สว. รุมจวกนโยบายปราบยาฯ รัฐบาล ไม่เอาจริง

รัฐสภา 28 ม.ค.-สว. รุมจวกนโยบายปราบยาฯ รัฐบาล ไม่เอาจริง แฉ จนท.รัฐตัวการ “ขบวนการแชร์ลูกโซ่ตำรวจ-จับยัดยา” ต้นตอแก้ปัญหายาเสพติดท้องถิ่นไม่ได้ ด้าน “รองเลขาฯ ป.ป.ส.” ยอมรับกฎหมายปราบยาฯ ยังมีข้อบกพร่องที่ต้องปรับปรุงใหม่ เผย 30 ม.ค. ปิดล้อมชายแดนปราบยาอย่างจริงจัง

การประชุมวุฒิสภา ที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้พิจารณารายงานผลปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ.2566 โดยมี นายศิริสุข ยืนหาญ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นตัวแทนหน่วยงานชี้แจงต่อวุฒิสภา


นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ สว. อภิปรายว่า เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่พบว่าปัญหายาเสพติดแก้ไม่ได้ เพราะ ดีมาน และซัพพลาย คือ เจ้าหน้าที่รัฐ จากประสบการณ์ของตน พบว่าตำรวจเป็นคนจัดหา คนขายคือ ตำรวจ ตนอยู่กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ชาวต่างชาติเสพยา เหตุที่แก้ไขไม่ได้และเป็นมากขึ้น คือ หากไม่สามารถแก้ไขตำรวจ หรือ แชร์ลูกโซ่ หรือดาวกระจายในตำรวจ ไม่มีทางแก้ปัญหายาเสพติดในท้องถิ่นได้

“แชร์ลูกโซ่ตำรวจ จะจับยัดยา ถ้าไม่อยากให้จับ ไปหาบัญชีมา 5-10 คนไม่งั้นไม่ปล่อย หาบัญชีม้า ต้องต่อยอดต่อไป เป็นดาวไลน์ และลูกโซ่ เป็นข้อเท็จจริงที่ ลูกน้องของดิฉันโดนกระทำ การจับยา10 ล้านเม็ด จับแล้วไปไหน ไปอยู่หน่วยงานใด แล้วทำไมต้องเวียนให้เจ้าหน้าที่รัฐ หรือคนที่เกี่ยวข้องจำหน่าย จ่ายแจก อีก เป็นปัญหาที่ไม่มีวันจบสิ้น ขอเสนอแนะต้องกำจัดพวกเจ้าหน้าที่รัฐ ฐานะผู้ใช้กฎหมายที่ทำผิดเอง ที่มีพฤติกรรมเป็นพวกนาโต้ คือ โนแอคชั่น ทอล์กโอลี่ จับ ถ่ายรูป แล้วจบ หูหนวก ตาบอด จับไม่ได้ ทั้งที่ทำอยู่ข้างบ้าน” นางประทุม ระบุ


ด้าน พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสวย สว. อภิปรายว่าตน ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลตั้งแต่ก่อนปีใหม่จนถึงขณะนี้ยังไม่มาตอบเลยว่ารัฐบาลจะทำอะไรบ้าง อย่าให้ปปส.แบกรับภาระอยู่ฝ่ายเดียว ถึงเวลาที่ต้องเป็นวาระแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีต้องมานั่งหัวโต๊ะเรียกทุกกระทรวง ทบวง กรม มาทำงานร่วมกัน กว่า 80% เปอร์เซนต์ คนอายุ 18 ถึง 25 ปีติดอยู่ในเรือนจำ ซึ่งถือเป็นแรงงานของประเทศหายหมด มีแต่แรงงานต่างชาติมาทดแทน ตนขอให้กำลังใจปปส. ที่มาถูกทางแล้ว และขอให้ทำต่อไป อย่างไรก็ตามตนขอท้วงติงว่างบประมาณปราบยาเสพติด ที่ขณะนี้เข้าไปอยู่ ตามหน่วยต่างๆ 20 กว่าหน่วย บางหน่วยไม่รู้จะทำอะไรก็เอามาแปะเป็นงบต้านยาเสพติด ตนขอให้ยกเลิกนโยบายกีฬาต้านยาเสพติด เพราะไม่ได้เป็นการต้านอย่างแท้จริง จึงขอให้ทบทวนหากตรงไหนไม่เหมาะสมขอให้ตัดแล้วมารวมกันอย่างจริงจัง ปราบปรามให้เข้มข้น

“ตอนนี้ยาเสพติด ยาบ้า ลงไปเด็กประถมแล้ว 7-8 ขวบก็เล่นยาแล้ว ยังไม่พอบุหรี่ไฟฟ้าลงไปถึงเด็กอนุบาลแล้ว แล้วประเทศไทยจะเหลือ อะไรวันดีคืนดีท่านประธานเดินออกไปจากสภาอาจจะโดนปาดคอเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะพวกบ้าเต็มเมือง บางอำเภอตผมลงไปตรวจงาน สอบถามว่ามีคนติดยาทั้งอำเภอประมาณเท่าไหร่ ได้รับคำตอบว่า 800 คน และพวกพร้อมที่จะบ้าเกิน 100 คนจึงขอให้ปปส.ทำและสู้ต่อไป ผมจะกระทุ้งรัฐบาลว่าไม่ใช่ดีแต่วาจา ต้องลงมือทำอย่างจริงจัง พูดกันเป็นวาระไม่รู้กี่ชาติแล้ว ไม่รู้ชาติหน้าหรือเปล่า เราจะแพ้สงครามรอบประเทศแล้วหากยังปล่อยให้เยาวชนใกล้ยาเสพติดอยู่อย่างนี้” พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว

ด้านนายอะมัด อายุเคน สว. อภิปรายว่า ตนเคยลงพื้นที่กับกรมราชทัณฑ์ พบว่านักโทษในเรือนจำ 3 แสนคน เป็นนักโทษติดยาเสพติดไปแล้วกว่า 2.8 แสนคน คุกไทยเป็นพื้นที่รองรับคนค้ายาเสพติดที่ดีมาก เคยคุยกับชาวเมียนมาที่ค้ายาเสพติดก็บอกว่าไม่กลัวคุกไทยเพราะมีอาหารให้กิน 3 มื้อ และอาหารครบ 5 หมู่ด้วย มีการออกกำลังกายตอนเช้า และมีสถานพยาบาลดูแล แต่ถ้าติดคุกในเมียนมาหรือต่างประเทศกลัวว่าจะเสียชีวิต
 
“ผมเสนอให้แก้กฎหมายของประเทศไทยที่ยังอ่อนแอ แก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก แก้ที่ปลายเหตุโดยมีแนวคิดที่จะเสนอให้ยาเสพติดหมดไปภายใน 6 เดือน อย่างสิงคโปร์ที่มีกฎหมายประหารชีวิตคดียาเสพติด แค่มียาไอซ์ ยาบ้าเม็ดเดียว เขาแขวนคอประหารชีวิตเลย ถ้าผมมีอำนาจจะเสนอว่าประเทศไทยควรมีโทษประหารชีวิตเหมือนกัน ถ้าเรามีจุดยืนกล้าทำ ทำไปเลย แต่ถ้ากฎหมายออกไปจริง ผมอาจจะโดนคนแรก หน้าบ้านผมอาจจะมีพวกสิทธิมนุษยชน ภาคประชาสังคม มาดักหน้าบ้านเต็มไปหมด มาดูว่าผมถูกสั่งมาเกิดจากนรกหรือเปล่า ถึงใจร้ายใจดำ ซึ่งไม่ใช่เพราะผมเห็นว่าประชากรของเราต้องมีคุณภาพ“นายอะมัด กล่าว
 
นายอะมัด กล่าวว่า หากจะลงโทษด้วยการประหารชีวิต ก็ไม่ต้องทำใต้ดิน ไม่ต้องไปวิสามัญฆาตกรรม เหมือนสมัยใครไม่รู้ที่วิสามัญไป 2,000 กว่าคน ขอให้ประหารเลยภายใน 3 เดือน และถ่ายทอดโทรทัศน์ด้วย รับประกันได้ว่าไม่มีใครกล้าทำผิดแน่นอนพร้อมย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชุด แต่งตั้งชุดใหม่ ลองดูว่าทำได้หรือไม่ 
 
“หากลูกหลานของใครไม่เคยติดยาก็จะไม่รู้ว่าช้ำใจแค่ไหน เราไม่ควรต้องสนใจต่างชาติ ควรตั้งศาลพิเศษขึ้นมาให้ตัดสินภายใน 3 เดือน มีโทษประหารชีวิตและโฆษณาผ่านสื่อ”
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายอะมัดอภิปรายอยู่นั้น มี สว. หลายคนมายืนอยู่ด้านหลัง ทำให้นายอะมัด กล่าวขึ้นว่า “ท่านว่าทำได้ไหม กองเชียร์ผมบอกว่าทำได้หมด” พร้อมกล่าวอีกว่า ข้อเสนอตนอาจรุนแรงไปหน่อย มันไม่ใช่ความรุนแรงแต่เป็นความเด็ดขาด แต่หากยังลูบหน้าปะจมูกอยู่ อนาคตของเด็กไทยจะไม่มีแล้ว อย่าให้ยาเสพติดมาทำร้าย ตนเป็นอิสลาม เคยกล่าวว่าศาสนานี้ไม่มีขโมย เพราะในมุสลิมมีกฎหมายตัดมือผู้ลักขโมย แต่ประเทศไทยทำไม่ได้ เพราะคนไทยใจบุญสุนทาน


ด้านนายศิริสุข ชี้แจงว่า แม้กฎหมายเราจะแรง เรามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องถึง7 ฉบับ แต่ก็มีความขัดแย้งกันจนปรับปรุงกลายเป็นประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่ใช้ 3 ปีแล้วมีบางมาตราที่ต้องปรับปรุงเพื่อให้เป็นประโยชน์กับการแก้ปัญหา ที่ผ่านมานายกฯเคยเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวต้องประชุมหลายครั้ง โดยวันที่ 30 ม.ค.นี้จะมีปฏิบัติการปิดล้อมชายแดนเพื่อปราบปรามยาสเพติด ยอมรับว่าขณะนี้ปปส.มีกำลังจริงเพียง 1,040 คน ขณะที่ชายแดนไทยมี5,656 ตร.กม. จึงให้ ปปส.เป็นหน่วยยุทธศาตร์ นโยบาย และอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย แต่เราทำทุกคดีไม่ไหว เพราะมีคดีเป็นแสน จึงทำให้โหลด ซึ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่พบการทำผิดต้องโดนลงโทษถึง 3 เท่า สำหรับการจับยาหากตรวจจากนักวิทยาศาสตร์แล้ว จะไม่มีเวียน และต้องนำไปทำลายเมื่อมีปริมาณณถึง 30 ตัน ยืนยันว่าไม่เวียน โดยตั้งแต่ 26 ธ.ค.2566 ต้องเผา และเร่งเผาทุกๆ 2-3 เดือน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

“ยืนยันว่าค่านิยมของเราคือทุ่มเท เสียสละ และทำงานเพื่อส่วนรวม ขอให้ไว้ใจได้ จะเห็นว่าข่าวปปส.ไปพัวพันยาเสพติดจะน้อยมาก หากมีข้อมูลและพยานหลักฐานให้แจ้งมา หรือ แจ้งต่อ ผบ.ตร. ได้” นายศิริสุข ระบุ.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย