ตรัง 6 ก.พ.- เลขาฯ ป.ป.ช. ปลื้มหน่วยงานให้ความสำคัญ ป้องกันทุจริตจัดเก็บรายได้นักท่องเที่ยว ด้าน “รองอธิบดีกรมอุทยาน” ชงแก้ระเบียบให้ทันสมัย เตรียมใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ปี 2569
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่เกาะกระดาน จังหวัดตรัง เพื่อติดตามการจัดเก็บรายได้ของอุทยาน ว่า เจตนาที่มาครั้งนี้เพื่อติดตามมาตราการต่างๆที่ ป.ป.ช.เคยแจ้งให้ คณะรัฐมนตรี(ครม.) ทราบ และครม.เคยมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ซึ่งการลงพื้นที่จังหวัดตรัง เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างมาก และมีประเด็นเคลือบแครงสงสัยจากสังคม เนื่องจากหลังช่วงการระบาดของโควิดมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก แต่มีการจัดเก็บรายได้ถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่
นายสาโรจน์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณรองอธิบดีกรมอุทยาน และรองผู้ว่าจังหวัดตรัง ที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และยินดีมาร่วมพื้นที่ ยืนยันว่าเราไม่ได้มาจับผิด มาเพื่อให้เห็นการดำเนินการที่แท้จริง อย่างไรก็ตามระบบจัดเก็บรายได้ที่สามารถตรวจสอบได้ เช่น e-ticket ก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความพร้อม แต่บางพื้นที่อาจมีข้อจำกัด ซึ่งจะเป็นจุดทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะจัดเก็บรายได้ได้ครบถ้วนหรือไม่
นายสาโรจน์ กล่าวว่าสิ่งต่างๆที่เราพบเห็น ก็จะรวบรวมและเสนอแนะหลักฐานเพิ่มเติมไป โดยเฉพาะในส่วนมาตราการที่จะตอบข้อสงสัยของสังคมได้ คือ ระบบ อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถพิสูจน์ความจริงได้ทุกมิติ และหน่วยงานต้นสังกัดสามารถตอบสังคมได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับข้อจำกัด เช่น เทคโนโลยี และงบประมาณ และเชื่อว่าหลังจากนี้หน่วยงานจะไปดำเนินการเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ยืนยันว่าเรามาลงพื้นที่ด้วยเจตนาดี
เมื่อถามว่าในส่วนข้อจำกัดในการทำระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะแก้ไขอย่างไร นายสาโรจน์ กล่าวว่า ป.ป.ช.มองว่าในเรื่องของระเบียบ หน่วยงานสามารถบริหารจัดการได้
ด้านนายชิดชนก สุขมงคล รองอธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพืชพันธุ์ กล่าวว่า กรมอุทยานฯ เป็นหน่วยงานราชการ ดังนั้นเรื่องการจัดเก็บรายได้มีระเบียบที่กรมกำหนดไว้ และออกแนวทางปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ แต่ด้วยบริบทที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและต้องการความชัดเจนถูกต้องมากขึ้น เพราะสังคมให้ความสนใจ จึงมองว่าควรต้องไปปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อให้เกิดการจัดเก็บเงินและส่งเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายชิดชนก กล่าวว่า ส่วนแนวทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ หากเราทำสำเร็จ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกินปี 69ในพื้นที่นำร่อง และในปี 70 จะครอบคลุม 133 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเงินทุกอย่างจะเข้าสู่ระบบงบประมาณเลย ทำให้ปัญหาหมดไป
เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงระบบจะตรวจสอบอย่างไร นายชิดชนก กล่าวว่า กรมมีคำสั่งให้ตั้งคณะติดตามการจัดเก็บรายได้ จากส่วนกลาง ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายมหาวิทยาลัย ที่มีความรู้บริหารจัดการอุทยานและตนเป็นประธานคณะนี้ ก็จะคอยติดตาม ส่วนที่ผ่านมาพบการทุจิรตบ้างนั้นยังไม่มีเป็นทางการ แต่เมื่อทราบข่าวจากทางสื่อมวลชน ก็จะใช้คณะกรรมการระดับพื้นที่หากมีพื้นที่ไหนสุ่มเสี่ยงก็จะเข้าไปตรวจสอบ .314.-สำนักข่าวไทย