ตรัง 7 ก.พ.-ป.ป.ช. จี้กรมอุทยานฯ เร่งนำ E-Ticket ใช้จัดเก็บรายได้เข้าอุทยานฯ ไม่ต้องรอ ทยอยทำ หรือพร้อมทำเลย หวั่นเงินแผ่นดินตกหล่น “ศรชัย” รับพื้นที่ 7 จังหวัดใต้ โครงการทิ้งร้างเยอะ อาจเสียหายเป็นหมื่นล้าน พร้อมเกาะติดสร้างหอศิลป์ตรัง
สำนักงาน ป.ป.ช. ได้สรุปการลงพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับภารกิจงานปราบปรามการทุจริต ภารกิจงานป้องกันการทุจริต ตามโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักงาน ป.ป.ช. ระหว่างวันที่ 5-7 ก.พ. นายศรชัย ชูวิเชียร รองเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.ตรัง ครั้งนี้ ทำตามมาตรา 32 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นการมาติดตามเรื่องการจัดเก็บรายได้ของอุทยานแห่งชาติ เรามาทำงานเชิงรุก เป็นเรื่องการป้องกัน ไม่ได้มาจับผิดใคร เพราะรายได้จากการเข้าอุทยานฯเป็นรายได้ของแผ่นดิน ใน 1 มีรายได้จากการเก็บค่าเข้าอุทยานหลายพันล้านบาท แต่มีการตกหล่นไปมาก ซึ่งเป็นรายได้ที่จะนำไปใช้พัฒนาประเทศและอุทยานฯ ฉะนั้นหลังจากนี้เราต้องไปต่อ หามาตรการป้องกัน ไม่ให้มีการตกหล่น รวมถึงเชิญผู้ประกอบการมาหารือว่าจะช่วยกันขับเคลื่อนเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความโปร่งใสอย่างไรบ้าง และตนเห็นว่าการนำระบบ E-Ticket มาใช้ในการเก็บค่าเข้าอุทยานฯ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไม่ต้องรอครบ 133 แห่งก่อนค่อยทำ แต่อุทยานฯแห่งไหนมีความพร้อมสามารถทำได้เลย ตนไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องรอในภาพรวมทั้งหมด
นายศรชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของ จ.ตรัง ซึ่งมีโครงการที่ถูกทิ้งร้าง และเสียหาย 2 พันล้านบาท ยังเป็นแค่ส่วนน้อย แต่ถ้าใน 7 จังหวัดของภาค 9 โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะพบว่ามีงบฯ ในลักษณะนี้ลงไปในพื้นที่มาก อาคารถูกทิ้งร้างจำนวนมาก มีงบฯ ลงไปแต่สร้างไม่เสร็จ และส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ฉะนั้นในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการใหญ่ๆ ของรัฐ ต้องมีวัตถุประสงค์ในแต่ละโครงการชัดเจน กลุ่มเป้าหมายที่จะใช้เป็นอย่างไรบ้าง โอกาสจะเปลี่ยนสภาพในเชิงธุรกิจมีมากหรือไม่ โดยสิ่งที่ ป.ป.ช.ทำได้คือ พยายามป้องปราม ให้ใช้งบอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ไม่ใช่เอาไปแล้ว มีตกหล่น ซึ่งโครงการลักษณะนี้มีการร้องเข้ามา วันนี้เราพยายามสกัดกั้น เพราะอยากให้คดีทุจริตมันลดลง งบฯ อะไรต่างๆ ที่ลงมาปลายปี มันยากที่จะให้แล้วเสร็จในปีงบประมาณ ไม่ใช่งบอะไรก็ใส่ลงมา จนเป็นที่มาของการทิ้งร้าง ซึ่งใน 7 จังหวัด ภาค 9 อาจจะเสียหายเป็นหมื่นล้านบาท
ด้านนายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ภาค 8 กล่าวว่า เรื่องการติดตามการจัดเก็บรายได้ของอุทยานฯ ไม่ได้ทำเฉพาะอุทยานทางทะเลฝั่งอันดามัน แต่รวมถึงทะเลฝั่งอ่าวไทยด้วย และอยากจะขยายผลไปยังพื้นที่ภาค 2 จังหวัดฝั่งตะวันออก ซึ่งเดิมพื้นที่แถบนั้นเราเคยเข้าไปแล้ว แต่ไปเพราะมีการร้องเรียน ซึ่งยังมีจุดหละหลวมอยู่ ดังนั้น เห็นว่า ควรต้องเร่งนำระบบ E-Ticket มาใช้ อย่างน้อยทำให้การเก็บรายได้เป็นไปตามข้อเท็จจริงมากที่สุดหรือเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง กล่าวว่า โครงการในลักษณะหอศิลป์ตรัง เป็นการนำงบจังหวัดมาสร้าง และมอบให้ท้องถิ่นดำเนินการต่อ แต่บางทีท้องถิ่นไม่มีศักยภาพ ทำให้สร้างไม่เสร็จ จากจุดเริ่มต้น 39 ล้านบาทตอนเริ่มโครงการ ตอนนี้เป็นร้อยล้าน และกรณีในลักษณะที่ว่าสร้างและให้คนอื่นทำต่อ ไม่ได้ใช้งบฯก้อนเดียวจบแบบนี้ ป.ป.ช.จังหวัดกังวลและห่วงมาก และยังมีประเด็นอีกว่าหากสร้างเสร็จแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ บริหารจัดการอย่างไร เอางบมาจากไหน และถ้าดำเนินการไม่ได้ จะนำมาสู่การทิ้งร้าง โดย ป.ป.ช.จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง.-314.-สำนักข่าวไทย