“อนุทิน” ยัน กฟภ.ขายไฟให้บริษัทที่รัฐบาลเมียนมารับรอง

กระทรวงมหาดไทย 24 ม.ค.- “อนุทิน” ลั่นจะไปถามลิงที่ไหน หลัง “โรม” ฉะไม่ตรวจสอบคู่สัญญาซื้อไฟฟ้า ยัน กฟภ.ขายไฟให้บริษัทที่รัฐบาลเมียนมารับรอง เขาจะไปทำอะไร อยู่นอกอำนาจอธิปไตย-ไม่ใช่หน้าที่ต้องไปตรวจสอบ บอกนี่กระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่กระทรวงมหาดพม่า


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่สื่อเมียนมา กล่าวพาดพิงประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งน่าจะเป็นประเทศไทย ขายไฟฟ้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า การไฟฟ้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องทำสัญญาซื้อขาย กับบริษัทที่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นผู้เสนอชื่อมาให้ทางการไทย ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงการต่างประเทศ จะมีการตรวจสอบ คุณสมบัติและยืนยันให้ กฟภ. ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ ถือว่าจบ ส่วนเขาจะนำไฟฟ้าไปทำอะไรต่อเป็นกฎหมายของเขา แต่จะไม่มีที่ กฟภ. ไปขายไฟฟ้าให้กับบริษัทหนึ่ง ซึ่งทำสแกมเมอร์อยู่ แบบนี้ไม่มี พูดง่ายๆ คือการไฟฟ้าไทยขายให้กับการไฟฟ้าเมียนมา แต่เขาไปส่งใคร มันเกินอำนาจอธิปไตยที่เราจะไปยุ่งได้

ทั้งนี้นายอนุทิน ย้ำว่า ในสัญญามีการระบุไว้ชัดเจน ว่าจะต้องนำไปใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์


เมื่อถามว่า การที่นายรังสิมันต์ โรม สส. พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการขายไฟให้กับบริษัทที่ทำคอลเซ็นเตอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า จะได้เป็นข่าว ไม่ทำงานก็แค่นั้นเอง เมื่อท่านพูดมา เราก็ชี้แจงไปเท่านั้นเอง ตอบไป 3 รอบแล้ว ถ้ามีการขายให้คอลเซ็นเตอร์ คนที่ขายก็ไม่ใช่ กฟภ. เป็นบริษัทที่รับซื้อไฟจากเรา เป็นคนไปขายต่อ จึงไม่ใช่หน้าที่ของตน และ ไม่ใช่หน้าที่ ของ กฟภ. ที่จะต้องไปตรวจสอบ เพราะมันเกิดขึ้นในประเทศของเพื่อนบ้าน

ส่วนที่นายรังสิมันต์ โรม ตั้งข้อสังเกตว่าทางการไทยไม่มีการตรวจสอบคุณสมบัติของบริษัทคู่สัญญานั้น นายอนุทิน กล่าวว่า จะไปตรวจสอบลิงที่ไหน ก็รัฐบาลเมียนมาเขายืนยันมาแล้ว เราต้องเชื่อการรับรองจากรัฐบาลเมียนมา เขาบอกให้ขายกับบริษัทนี้ ตนไม่ได้ขายให้กับปัจเจกบุคคล หรือบริษัทบุคคล แต่เป็นบริษัทที่ได้รับการตรวจสอบ เหมือนกับเวลาเราไปทำอะไร ก็ต้องถูกตรวจสอบประวัติอาชญากร ประวัติยาเสพติด ถ้าทุกอย่างมีมาครบ เราก็ขาย ตามข้อตกลงที่กระทรวงการต่างประเทศได้ทำไว้กับประเทศเพื่อนบ้าน หรือมติคณะรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นเรื่องตรวจสอบ ใครอยากตรวจสอบก็ทำไป ถ้าพบ เต็มที่กระทรวงการต่างประเทศก็ต้องแจ้งกลับไปว่า บริษัทที่คุณรับรอง ทำสแกมเมอร์ ให้กลับไปดูให้ดี ทำได้แค่นี้

เมื่อถามว่า เมื่อวานนี้นายรังสิมันต์โรม กล่าวว่า สมช. ยอมรับกับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ว่า กิจการตามแนวชายแดน เป็นภัยต่อความมั่นคง มีการรายงานเรื่องนี้ต่อรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “เป็นเรื่องของ สมช. รายงานไปแล้ว มันเกี่ยวอะไร เพราะเราขายไฟผ่านรัฐบาลผ่านเมียนมา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทย เพราะนี่กระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่กระทรวงมหาดพม่า” .-315


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน