รัฐสภา 6 ก.พ.- “ศิริกัญญา” ชี้ คดี “พิรงรอง” เป็นการฟ้องปิดปาก สร้างความหวาดกลัวเจ้าหน้าที่รัฐ เผย ไม่ใช่แค่คนใน กสทช. แต่เป็นคนในกระบวนการยุติธรรมต่อรอง ลาออกแลกถอนคดี ไม่อยากเชื่อผลตัดสินเป็นไปตามข่าวลือ ขอบอร์ด กสทช. ยืนหยัดทำหน้าที่บนหลักการที่ถูกต้อง
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษา จำคุก 2 ปี นางสาวพิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ว่า จากข้อมูลที่รับทราบจากเอกสารข่าวจากทางศาลยังไม่มีรายละเอียดครบถ้วน ต้องรอฟังข้อมูลจากนางพิรงรองว่าข้อต่อสู้เป็นอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้กลไกตรวจสอบถ่วงดุลสั่นสะเทือน เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐในฐานะกำกับดูแลถูกฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาจริงๆ คือเจตนาว่าต้องการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้บริโภคหรือไม่
“จึงอยากเรียกร้องว่า ควรมีการแก้กฎหมายเพื่อสร้างกลไกคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะหน่วยที่ทำหน้าที่กำกับดูแลไม่ใช่เฉพาะ กสทช. แต่ยังมีหน่วยงานที่กำกับดูแลอีกมากมาย ที่กำลังอกสั่นขวัญแขวน ไม่ว่าจะเป็น กกพ. ที่กำกับดูแลไฟฟ้าและพลังงาน และสำนักงาน กขค. ที่กำกับดูแลการแข่งขันทางค้าของประเทศ ซึ่งหลังจากที่ศาลตัดสินในวันนี้ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหวาดกลัวเมื่อปฏิบัติหน้าที่อาจจะถูกบริษัทเอกชนมาฟ้องร้องหรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบถ่วงดุลได้อย่างเข้มแข็ง” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ถือว่ายังโชคดี ที่กฎหมายที่จะช่วยคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐได้เข้าสู่สภา อยู่ในชั้นกรรมาธิการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเป็นการต่อต้านการฟ้องปิดปาก เช่นกรณีที่เกิดขึ้นในวันนี้ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐถูกฟ้องร้องระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ได้
เมื่อถามย้ำว่ากรณีที่เกิดขึ้นกับนางสาวพิรงรอง เป็นการฟ้องปิดปากใช่หรือไม่ นางสาวศิริกัญญา ยอมรับว่าใช่ เข้ากรณีการฟ้องปิดปาก เพราะมีหลายกลไกที่บริษัทเอกชนสามารถร้องเรียนในกรณีที่ได้รับการปฏิบัติไม่เป็นธรรมจากหน่วยงานที่กรรมกับดูแล แต่บริษัทเอกชนกับใช้กลไกทางศาลอาญา ซึ่งมองว่าเป็นช่องทางที่ลัดขั้นตอน ทำให้หลังจากนี้นางสาวพิรงรอง จะไม่สามารถทำหน้าที่ใน กสทช. เข้าร่วมพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทเอกชนแห่งนี้ได้ ทำให้ไดนามิกซ์ใน กสทช. เปลี่ยน จากเดิม 7 คน จะเหลือ 6 คน ทำให้การตัดสินใจอะไรต่างๆ ยากมากขึ้น และยังมีอีกหลายเรื่องใน กสทช. ต้องติดตาม นอกจากกรณีการควบรวมทรูและดีเทค เช่น การตั้งที่ปรึกษามาตรวจสอบค่าบริการว่าแพงกว่ากำหนดหลังมีการควบรวมหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการควบรวมอินเตอร์เน็ตบ้านระหว่างเอไอเอส กับ 3BB ก็หวั่นจะซ้ำรอยแม้ว่าจะเป็นเอกชนคนละราย
ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่า มีคนใน กสทช. ขอให้นางสาวพิรงรอง ลาออกดจากตำแหน่ง เพื่อแลกกับการถอนฟ้องนั้น นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เท่าที่ได้ยินมาคอนเฟิร์มว่าเป็นเรื่องจริง และยิ่งกว่าคนใน เพราะทราบว่าเป็นคนในกระบวนการยุติธรรมที่เป็นคนยื่นข้อเสนอนี้ เพื่อต่อรองให้ถอนฟ้องแลกกับการลาออกจาก กสทช. ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติ และเรื่องที่ไม่คิดว่าน่าจะเกิดขึ้น คือรู้ผลกันล่วงหน้าแล้วว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
“ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่มีคนล่วงรู้มาก่อนว่าจะมีการตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ครั้งแรกที่ได้ยินก็ไม่อยากจะเชื่อ คิดเพียงแค่ว่าเป็นปักมีดไว้ที่หลังนางสาวพิรงรองไม่ให้เข้าร่วมประชุม ร่วมตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเอกชนรายดังกล่าวได้ ไม่คิดว่าผลการตัดสินจะเป็นไปตามข่าวลือ” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะมีการตรวจสอบแบบคู่ขนานกันไปหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ทำได้แค่ตรวจสอบแบบคู่ขนาน เพราะเรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่ทำได้คือ ทำกฎหมายต่อต้านการฟ้องปิดปากโดยเร็ว เพื่อคุ้มครองผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงรื้อกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกิจการ OTT ส่วนเรื่องกระบวนการยุติธรรมยังต้องต่อสู้อีกหลายชั้นศาล ซึ่งส่วนตัวยังคิดว่านางสาวพิรงรองยังมีสิทธิโดยสมบูรณ์ในการต่อสู้ในคดีนี้จนถึงที่สุด
ส่วน กสทช. คนอื่นๆ ควรที่จะออกมาแสดงจุดยืนต่อเรื่องนี้หรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ก็อยากเห็นความเป็นปึกแผ่น ส่งเสียงให้กำลังใจ แต่ก็อย่างที่บอกของอย่างนี้ถ้าไม่เจอกับตัวคงไม่รู้ พอเจอแบบนี้เข้าไปก็มีความกังวล ตนจึงอยากให้กำลังใจ กสทช. ทุกคน อย่าเป็นกังวลมากเกินไป ขอให้ยืนหยัดทำหน้าที่บนหลักการที่ถูกต้องต่อไป .-315 -สำนักข่าวไทย