรยิงจรวดตกใส่ชาวบ้านกันทรลักษ์ เสียชีวิตอีก 1 ราย

ศรีสะเกษ 27 ก.ค. – ไม่เลือกเป้าหมาย! กัมพูชายิงจรวดตกใส่บ้านเรือนประชาชน ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ด้าน ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ กำชับดูแลทรัพย์สินประชาชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่แข็งขัน .-สำนักข่าวไทย

เหตุปะทะชายแดนสุรินทร์รุนแรง ขยายวงกว้าง ยอดอพยพเพิ่ม

สุรินทร์ 27 ก.ค. – สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้าง โดยเฉพาะด้านปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ทำให้มีผู้อพยพตามศูนย์พักพิงชั่วคราวพุ่งทะลุกว่า 50,000 คน เวลาราว 04.30 น. วันนี้มีการเปิดฉากปะทะกันอย่างหนัก ทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่ บริเวณปราสาทตาควาย ต่อด้วยปราสาทตาเมือนธม ที่อยู่ไม่ไกลกัน พื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กระสุนจรวด BM 21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ใกล้กัน ฟาร์มวัววากิว ยังมีวัวถูกสะเก็ดตาย 6 ตัว กระสุนยังตกกระจายตามทุ่งนารวม 9 ลูก ในพื้นที่ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท ส่วนตำบลตาเมียง และตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ก็มีกระสุนเข้าไปตกเป็นจำนวนมากเช่นกัน วิถีกระสุนที่มาตกไกลขึ้น ทำให้ศูนย์พักพิงชั่วคราวในตัวอำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์ ต้องยุบเพิ่มเติมอีก 2 จุด ขณะที่ชาวอำเภอปราสาท ต่างแตกตื่นปิดบ้าน ปิดร้าน อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในตลาดสดที่ปกติมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของจำนวนมาก วันนี้ลดลงถึง 80% โดยนายอำเภอปราสาท ให้ข้อมูลว่า […]