ทำเนียบ 21 ม.ค.-“ภูมิธรรม” ขอคนเห็นต่าง เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ อย่าค้าน ทำกระบวนการล่าช้า-ปัดตกข้อเสนอ ปชป. ยันแถลงนโยบายต่อสภา ถือว่าได้มติจากประชาชนแล้ว ไม่ต้องทำประชามติอีก ชี้เงินดิจิทัลเฟส 3 ยังไม่สรุป คาดจ่ายเงินไตรมาส 2-3 ให้คนขึ้นทะเบียนกว่า 15 ล้านคน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวบนเวทีขณะปราศรัยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ.ว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 จะได้ประมาณมีนาคม ถึงเมษายนว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดว่า นายทักษิณ พูดอย่างไร แต่ขณะนี้เงิน 10,000 บาท เฟส 2 จะจ่ายภายใน 27 มกราคมนี้ ประมาณ 3 ล้านคน จำนวนเงิน 3 หมื่นล้านบาท
ส่วนเฟสที่ 3 กระทรวงการคลังได้ประชุมและเตรียมที่จะประกาศ ซึ่งก็เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า จะจ่ายเงินได้ประมาณไตรมาสที่ 2-3 ซึ่งเวลาก็ใกล้เคียงกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งจะจ่ายเงินให้ประมาณ 15 ล้านคน เป็นงวดที่ขึ้นทะเบียนไว้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึง ไทม์ไลน์กฎหมาย เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใดนั้นว่า ไม่ทราบ เพราะจะต้องดูตามกระบวนการ เพราะขณะนี้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีไปแล้ว ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคตที่เราไม่ทราบ ซึ่งขณะนี้ผ่านมาตามกระบวนการก็ไม่มีปัญหาอะไร และเป็นเรื่องที่เราจะทำ man-made destination เป็นการเน้นการท่องเที่ยวและมีหลายอย่างที่ครบวงจร ซึ่งทุกประเทศที่มีศักยภาพก็ทำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และนำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน เพื่อให้เราควบคุมได้ง่ายขึ้น ดีกว่าปล่อยให้มีอบายมุขทั่วเมืองเต็มไปหมด จะกลายเป็นแหล่งที่ผู้มีอิทธิพลเข้าไปหาประโยชน์ ทำให้ผลประโยชน์ที่ได้ตกอยู่กับผู้มีอิทธิพลใต้ดิน รวมถึงปัญหาทางสังคมในหลายๆเรื่อง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องนิดเดียวเมื่อเทียบกับเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่ถือว่าเป็นเรื่องหลัก แต่คนพูดถึงเรื่องนี้น้อย เมื่อเทียบกับกาสิโนที่มีเพียง 10% อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราจะไม่ได้ปิดกั้นคนไทยแต่ก็หวังว่าชาวต่างชาติจะเข้ามา
ส่วนที่มีการเรียกร้อง จากพรรคประชาธิปัตย์ว่าให้มีการทำประชามตินั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่วิจารณ์เรารับฟังทั้งหมด แต่ไม่อยากให้เหมือนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ใช้เวลาเนิ่นนาน นโยบายต่างๆ ถูกดึงให้ช้าลง เพราะทุกอย่างเป็นแพ็คเกจทั้งหมดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงอยากให้เป็นไปตามกระบวนการทางประชาธิปไตย และเมื่อจะลงมือทำ ก็มามีความเห็น ซึ่งความเห็นต่างมีได้ แต่อย่าทำให้กระบวนการต่างๆ ถูกดึงให้ช้าลง อยากให้กำลังใจกัน และช่วยกันทำงานดีกว่า เพราะผลที่เกิดขึ้น ตรวจสอบได้อยู่แล้ว หากมีการคัดค้าน แล้วเรื่องนี้ตกไป รัฐบาลจะต้องถอนเรื่องนี้ออกไปและทำเรื่องใหม่ ขอให้เวลากับรัฐบาล เพราะแถลงต่อรัฐสภาไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตามหลักประชาธิปไตย ไม่ว่าประเทศไหนก็ตามเมื่อมีการเสนอเข้ามา ก็ถือว่าเหมือนได้ประชามติมาแล้ว เพราะเป็นการเสนอนโยบายต่อสาธารณะ ประชาชนทุกคนรับรู้ ในรัฐสภามีตัวแทนประชาชนจากทั่วประเทศให้การรับรองไปแล้ว จะต้องทำประชามติอะไรอีก และขึ้นอยู่กับการตีความ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการทำประชามติเหมือนกัน หากความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด ประเทศจะเดินหน้ายาก.-315.-สำนักข่าวไทย