ปชน.เปิดเวทีใหญ่หาเสียงเลือกตั้ง อบจ.สมุทรสงคราม

ปชน.หาเสียง

สมุทรสงคราม 26 ม.ค. – ปชน. เปิดเวทีปราศรัยเลือกตั้ง อบจ.สมุทรสงคราม ชวนชาวสมุทรสงครามร่วมเปลี่ยนจังหวัดสู่อนาคตที่ดีกว่า “พิธา” ชี้ “นันทิยา” คือ “ธนาธรเบอร์ 2” ความรู้-ประสบการณ์พร้อม พาสมุทรสงครามสู่จังหวัดทันสมัย-มีเสน่ห์


ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม พรรคประชาชนเปิดเวทีใหญ่หาเสียงเลือกตั้ง อบจ.สมุทรสงคราม ซึ่งพรรคประชาชนส่ง นันทิยา ลิขิตอำนวยชัย ลงเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรสงคราม พรรคประชาชน เบอร์ 2 โดยมีแกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมการปราศรัยและพบปะประชาชนที่มาร่วมติดตามการหาเสียงในวันนี้อย่างคับคั่ง

ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน กล่าวปราศรัยถึงเป้าหมายของพรรคประชาชนในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. ทั่วประเทศในครั้งนี้ ว่าตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ มาจนถึงพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน เราอยากเห็นความเท่าเทียมกันของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย ทุกคนควรเข้าถึงน้ำประปาที่สะอาด การรักษาพยาบาลที่ดี การเดินทางเพื่อสร้างโอกาสในชีวิต เราจึงมาทำงานการเมืองและตัดสินใจส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ เพราะพรรคประชาชนเชื่อว่าท้องถิ่นทำสิ่งนั้นได้ และพรรคประชาชนก็มีองค์ความรู้ที่จะทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงได้


แต่พรรคประชาชนก็ยังถูกค่อนแคะว่าขายฝัน นั่นคือสิ่งที่พวกเขาพยายามบอกกับเรา อยากให้เราหยุดฝัน ไม่พยายาม อยู่ที่เดิมเพื่อที่พวกเขาจะได้มีอำนาจเหมือนเดิม และให้สิ่งต่างๆ ยังคงเป็นอยู่แบบเดิม แต่ความฝันและความเชื่อของพรรคประชาชนต่างออกไป เราเชื่อในความเป็นไปได้และการเปลี่ยนแปลง ความเชื่อนี้ทำให้เราลุกขึ้นมาพยายามมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนความเป็นไปได้ให้เป็นความจริง

ศรายุทธิ์ กล่าวต่อว่า ที่สมุทรสงคราม เราเคยแข่งขันมาแล้วในอดีต ในปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งที่นี่ เราแพ้ได้คะแนนมา 17,000 คะแนน ปี 2563 เลือกตั้ง อบจ. รอบก่อนเราก็ได้ส่งผู้สมัครเหมือนกัน แต่เราก็แพ้ได้ 13,000 คะแนน แต่เพราะเรามีความเชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลง เราเชื่อว่ามนุษย์มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลง เราจึงยังคงมุ่งมั่นทำงาน และในปี 2566 เราก็ทำสำเร็จ ได้ความไว้วางใจมากว่า 40,000 คะแนน

ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ครั้งนี้เราจะปักธงที่นี่ไม่ได้ แน่นอนว่าชนชั้นนำพยายามทำให้เราหมดหวังสิ้นหวังตลอด ไม่ว่าจะหลังการเลือกตั้ง 2566 ที่มีการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว การยุบพรรคก้าวไกล หรือการจัดการเลือกตั้ง อบจ. ในวันเสาร์ สิ่งต่างๆ คือความพยายามของชนชั้นนำที่จะทำให้เราสิ้นหวัง แต่เราไม่เคยหมดหวัง เรายังคงมีความมุ่งมั่นและความเชื่อข้างต้นอย่างแน่วแน่มั่นคง


ศรายุทธิ์กล่าวต่อไปว่า เหลือเวลาอีก 5 วันเท่านั้น เราจะมาร่วมกันสร้างความหวังให้ประชาชนชาวสมุทรสงครามและคนไทย ที่จะมีอนาคตใหม่ที่ดีกว่าเดิม ที่ทุกคนมีความเท่าเทียมกันได้จริงในประเทศและในจังหวัดแห่งนี้ ขอให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจรณรงค์เปลี่ยนความคิดคน เชิญชวนให้คนมาเลือกตั้ง กล้าที่จะเลือกพรรคประชาชน เปลี่ยนสมุทรสงคราม สร้างจังวัดสมุทรสงครามให้กลายเป็นบ้านที่ทุกคนอยู่อย่างมีความสุขและยั่งยืน

ด้าน นันทิยา ระบุว่า จากประสบการณ์ในฐานะคนนำเที่ยว ได้เห็นการจัดการเมืองที่ดีในต่างประเทศ การจัดการการท่องเที่ยวที่ดีเป็นระบบที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวมาสู่พื้นที่ได้ คนสมุทรสงครามมีอัธยาศัยไมตรีที่ดี สมุทรสงครามยังมีศักยภาพในเชิงพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นดอนหอยหลอดที่เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน รวมถึงอัมพวาที่เป็นพื้นที่เกษตรที่มีสินค้าที่น่าภาคภูมิใจไม่ว่าจะเป็นส้มโอหรือลิ้นจี่ สิ่งเหล่านี้ทำให้สมุทรสงครามมีศักยภาพอย่างมาก

แต่สมุทรสงครามเองก็ยังมีปัญหาอีกหลายด้าน จากการทำงานในพื้นที่มาหลายสิบปี ได้เห็นถึงปัญหาไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง ปัญหาด้านสาธารณสุข การศึกษาที่พัฒนาศักยภาพไปไกลกว่านี้ได้ เศรษฐกิจที่พัฒนาให้ดีกว่านี้ได้ นี่คือสิ่งที่ตนมองเห็นและทำให้วันนี้ตนมายืนอยู่ตรงนี้ สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย แต่ก็มีศักยภาพของพื้นที่ นี่คือสิ่งที่ทำให้จังหวัดของเราระเบิดศักยภาพขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศได้ไม่ยาก

นันทิยายังกล่าวต่อว่า วันนี้พร้อมที่จะอาสาเข้ามารับใช้ชาวสมุทรสงคราม นำความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นด้านวิศวกรรม เพื่อมาดูแลงานโครงสร้างพื้นฐานของสมุทรสงครามได้เป็นอย่างดี ทางด้านเศรษฐกิจในฐานะที่ศึกษาด้านการบริหารธุรกิจมา และทางด้านการท่องเที่ยวในฐานะเจ้าของบริษัททัวร์ที่ได้เห็นการพัฒนาเมืองในหลายๆ ประเทศที่สามารถนำรายได้เข้าประเทศ สมุทรสงครามวันนี้มีรายได้จากการประมง การเกษตร และอยากมีรายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยว นี่ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะเข้ามาดูแลจังหวัดสมุทรสงครามให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้

วันนี้เรามารวมตัวกันเพราะอยากเห็นสมุทรสงครามพัฒนาไปไกลได้มากกว่านี้ ทีมงานของเรามีทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ที่อยู่ในวงการเศรษฐกิจ ดนตรี กีฬา ของจังหวัดสมุทรสงคราม และยังมีคนของพรรคประชาชนที่มีความรู้ความสามารถจากระดับประเทศ ที่พร้อมจะนำความรู้มาช่วยพัฒนาจังหวัดสมุทรสงครามของเรา

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ระบุว่าที่ผ่านมาสมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่ตนเคยมาขอคะแนนจากพี่น้องประชาชนมาแล้วหลายครั้ง และชาวสมุทรสงครามก็ทำให้เราได้ สส. ในฝ่ายนิติบัญญัติไปกำหนดกฎหมาย เป็นปากเป็นเสียง และตรวจสอบรัฐบาล แต่ สส. เป็นตำแหน่งที่ไม่มีงบประมาณของตัวเอง ไม่เหมือนกับนายก อบจ. มีอำนาจบริหารงบประมาณที่มาจากภาษีหยาดเหงื่อแรงงานของประชาชนทุกคน

สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่จิ๋วแต่แจ๋ว แม้จะเล็กที่สุด แต่ดัชนีความมั่นคงของมนุษย์สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ แล้วถ้าเป็น อบจ. พรรคประชาชนจะสามารถเค้นศักยภาพของจังหวัดได้มากกว่านี้อีกเท่าไหร่ นันทิยาเป็นทั้งวิศวกร และมีประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศ ดูประวัติแล้วเรียกได้ว่าเป็น “ธนาธรภาค 2” บริหารก็ได้ เป็นวิศวกรก็ได้ ถ้าใครจะเอาประสิทธิภาพออกจากงบประมาณของจังหวัดสมุทรสงครามและทำให้โปร่งใสได้ ก็ต้องเป็นคนคนนี้
.
พิธากล่าวต่อไปว่า จุดแข็งของสมุทรสงครามที่ทำให้ดัชนีความมั่นคงของมนุษย์สูงที่สุดในประเทศไทยอยู่ที่เด็ก นักเรียนสมุทรสงครามสอบโอเน็ตได้ติด 5 อันดับแรกของประเทศ สมุทรสงครามมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรอาหาร สมุทรสงครามต้องการนายก อบจ. ที่สามารถเค้นประสิทธิภาพจากงบประมาณ 4 ปี เกือบ 1,000 ล้านบาทออกมาให้ได้ ซึ่งนันทิยาสามารถทำให้สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่ทั้งทันสมัยและมีเสน่ห์ได้ คือเป็นทั้ง hi-tech และ hi-touch

หมายความว่าการศึกษาที่นี่ดีอยู่แล้ว มีประวัติศาสตร์ มีการท่องเที่ยว เราสามารถทำให้ทันสมัยมากขึ้นได้ด้วย augmented reality และ virtual reality การเกษตรที่มีลิ้นจี่และมะพร้าวสามารถดึงศักยภาพออกมาทำเป็นเหล้าชุมชน ให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นได้ การศึกษาที่ติด 5 อันดับแรกของประเทศอยู่แล้ว เอา STEM education, AI หรือ machine learning มาใส่เข้าไปอีกได้

พิธายังกล่าวต่อว่า ถ้าชาวสมุทรสงครามเลือกนันทิยา ทุกคนจะยังได้ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้านที่เก่งเรื่องดิจิทัลมาช่วยอีกด้วย นันทิยาคือธนาธรเวอร์ชันสองที่จะทำให้สมุทรสงครามทั้งทันสมัยและมีเสน่ห์ มีทั้งเทคโนโลยีและมีเสน่ห์ในการท่องเที่ยว สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม นันทิยาเป็นวิศวกรหญิงที่จะมาขับประสิทธิภาพของสมุทรสงครามให้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยได้ – 312 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]