ทำเนียบ 17 ม.ค.- ประธานผู้แทนการค้าไทย เดินหน้ากระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนไทย-เนปาล เน้นอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร การแพทย์ และท่องเที่ยว เร่งขับเคลื่อนการเจรจา BIMSTEC FTA เจาะตลาด 1.7 พันล้านคน
นางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยผลการหารือกับนายธัน พหาทุร โอลิ เอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย วานนี้ ว่าเป็นความยินดีอย่างยิ่ง โดยไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างไทยและเนปาล ที่มีมากว่า 65 ปี ซึ่งเชื่อว่าด้วยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ จะเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญในการขยายความร่วมมือด้านการค้าและบริการให้กว้างขวางขึ้น ในประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น การแปรรูปสินค้าเกษตร การบริการทางการแพทย์ และการท่องเที่ยว โดยตนยังได้ใช้โอกาสนี้สนับสนุนให้เนปาลใช้ประโยชน์จากที่ตั้งของไทยในการเป็นประตูสู่ภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเนปาลสามารถเป็นประตู่สู่ตลาดจีน อินเดีย และเอเชียใต้ได้
ประธานผู้แทนการค้าไทย เผยว่ามีความยินดีอย่างยิ่งที่การลงทุนขนาดใหญ่ของไทยในเนปาล ได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของเนปาลและสร้างงานให้แก่ประชาชน เช่น การลงทุนของบริษัท เรดบูล และดุสิตกรุ๊ป นอกจากนี้ ตนเห็นว่าจากการที่อุตสาหกรรมไอที และอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ของเนปาล มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงนับว่าเป็นโอกาสสำคัญที่นักลงทุนไทยควรพิจารณา
ทั้งนี้เชื่อว่าหากเนปาลสามารถส่งเสริมบรรยากาศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและลดอุปสรรคทางการค้าเพิ่มเติม จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนไทยและกระตุ้นให้ธุรกิจไทยขยายตลาดในเนปาล
ทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือถึงการเชื่อมโยงของประชาชน โดยเฉพาะการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทั้งในแง่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงศาสนา โดยนักท่องเที่ยวไทยอยู่ในกลุ่มห้าอันดับแรกที่เดินทางไปเยือนเนปาล ในขณะที่ประเทศไทยก็ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวเนปาล โดยติดอันดับสามของสถานที่ที่ชาวเนปาลเลือกเดินทางมาเยือน สิ่งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ตนและเอกอัครราชทูตยังได้หารือถึงการเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสำคัญในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและการอำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงของประชาชน
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ผ่านความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ หรือบิมสเทค (BIMSTEC) โดยเฉพาะการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีบิมสเทค (BIMSTEC FTA) จะเป็นส่วนสำคัญในการขยายการค้าระหว่างประเทศสมาชิก ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 ในช่วงเดือน เม.ย. 2568 นี้
นางนลินี กล่าวว่าเนปาลเป็นตลาดที่กำลังเติบโต โดยมีจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ การขาดแรงงานภาคการผลิต ส่งผลให้ภาคอุปสงค์สูงกว่าอุปทาน และมีแนวโน้มว่าการนำเข้าสินค้าเกษตร (ข้าว ธัญพืช เนื้อสัตว์ ผลไม้ ผัก และน้ำมันพืช) สินค้าอุปโภคบริโภคจะมากขึ้น โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 37.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ .314.-สำนักข่าวไทย