ทำเนียบ 16 ม.ค.- ก.เกษตรฯ แนะผู้เลี้ยงโค ช่วงหนาวนานอาจทำสัตว์ป่วย ระวังโรคปาก-เท้าเปื่อยในโค-กระบือ หากพบผิดปกติรีบแจ้งปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที หรือผ่าน Application DLD 4.0 สายด่วน 063-225-6888
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตือนภัยการระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในโค กระบือในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากสภาพอากาศดังกล่าวส่งผลให้โคและกระบือเกิดความเครียด มีสุขภาพอ่อนแอ และภูมิคุ้มกันต่อโรคลดลง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยได้ง่าย ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ ขอความร่วมมือสหกรณ์โคนม ศูนย์รับนม สหกรณ์โคเนื้อ สมาคม ผู้เลี้ยงโคเนื้อและกระบือ รวมทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ร่วมเป็นเครือข่ายการเฝ้าระวัง ค้นหาโรคในสัตว์ โดยทำการตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกร หากพบฟาร์มที่สงสัยโรคระบาด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ทราบทันที เพื่อเข้าดำเนินการตรวจสอบและการควบคุมโรคโดยเร็ว พร้อมทั้ง ขอให้เข้มงวดด้านมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ เช่น พ่นยา ฆ่าเชื้อยานพาหนะ ทุกคันที่เข้า-ออกฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ศูนย์รับนม สหกรณ์โคนม ตลอดจนบุคคลที่เข้าออกฟาร์มทุกครั้ง เข้มงวดในการควบคุมและกำจัดแมลงพาหะนำโรค โดยการใช้สารกำจัดแมลงพาหะด้วยวิธีการฉีดพ่นบริเวณคอก หรือสถานที่พักอาศัยของสัตว์ ร่วมกับการปรับภูมิทัศน์บริเวณสถานที่เลี้ยงสัตว์หรือแหล่งรวมสัตว์ ไม่ให้มีแหล่งน้ำขังหรือแหล่งเพาะพันธุ์แมลง ทำความสะอาดฆ่าเชื้อคอกสัตว์อย่างสม่ำเสมอ
ขอเน้นย้ำให้เกษตรกรป้องกันการนำโรคเข้าฟาร์ม งดการนำเข้าสัตว์จากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคระบาดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน หรือจนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคสงบและเข้มงวดในการจัดการเพื่อป้องกันโรคเข้าฟาร์ม ได้แก่
1.ห้ามบุคคลภายนอกเข้าฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หากจำเป็นต้องเปลี่ยนรองเท้าที่ใช้เฉพาะภายในฟาร์มและฆ่าเชื้อทุกครั้ง
2.ห้ามยานพาหนะทุกชนิด เช่น รถรับซื้อสัตว์ รถขนอาหารสัตว์ รถรับซื้อมูลสัตว์เข้าภายในฟาร์มโดยเด็ดขาด หากจำเป็นต้องพ่นยาฆ่าเชื้อโรคทุกครั้ง
3.หากฟาร์มอยู่ในพื้นที่ที่มีโรคระบาดให้หลีกเลี่ยงการผสมเทียม และงดการนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงใหม่ในช่วงที่มีโรคระบาด
“ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ ดูแลสัตว์ของตนเองให้มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง โดยให้ได้รับความอบอุ่นตลอดเวลาหรืออยู่ในสถานที่ที่ป้องกันความหนาวได้ และป้องกันสัตว์ของตนเอง ไม่ให้สัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะนำเชื้อโรคเข้าฟาร์ม ได้แก่ คน ยานพาหนะต่าง ๆ สัตว์ที่นำเข้ามาเลี้ยงใหม่ ถังนม อาหาร รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ประกอบกับหมั่นสังเกตอาการสัตว์เลี้ยงของตนเองอยู่เสมอ หากพบสัตว์แสดงอาการป่วยหรือตายผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อาสาปศุสัตว์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพื้นที่ หรือ ผ่านทาง Application DLD 4.0 หรือโทรศัพท์สายด่วน 063-225-6888 เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที” นายอนุกูล กล่าว .314.-สำนักข่าวไทย