กทม. 23 ม.ค.-เลขาฯ ป.ป.ท. พร้อมยกระดับและส่งเสริมให้ภาคประชาชนเป็นกลไกเฝ้าระวังการทุจริต เตือนผู้ประกอบการ นักลงทุน นักธุรกิจ เรื่องร้องเรียนการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐได้ มุ่งสร้าง “พลังศรัทธา พลังล่าทุจริต” โชว์ผลงานตรวจสอบและชี้มูลเรื่องทุจริต
โรงแรมเบสท์เวสเทิร์นพลัสแวนด้า แกรนด์ ห้องแกรนด์บอลรูม A ชั้น 5 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบนโยบาย และแนวทางการดำเนินงานด้านการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ประจำปี 2568 และมอบโล่รางวัลเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ดีเด่น ประจำปี 2567 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 17 ปี สำนักงาน ป.ป.ท. ภายใต้แนวคิด “พลังศรัทธา พลังล่าทุจริต”
นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวเปิดว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อระลึกถึงความสำคัญในการก่อตั้งสำนักงาน ป.ป.ท. ที่ได้ดำเนินงานในฐานะเป็นหน่วยงานหลักในการบังคับใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตตลอดจนเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์บทบาทภารกิจ อำนาจหน้าที่ และผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ท. ให้ประชาชน ทั่วไปและสื่อมวลชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดระยะ 17 ปีที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ท. ได้มุ่งมั่นสร้างสังคมที่ไม่ทน ต่อการทุจริตอย่างต่อเนื่องและได้พัฒนารูปแบบการสกัดกั้นการทุจริตเชิงรุกในทุกรูปแบบ
นายภูมิวิศาล กล่าวว่า ทั้งนี้มีการขับเคลื่อนงานที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการปราบปรามการทุจริต มีสถิติสำนวนคดี ตั้งแต่ปี 2551 – 2567 ได้รับเรื่อง ร้องเรียน/กล่าวหา จำนวน 40,645 เรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ จำนวน 40,104 เรื่อง และชี้มูลความผิด จำนวน 5,973 เรื่อง
อีกทั้ง ยังดำเนินการในฐานะฝ่ายเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) นับตั้งแต่ดำเนินการเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2563 – 31 ธ.ค.2567 ได้รับเรื่องร้องเรียน/กล่าวหา จำนวน 5,021 เรื่อง ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ จำนวน 4,878 เรื่อง และพบมูลการกระทำทุจริตในภาครัฐ จำนวน 3,115 เรื่อง
2.ด้านการป้องกันการทุจริต ได้ยกระดับความเข้มแข็งและส่งเสริมให้ภาคประชาชนเป็นกลไกเฝ้าระวังการทุจริต ผ่านเครือข่ายพื้นที่สีขาว ต้นแบบในการมีส่วนร่วมเพื่อป้องกันและเฝ้าระวังทุจริต ป้องกันการทุจริตเชิงรุกในหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ โดยการให้คำปรึกษา แนะนำ ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาการทุจริตก่อนเบิกจ่ายงบประมาณ ส่งเสริมธรรมาภิบาล และการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน และนักลงทุน โดยการให้ความรู้ความเข้าใจผ่านหลักสูตรบรรษัทภิบาลต่อต้านการทุจริต และดำเนินการตรวจสอบ เฝ้าระวัง ยับยั้งการทุจริตเชิงรุก โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนหรือเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรงตามมาตรา 58/2 และ 58/3 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม
3.ด้านการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐ ได้ดำเนินการขับเคลื่อนศูนย์ขับเคลื่อนการบริการภาครัฐ สำหรับ นักลงทุนและชาวต่างชาติ การยกระดับค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ คอรัปชัน เพอร์เซปชันส์ อินเด็กซ์ (ซีพี) โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการยกระดับค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต ระยะ 5 ปี ขับเคลื่อน และบูรณาการการดำเนินงานในการสกัดกั้นความเสี่ยงการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นในโครงการขนาดใหญ่ วงเงินตั้งแต่ 500 ล้านบาท ขึ้นไป การนำร่องแนวทางการยกระดับการส่งเสริมภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน (ไพลอท โปรเจ็คท์) ร่วมกับสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย
นายภูมิวิศาล กล่าวต่อว่า พร้อมทั้งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ให้สามารถดำเนินงานและบังคับใช้ในการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐให้มีประสิทธิภาพต่อไป นอกจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ท. ยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ เดอะ ยูไนเต็ด เนชั่นส์ โกลบเน็ตเวิร์ก เป็นหน่วยงานที่ 216 จาก 118 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมมาตรฐานด้านความชื่อตรง ความโปร่งใส และตรวจสอบได้ อีกทั้ง ยังเป็นกลไกในการสนับสนุนความร่วมมือในการต่อต้านการทุจริตระหว่างประเทศ และเสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยด้านการต่อต้านการทุจริตในเวทีโลกอีกด้วย
นายภูมิวิศาล ให้สัมภาษณ์ถึงเจ้าหน้าที่ ซ้อนแผนบุกเข้าจับกุมตัวนายปัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี นายช่างโยธาปฏิบัติงาน สำนักงานเขตพระโขนง ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับประโยชน์โดยมิชอบ ขณะกำลังเรียกรับเงินสินบนจากผู้ประกอบการ ว่า เป็นการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการถึง 400,000 บาท ซึ่ง ป.ป.ท.ถือเป็นการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจับกุมผู้กระทำความผิดพร้อมกับของกลาง ดังนั้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอฝากเตือนผู้ประกอบการ นักลงทุน นักธุรกิจ ว่า ป.ป.ท. ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นการอนุมัติหรืออนุญาตต่างๆ ดังนั้นการดำเนินงานทุกอย่างเป็นไปตามสโลแกนคือพลังศรัทธา พลังล่าทุจริต หากพบมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าหน่วยงานใด ที่เรียกรับเงินให้แจ้งเข้ามามายังสำนักงาน ป.ป.ท. หรือสายด่วน 1206 ป.ป.ท. จะเร่งดำเนินการอย่างรวดเร็ว.-314.-สำนักข่าวไทย