“สุทิน” รับทำสภาล่ม เพื่อรักษาร่างแก้รธน. เพื่อไทยจ่อเสนอญัตติสัปดาห์หน้า

รัฐสภา 14 ก.พ. –“เพื่อไทย” เตรียมเสนอญัตติของตัวเองภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้รัฐสภาถกเลื่อนวาระ ยื่นศาลรธน. ตีความทำประชามติกี่ครั้ง เชื่อไม่เป็นญัตติซ้ำ “หมอเปรม” ด้าน “สุทิน” รับทำสภาล่ม เพื่อรักษาร่างแก้รธน. ฝากสื่อถามพรรคส้ม หัวชนฝาแก้รธน.แล้วตก ได้ประโยชน์อะไร เทียบทางเดินเพื่อไทย ดีกว่า ชี้ปัญหาอยู่ที่เสียงสว. ไม่ใช่สส. ป้องนายกฯ รับผิดชอบแล้ว ส่วนพรรคร่วมที่เห็นต่าง รอดูนายกฯ แสดงภาวะผู้นำ


นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะแถลงข่าวภายหลังองค์ประชุมรัฐสภาล่มในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยย้ำเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยที่จะรักษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้ให้อยู่ในระเบียบวาระได้มากที่สุด ไม่ให้ถูกตีตก ซึ่งวันนี้มีท่าทีจะเปิดประชุมเพื่อพิจารณาต่อ ทุกคนรู้คำตอบแล้วว่าถ้าพิจารณาแล้วลงมติก็ต้องตกไป ดังนั้นเมื่อเรามีจุดยืนที่จะรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้เพื่อหาลู่ทางนำไปสู่การแก้ไขให้สำเร็จ จึงรักษาไว้ด้วยวิธีการให้มีการพิจารณา จึงทำวิธีการที่ไม่อยากทำ คือไม่เป็นองค์ประชุม และในที่สุดการประชุมวันนี้ไม่สามารถดำเนินการไปได้ เมื่อไม่ได้ร่างนั้นยังอยู่ เราจะ พยายามนำสู่ศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาตีความอีกครั้งหนึ่งให้ได้ ไม่ใช่ให้ค้างอยู่ และมีบางพรรคการเมืองไม่เข้าใจเรา ซึ่งต้องเข้าใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยุ่งยากจนทำให้หลายคนมองว่าจะไม่สำเร็จนั้นเกิดจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ชัดเจน หลายฝ่ายหยิบยกไปตีความเข้าข้างตัวเอง ฝ่ายที่ไม่อยากแก้ ก็ได้ทีตีความว่าศาลพิจารณาแบบนี้ จะแก้ไม่ได้ หากแก้ได้ต้องทำประชามติ 3 ครั้ง นั่นคือความไม่ชัดเจนคลุมเครือถูกฝ่ายไม่อยากแก้นำไปเป็นความชอบธรรมให้ตัวเอง ถึงขั้นข่มขู่ว่าใครร่วมพิจารณามีสิทธิ์ถูกดำเนินคดีและถอดถอน ทำให้สมาชิกหลายคนวิตก ซึ่งเป็นข้อเสียของความไม่ชัดเจน

นายสุทิน กล่าวว่าส่วนฝ่ายที่อยากแก้ตีความว่าแก้ได้ โดยให้ทำประชามติ2 ครั้ง เราก็ยื่นแต่เมื่อยื่นแล้ววันนี้จึงเกิดปัญหาและมีความคลุมเครือ ถ้าปล่อยให้ความคลุมเครือดำรงอยู่ปีนี้ หรือปีหน้า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ชี้ให้ชัดเจน ก็แก้ไม่ได้ ถ้าเราเดินหน้าจนร่างตกไปก็ต้องเป็นสมัยประชุมหน้าที่จะยื่นได้ และเมื่อยื่นเข้าไปอีกก็จะเจอความคลุมเครือนี้อีกก็จะเดินหน้าไม่ได้อีก ดังนั้นวิธีการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้สำเร็จในมุมมองของพวกเราคือต้องทำให้การวินิจฉัยนี้ชัดเจน โดยหากศาลบอกให้ทำประชามติ 3 ครั้งก็ชัดเจน เราก็จะดำเนินการทำ 3 ครั้ง ซึ่งอาจต้องรอกฎหมายประชามติ หากศาลบอกว่า 2 ครั้ง ก็สามารถเดินหน้าได้เลย และจะมองเห็นความสำเร็จ การที่เราพยายามนำร่างแก้รัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพื่อคลี่คลายและปิดทางที่คลุมเครือให้ทุกฝ่ายเดินได้ และที่จะได้มากกว่านี้ก็คือ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาชัดว่าทำเพียง 2 ครั้งเท่านั้น จะได้เห็นว่าฝ่ายที่อ้างว่า ไม่อยากแก้แล้วเข้าข้างตัวเอง พรรคการเมืองเหล่านั้นหรือสว.จะตอบว่าอย่างไร จะเดินหน้าแก้กับตนไหม ประชาชนจะได้รู้ชัดรู้แจ้งว่าใครมีเจตนาที่จะแก้จริงหรือไม่จริง ดังนั้นทางเดียวที่จะผ่าทางตันและพิสูจน์ คือให้ศาลวินิจฉัย


นายสุทิน กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชนบอกว่าเคยยื่นไปแล้วแต่ศาลไม่รับว่า ตอนนั้นยังไม่มีข้อขัดแย้งเพราะยังไม่เข้าสู่สภา แต่วันนี้เราจึงทำให้องค์ประกอบนั้นชัด คือยื่นเข้าสภาและมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นแล้ว ฝ่ายหนึ่งบอกบรรจุไม่ได้อีกฝ่ายบอกบรรจุได้ จึงเชื่อว่าสาเหตุองค์ประกอบที่ครบแล้วศาลจะรับและตีความออกมา เราหวัง อย่างนั้นและจำเป็นต้องเดินแบบนี้ เราต้องลงทุน ซึ่งอาจมีคนที่ไม่เข้าใจเราก็ยอมให้ตำหนิแต่เชื่อว่าเมื่อจบไปสู่เป้าหมายแล้วทุกคนจะเข้าใจเรา

ด้านนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า สำหรับการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าจะทำประชามติกี่ครั้งนั้น พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมรายชื่อให้เกิน 40 คน เพื่อเสนอญัตติใหม่ เข้ามาบรรจุในระเบียบวาระการประชุมร่วมรัฐสภาลำดับที่ 4 โดยจะรวบรวมให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้เพื่อให้ประธานรัฐสภา เปิดประชุมพิจารณาให้เร็วที่สุด โดยจะไม่ใช้ญัตติของนายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ที่เสนอไว้ เพราะอยากทำใหม่เลยเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า ญัตติของพรรคเพื่อไทยสามารถที่จะนำมาพิจารณาได้ไม่เป็นญัตติซ้ำหลังที่ประชุมลงมติไม่เลื่อนญัตติของนายแพทย์เปรมศักดิ์ขึ้นมาพิจารณา เพราะมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแค่การขอเลื่อน และญัตติดังกล่าวยังคงอยู่ไม่ได้ตกไป

จากนั้น นายสุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้ ประโยชน์ คือได้ความชัดเจน และจะทำให้การแก้ไข รัฐธรรมนูญ มีโอกาสสำเร็จ จึงอยากฝากสื่อมวลชน ให้ถามพรรคประชาชนว่าแนวทางที่พรรคประชาชนกำลังเดิน มีประโยชน์อย่างไร แล้วจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ สำเร็จอย่างไร ถ้าเดินไปแล้วมันตก โอกาสจะแก้จะสำเร็จได้อย่างไร ถามหน่อย จะได้เอามาเปรียบเทียบกับแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเดิน สื่อมวลชนจะได้เห็น ช่วยถามหน่อย ประชาชนจะได้นำมาเปรียบเทียบกันว่า แนวทางที่พรรคเพื่อไทยเดินอยู่


เมื่อถามย้ำว่า ส่วนที่พรรคประชาชนอยากให้ พรรคเพื่อไทย ทำความเข้าใจกันในพรรคร่วมรัฐบาล แล้วมาเดินหน้าโหวต นายสุทิน รับว่า ปัญหาวันนี้ ไม่ได้เกิดที่เสียง สส.ฝั่งรัฐบาล แต่มันเกิดที่เสียง สว. เราอยากได้ 67 แต่มันไม่ได้ ส่วนเรื่องของรัฐบาล เราก็ต้องยอมรับว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องใหญ่ ทุกพรรคมีจุดยืนเป็นของตัวเอง พรรคเพื่อไทย ในฐานะเป็นแกนนำ ที่ทุกคนชอบถามหาความรับผิดชอบจากนายกรัฐมนตรี ว่าถ้าเสนอในนามรัฐบาลไม่ได้ นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบอย่างไร เขาก็รับผิดชอบแล้ว โดยการให้พรรคของเขาเสนอแทน เพราะเมื่อพรรครัฐบาล แต่ละพรรคมีจุดยืนอย่างนั้น ในทางการเมือง นายกฯจะแสดงภาวะผู้นำอย่างไร กับพรรคเหล่านั้น เราก็ต้องดูต่อ แต่ความรับผิดชอบ ที่นายกฯ ทำต่อรัฐธรรมนูญ คือ ให้พรรคเพื่อไทย เดินหน้าแก้ และเราก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ถ้าถามความรับผิดชอบจากนายกฯ ก็ทำแบบนี้.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย