“สรวงศ์” ไม่กังวล “ทักษิณ” โดนป่วน

ทำเนียบ 21 ม.ค.-“สรวงศ์” ไม่กังวล “ทักษิณ” โดนป่วนระหว่างลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร อบจ.หาเสียง ไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการพิเศษ เชื่อนโยบายหาเสียงไม่ขัดข้อกฎหมาย มั่นใจสนาม อบจ.เชียงใหม่ คว้าชัยชนะได้

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความมั่นใจของพรรคเพื่อไทย ในการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.ว่า ส่วนตัวมั่นใจผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย เพราะสิ่งไหนที่พรรคตัดสินใจไปแล้วก็ล้วนแต่มีความมั่นใจแต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้สมัครได้ลงพื้นที่ปราศรัยและพบประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่ากรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ในหลายจังหวัด มาจากการติดต่อของผู้สมัคร ที่ต้องการให้ลงไปช่วยหาเสียง โดยเรื่องนี้ไม่ได้ผ่านทางพรรคแต่อย่างใด


ซึ่งการลงพื้นที่ของนายทักษิณ โดยส่วนตัวมั่นใจว่า คนที่เคยเห็นการบริหารราชการของนายทักษิณ ก็จะเป็นการรื้อฟื้นนโยบายต่างๆที่นายทักษิณได้ทำมาในอดีต

ส่วนคนอื่นๆ ที่ยังไม่เคยประสบพบเจอ ในสมัยที่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะได้รับทราบและรู้จักว่านายทักษิณ ได้ทำนโยบายต่างๆ ให้กับประเทศ ถือเป็นการรื้อฟื้นสิ่งต่างๆ กลับมา


ส่วนการที่นายทักษิณ ชินวัตร จะลงไปปราศรัยหาเสียงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ -เชียงราย ในช่วง 29-30 มกราคมนี้ เป็นการตอกย้ำว่าจะต้องคว้าชัยชนะหรือไม่ มองว่าเรื่องนี้เป็นความพยายามและมั่นใจว่า ทุกๆ คนพยายาม ที่อยากได้คะแนนเสียงโดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ เพราะเป็นพื้นที่เป้าหมาย และเป็นจังหวัดสำคัญจังหวัดหนึ่งซึ่งพรรคเพื่อไทยพยายามอย่างยิ่งที่จะคว้าชัยชนะกลับมาให้ได้

ทั้งนี้ หากได้ชัยชนะสนามเลือกตั้ง อบจ. จะเป็นการสร้างความมั่นใจในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 ว่าพรรคจะได้ สส.ในจังหวัดเชียงใหม่กลับคืนมาด้วยหรือไม่นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่โดยส่วนตัวมั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสนามระดับชาติ หรือท้องถิ่นผู้สมัครของพรรคทุกคนต่างทำเต็มที่ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องทำผลงาน ให้ออกสู่สายตาประชาชนให้มากที่สุดและจะนำไปสู่การเลือกตั้งระดับชาติในปี 2570

ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ที่นำนโยบายของรัฐบาลไปใช้หาเสียงในสนามเลือกตั้ง อบจ. ถือเป็นแนวทางการหาเสียงของพรรคหรือไม่นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นท้องถิ่นหรือ ระดับชาติ ต้องทำงานควบคู่กันไป ไม่ว่าเรื่องการจัดทำงบประมาณหรือการจัดทำแผนต่างๆ ทุกอย่างต้องผ่าน อบจ. ผู้ว่าราชการจังหวัด ก่อนจะมาถึงส่วนกลาง


ทั้งนี้ความจริงแล้วพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ริเริ่มการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างจริงจัง ดังนั้นสิ่งที่จะทำในตอนนี้ คือให้แต่ละท้องที่แต่ละจังหวัด มีแผนของตนเองและสามารถบริหารจัดการภายในจังหวัดของตนเองได้ ถือเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ที่เน้นการกระจายอำนาจ จึงมั่นใจอย่างหนึ่งว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณ หรือผู้สมัครนายก อบจ. ที่ออกไปหาเสียง ก็เป็นสิ่งที่จับต้องได้ ซึ่งพรรคต้องการชูให้ประชาชนเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำงานควบคู่กันไป

ส่วนนโยบายที่นายทักษิณขึ้นเวทีหาเสียง จะไม่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปเป็นเครื่องมือในการฟ้องร้องใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ ย้ำว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เพราะนโยบายที่หาเสียงนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และผู้สมัครลงในนามของพรรคเพื่อไทย เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลอยู่ ดังนั้นสิ่งต่างๆที่พูดออกไปก็ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลไม่น่าจะผิดอะไร

ขณะที่ล่าสุดเกิดเหตุวุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากมีผู้ขว้างสิ่งของในระหว่างที่นายทักษิณ อยู่บนเวทีปราศรัย นายสรวงศ์ หัวเราะ พร้อมระบุว่า เรื่องนี้ก็ว่ากันไป ซึ่งนายทักษิณก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร และ ชาวบ้านในพื้นที่ก็รู้พฤติกรรมผู้กระทำประมาณหนึ่ง

ทั้งนี้จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลนายทักษิณ ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงหรือไม่ นายสรวงศ์ ย้ำว่าไม่จำเป็นเพราะเรื่องนี้ก็มีการดูแลเป็นปกติอยู่แล้ว เมื่อนายทักษิณหรือผู้สมัครคนไหนลงพื้นที่หาเสียง ก็มีการดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าไม่ได้อยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องดูด้วย แต่ก็ไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติม

ทั้งนี้จะส่งผลให้ต้องดูแลความปลอดภัย นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ระหว่างลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง อบจ. เพิ่มด้วยหรือไม่ ขอยืนยันว่าเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่และกระบวนการดูแลอยู่แล้ว.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

ตั้ง 2 ประเด็น เหตุบุกยิง ครู-อส. งานแข่งตะกร้อ

นราธิวาส 29 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเหตุคนร้ายยิงถล่ม สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส คาดผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้านภรรยาตำรวจที่เสียชีวิต ร่ำไห้ทำใจไม่ได้ ส่วนเหตุบุกยิง ครู-อส. กลางงานแข่งตะกร้อ จนท.ตั้ง 2 ปมก่อเหตุ “ปัญหาส่วนตัว-ความมั่นคง” จากเหตุคนร้ายลอบยิงตำรวจขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจภูธรจะแนะ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และยิงใส่ป้อมรักษาการประตู กระทั่งเกิดการยิงตอบโต้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 15 นาที จนกลุ่มผู้ก่อเหตุหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง อายุ 30 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และสิบตำรวจเอก เจษฎา พรหมรัตน์ อายุ 33 ปี บาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านตำรวจที่เสียชีวิต เป็นสถานที่จัดงานให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญและแสดงความเสียใจกับครอบครัว หลังนำร่าง ส.ต.อ.อับดุลเลาะ ประกอบพิธีฝังศพที่กูโบร์บ้านบาเร๊ะบาโร๊ะ เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค.) นางสาวนุชฮูดา […]

ทางออก 3 ข้อ ไทย-กัมพูชา ตกลงร่วมคลี่คลายสถานการณ์ช่องบก

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เช้าวานนี้ (28 พ.ค.) บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 2 แม้ไม่มีการปะทะเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังแน่นหนา ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการอพยพ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่การแก้ปัญหาที่สำคัญคือ ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศได้คุยกันแล้ว เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ข้อสรุป 3 ข้อ.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ปิดเส้นทางงดให้ชาวบ้านขึ้น “ช่องบก” หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – บรรยากาศภายในจุดเฝ้าระวัง ภจ12 (ฐานมรกต) อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ในหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 3 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ช่องบก ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.68) เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบน พร้อมมีการตรึงกำลังทหารเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน มีรถพยาบาลทยอยขึ้นไปยังพื้นที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพบริเวณที่ตั้งกำลังของทหารไทย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งจุดอำนวยการฉุกเฉิน โดยขนย้ายเต็นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นไปเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสิทธิ์ อายุ 73 ปี กล่าวว่า ปกติจะขึ้นป่าเป็นประจำ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้ามเข้าพื้นที่ ทำให้ขาดรายได้ ขณะที่นางพวย อายุ 61 ปี เล่าว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่พบเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีกระสุนตกลงมาในหมู่บ้าน แม้รู้สึกกลัว แต่ก็พอทำใจได้ เพราะเคยผ่านเหตุการณ์คล้ายกันมาแล้ว ในช่วงบ่ายวันนี้ นายอำเภอน้ำยืนเตรียมเรียกประชุมหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อวางแนวทางรับมือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เวลา […]