รัฐสภา 11 ก.พ.- “พริษฐ์” ย้ำรัฐสภามีอำนาจทำ รธน.ใหม่ได้ ยืนยันจัดประชามติหลังรัฐสภาผ่านวาระ 3 หลัง สสร.ยกร่างฉบับใหม่ ไม่ขัดคำวินิจฉัย
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 กล่าวถึงการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 13 – 14 กุมภาพันธ์นี้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ถือว่า มีโอกาสเข้าใกล้สู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มากที่สุดหลังมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะที่ผ่านมาประธานรัฐสภา ไม่มีการบรรจุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เข้าสู่วาระการประชุมด้วย แต่หลังจากที่ตนได้รวบรวมข้อมูล และเสนอให้ประธานรัฐสภา จึงได้ตัดสินใจ บรรจุระเบียบวาระเข้าสู่การประชุม และหากที่ประชุมรัฐสภา ไม่รับหลักการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันต่อการเลือกตั้งครั้งถัดไป จึงถือเป็นโอกาสสุดท้ายในการรักษาโอกาสนี้
นายพริษฐ์ ยังย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นสัญญาประชาคม และนายกรัฐมนตรี ควรแสดงบทบาทในการผลักดันให้การแก้ไขสำเร็จ แต่ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี กลับไม่เคยสื่อสารใด ๆ และคณะรัฐมนตรี ก็ไม่ได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามา มีเพียงร่างเสนอแก้ไขจากพรรคเพื่อไทย ดังนั้น ในช่วง 2 – 3 วัน ก่อนที่รัฐสภาจะพิจารณานายกรัฐมนตรี ควรมีบทบาทมากกว่านี้ให้เข้มข้นขึ้น เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ
ส่วนที่ประชุมรัฐสภา จะสามารถพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่หลังมี สว.ออกมาระบุรัฐสภาไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อตั้ง สสร.มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้นั้น นายพริษฐ์ ย้ำว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า รัฐสภามีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา จำนวน 2 ฉบับ หากรัฐสภาให้ความเห็นชอบรับหลักการ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันที แต่จะต้องมีการจัดการออกเสียงประชามติก่อนในวาระที่ 3 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 (8) หากประชาชนเห็นชอบ จึงค่อยมีขั้นตอนการจัดตั้ง สสร.มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ และเมื่อ สสร.จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น ก็จะมีการจัดการออกเสียงประชามติอีกครั้ง ดังนั้น จึงเป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ได้ลดขั้นตอนจนขัดคำวินิจฉัยแต่อย่างใด
นายพริษฐ์ ในฐานะโฆษกพรรคประชาชน ยังกล่าวถึงการดำเนินการของพรรคฯ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ว่า ได้พยายามสื่อสารกับสังคม และ สส.-สว.เพื่อคลายข้อสงสัย และจัด สส.อภิปรายประมาณ 30 คน โดยแบ่ง 3 โจทย์ ชี้สาเหตุที่ต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร รวมถึงการตอบข้อสงสัยของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งพรรคฯ ทำเต็มที่ และหวังว่า นายกรัฐมนตรี จะช่วยผลักดันให้สำเร็จด้วย
นายพริษฐ์ ยังได้เทียบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน ไปเปรียบเทียบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ที่เคยเสนอในปี 2563 และรัฐสภารับหลักการ ว่า เนื้อหาสอดคล้องกัน ดังนั้น เนื้อหาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนไม่ได้มีเนื้อหาที่เกินเลยจากที่เคยเสนอในปี 2563 และรัฐสภารับหลักการ
ส่วนหากในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา มีการเสนอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความก่อนนั้น นายพริษฐ์ บอกว่า ตนเองจะเป็นคนหนึ่งอภิปรายที่ไม่เห็นด้วย เพราะตนก็ยืนยันว่า การดำเนินการได้ดำเนินการไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทุกประการ และตนก็เชื่อว่า ข้อมูลที่ตนรวบรวมมา และโน้มน้าวประธานรัฐสภาได้ ก็มีความหนักแน่น เพียงพอ และพร้อมโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภาด้วยเช่นกัน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลที่จะพยายามยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น ต้องการคำตอบอย่างไร เพราะเรื่องดังกล่าวนี้ เคยมีการดำเนินการมาแล้ว เมื่อปี 2567 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับวินิจฉัย
นายพริษฐ์ ยังระบุอีกว่า หากการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ รัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบ พรรคประชาชน ก็จะหาแนวทางการผลักดันแก้ไข จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และต้องถามรัฐบาลเช่นกัน เพราะถือเป็นนโยบายของรัฐบาด้วย.-319 -สำนักข่าวไทย