“ประเสริฐ” ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ร่วมมือปราบภัยออนไลน์

กทม.18 ม.ค.-ไทย นำอาเซียน ขับเคลื่อนอนาคตดิจิทัล “ประเสริฐ” เผยผลสำเร็จประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ร่วมมือปราบภัยออนไลน์-สร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ เดินหน้าสู่อนาคตสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนอย่างยั่งยืน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงการเป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล (ASEAN Digital Ministers Meeting: ADGMIN) ครั้งที่ 5 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 17 มกราคม 2568 โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจาร่วมประชุมอย่างคับคั่งว่า การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญที่มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือด้านดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลที่มั่นคงและยั่งยืน โดยที่ประชุมได้หารือและรับรองประเด็นสำคัญ ได้แก่ การป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ : ที่ประชุมรับรองรายงานการสำรวจการหลอกลวงออนไลน์ในอาเซียน (พ.ศ. 2566–2567) และข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการดำเนินงานระดับชาติและภูมิภาค พร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนในการจัดการปัญหานี้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะปัญหาการหลอกลวงที่มีต้นตอจากประเทศแนวเขตชายแดน เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และการใช้โซเชียลมีเดีย เป็นเครื่องมือในการโกงเงิน ที่มักพบการเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้กระทำผิดในประเทศใกล้เคียง เช่น กัมพูชา เมียนมา และลาว การหารือจึงให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ และการเสริมสร้างศักยภาพเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกยังได้เสนอการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าร่วมกัน เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการหลอกลวงในภูมิภาค


นายประเสริฐยังระบุถึงความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ : รับทราบการจัดตั้งศูนย์ ASEAN Cert ณ สิงคโปร์ และรับรองเอกสาร ASEAN Checklist on Cyberspace Norms เพื่อสร้างมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในภูมิภาค โดยมีเป้าหมายลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความปลอดภัยของประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดตั้งหน่วยงานประสานงานเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ด้านไซเบอร์ในลักษณะเร่งด่วน

ส่วนเศรษฐกิจดิจิทัล : สนับสนุนการจัดทำกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) เพื่อเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านดิจิทัล และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค


ขณะที่ธรรมาภิบาลข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ : รับรองแผนปฏิบัติการสำหรับ Global CBPR และเอกสารธรรมาภิบาล AI ที่ครอบคลุมถึง Generative AI เพื่อส่งเสริมการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในภูมิภาคอย่างรับผิดชอบ โดยเน้นความโปร่งใส และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ พร้อมผลักดันการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม AI ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในภูมิภาค

สำหรับกรณี​5G และการเชื่อมโยง : รับทราบความก้าวหน้าการใช้งาน 5G และหารือแนวทางลดค่าบริการข้ามแดน พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการควบคุมซิมการ์ด เพื่อป้องกันการหลอกลวงข้ามพรมแดน ซึ่งเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจจากหลายประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะการใช้งานซิมการ์ดที่ไม่ได้ลงทะเบียนในประเทศแนวเขตชายแดนที่มีการเคลื่อนไหวข้ามแดนบ่อยครั้ง เช่น ไทย – กัมพูชา และ ไทย – เมียนมา

ปฏิญญาดิจิทัลกรุงเทพ : รับรองปฏิญญาฉบับนี้เพื่อกำหนดทิศทางอนาคตดิจิทัลของอาเซียนที่เน้นความมั่นคงปลอดภัย ไร้รอยต่อ และครอบคลุมทุกภาคส่วน โดยเน้นการขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงโอกาสทางดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม


นอกจากนี้การประชุมครั้งนี้ยังได้หารือกับคู่เจรจา เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย สหรัฐอเมริกา และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) โดยมุ่งส่งเสริมมาตรฐานดิจิทัลและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล นอกจากนี้ยังเน้นย้ำความสำคัญของการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเพื่อต่อสู้กับการหลอกลวงออนไลน์ในระดับสากล รวมถึงการพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่สามารถใช้ร่วมกันได้ในภูมิภาค

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ในโอกาสเดียวกันนี้ยังได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา และไทยกับฟิลิปปินส์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านดิจิทัลในระดับภูมิภาค โดยเน้นประเด็นสำคัญ ได้แก่ การพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัล ธรรมาภิบาลภาครัฐอิเล็กทรอนิกส์ และการป้องกันและการต่อสู้กับปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ด้วย

สำหรับ MOU ไทย-กัมพูชา เป็นความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ พร้อมทั้งพัฒนาความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ เช่น บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล สินค้าและบริการของรัฐบาลดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การสร้างโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัล และความปลอดภัยออนไลน์ รวมถึงการป้องกันการหลอกลวงทางดิจิทัล

ขณะที่ MOU ไทย-ฟิลิปปินส์ เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันและความเข้าใจซึ่งกันและกัน การส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ธรรมาภิบาลภาครัฐอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ยุทธศาสตร์รัฐบาลดิจิทัลและการใช้ปัญญาประดิษฐ์ ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีอุบัติใหม่ เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง IoT และข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญ และการฝึกอบรมร่วมกัน

ทั้งนี้การประชุม ADGMIN ครั้งที่ 6 จะจัดขึ้นที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในปี 2569 ซึ่งประเทศสมาชิกมุ่งมั่นที่จะสานต่อความร่วมมือเพื่อสร้างภูมิภาคดิจิทัลที่เข้มแข็ง และยั่งยืนอีกด้วย.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย