นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบปี 69 ย้ำใช้ทุกบาทให้คุ้มค่า

เมืองทองธานี 15 ม.ค.- นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบประมาณปี 69 เน้นการเติบโตทางประสิทธิผล ย้ำใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้คุ้มค่า หวัง ข้าราชการทุกคนร่วมกันเปลี่ยนแปลงงบประมาณให้เกิดประโยชน์ที่สุด กำชับ ไม่เพิ่มรายจ่ายประจำ


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2569 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำเหล่าทัพ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่ วันนี้มาพูดคุยกันอยากให้ทุกคนลองมารับฟังและพูดคุยกันดูว่าเราอยู่ในสถานการณ์อย่างไรบ้างของประเทศอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันอยู่ในเรื่องเดียวกันในการตั้งงบประมาณ จะได้เป็นไปใน ทิศทางเดียวกันบนพื้นฐานความเข้าใจเดียวกัน ทุกคนทราบอยู่ว่าประเทศเราเจอเรื่องท้าทายมากมาย มีความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในทุกมิติที่รัฐบาลอยากจะเร่งแก้ไข


การวางแผนงบประมาณเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก การวางแผนงบประมาณปี 69 ค่อนข้างที่จะมีอยู่จำกัดเราก็ต้องมาพูดคุยกันว่าเราอยู่ในสถานการณ์อย่างไรบ้างและจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้งบประมาณที่จะตั้งในปี 69 มีประสิทธิภาพมากที่สุดเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนมากที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอตั้งงบเป้าหมายการจัดทำปีงบประมาณ 69 ว่า “การเติบโตทางประสิทธิผล” เราจะต้องใช้งบอย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้นเป็นงบประมาณที่ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น คือ

  • 1.ไม่ลดสัดส่วนงบลงทุนและอุดหนุน เพื่อสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
  • 2.ไม่เพิ่มงบดำเนินงานเน้นเพิ่มประสิทธิผลแต่ไม่เพิ่มงบประมาณ
  • 3.ไม่เพิ่มอัตรากำลังเน้นพัฒนากำลังคนให้มีประสิทธิภาพและดูแลด้านสวัสดิการให้ทั่วถึงและเท่าเทียม

ปัญหาความท้าทายที่ประเทศไทยเจอทุกวันนี้เป็นปัญหาทั้งในและภายนอกทั้งเรื่องของภาวะโลกร้อนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำท่วมที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นบางพื้นที่ยังมีดินโคลนถล่มนั่นคือการเปลี่ยนแปลงของภาวะโลกร้อนทำให้เราต้องรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น


แต่สิ่งที่เรามีมากกว่านั้นคือศักยภาพของคนไทยที่มีอยู่ แต่หลายปีที่ผ่านมาเราไม่สามารถเติบโตได้เท่าศักยภาพที่เรามี รายได้ไม่ทันกับรายจ่ายทำให้เกิดปัญหาตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องครัวเรือน หรือหนี้ต่างๆ ขณะเดียวกันก็เจอปัญหาสภาพคล่องและการจ้างงาน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อมที่รอการแก้ไขอีกหลายเรื่อง ประเทศไทยและคนไทยมีศักยภาพอีกมากแต่บางทีคนที่เรียนเก่งโอกาสกลับไปไม่ถึง จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องผลักดันต่อคือการสร้างโอกาส กระจายความเท่าเทียมเป็นการกระจายสวัสดิการให้เข้าถึงทุกคน ทุกพื้นที่ การเติบโตด้านประสิทธิผลเป็นสิ่งจำเป็นที่จะแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศไทย ทำให้ประชาชนกลับมากินดีอยู่ดีอีกครั้ง สามารถแข่งขันกับทั่วโลกได้อย่างสง่างาม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอพูดถึงนโยบายที่เคยได้แถลงต่อรัฐสภาไปไม่ว่าจะเป็นการแก้หนี้ครัวเรือนทั้งระบบ ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมทั้งหมด เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ขยายโอกาส เช่น ซอฟโลนที่เข้ามาซัปพอร์ตเอสเอ็มอี ขณะเดียวกันก็ยังมีโครงการคุณสู้เราช่วยร่วมกับสถาบันการเงินในการลดค่างวดและดอกเบี้ยเป็นเวลา3 ปีโครงการเหล่านี้เป็นการสนับสนุนแก้ที่ครัวเรือนทั้งระบบ นอกจากนี้นโยบายเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต นอกจากเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังเป็นการเตรียมพร้อมเรื่องเทคโนโลยีให้กับประชาชนในอนาคต

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวประเทศไทยมีศักยภาพอยู่แล้ว ล่าสุดตนได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเกินกว่าช่วงโควิดแล้ว หากคิดภาพรวมของประเทศภายในปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะกลับมาก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิดแน่นอน ซึ่งต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฟรีวีซ่าตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬามีนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 12 มกราคม 2568 กว่า 1.3 ล้านคน มูลค่า 6 พันล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านล้านบาท

ส่วนนโยบายด้านการต่างประเทศ รัฐบาลพยายามสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในสัปดาห์หน้าตนเองจะเดินทางร่วมประชุม World Economic Forum 2025 ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งจะมีภาครัฐและภาคเอกชนจากทั่วโลกร่วมประชุม โดย เหตุผลสำคัญที่เริ่มประชุมในเดือนมกราคม เพราะเป็นการเซตเทรนของโลก ว่าปีนี้แต่ละประเทศทั่วโลกและรัฐบาลจะทำอะไร มุ่งเน้นไปทางไหน ซึ่งประเทศไทยของเราก็จะได้มีโอกาสย้ำจุดยืนของประเทศไทยว่ามีศักยภาพ พร้อมสำหรับการลงทุนดึงเม็ดเงินเข้า และเป็นเรื่องการต่างประเทศที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีเวทีสำหรับผู้นำที่รับตำแหน่งใหม่ จึงเป็นโอกาสในการแนะนำตัวและแสดงจุดยืนในเวทีนั้นว่าประเทศไทยมีความพร้อมแค่ไหน นับเป็นโอกาสที่ดี

ด้านการเกษตรเพราะจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกรให้ได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

เรื่องพลังงานถือว่าเป็นภาระหนักของประชาชนเพราะถือเป็นรายจ่าย เราจะต้องปรับโครงสร้างพลังงานและทำให้ค่าไฟให้ถูกและปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายพลังงานโดยตรงหรือไดเร็ค พีพีเอ

นายกรัฐมนตรียัง กล่าวถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐานว่าประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์อยู่แล้ว โดยต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคมการขนส่งของภูมิภาค เป็นโลจิสติกส์ฮับ ซึ่งจะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มของประเทศ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนาดใหญ่ รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน สาธารณะให้มีโครงข่ายที่ครอบคลุม

สำหรับนโยบายด้านสังคมและคุณภาพชีวิต รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะสร้างความเสมอภาคด้านเศรษฐกิจ สังคม งบประมาณ สามารถที่จะดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยล่าสุดรัฐบาลได้มอบสัญญาเช่าโฉนดที่ดินราชพัสดุให้กับประชาชน ที่จังหวัดนครสวรรค์ ได้มีที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ให้ประชาชนสามารถนำที่ดินตรงนี้ไปทำการเกษตรเพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอแชร์ที่นี่เป็นที่แรก ถ้าประชาชนดูอยู่

“อย่างตัวดิฉันเอง นายกรัฐมนตรี วันนี้ ก็โดน Call Center เช่นกัน Call Center ที่มา Advance มาก ไม่ใช่ธรรมดาเป็น Call Center ที่หลอกว่าเป็นผู้นำบางประเทศและมาบอกว่าดิฉันยังไม่ได้บริจาคบางอย่าง แต่ขอไม่เอ่ยชื่อจะเป็นเรื่องไม่ดี เป็นผู้นำ ประเทศใดประเทศหนึ่ง ส่งเสียงมาให้ดิฉันและเสียงนั้นคือเสียงของผู้นำประเทศนั้นเลย อันนี้ขอเตือนภัยพี่น้องประชาชน ดิฉันเองก็เกือบเชื่อเพราะเป็นเสียงของผู้นำจริงๆซึ่งเราได้ยินอยู่แล้วกด Play เป็นคลิปเสียงส่งมา Good Morning Prime Minister Thailand อะไรแบบนี้ ชวนคุยแล้วคุยสักพัก ก็พูดต่อว่าyou ยังไม่บริจาคเลย ก็ต้องช่วยกันดูว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อันนี้มาจากต่างประเทศเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนเจอจริงๆและการหลอกเริ่ม Advance ขึ้นเรื่อยๆ แยบยลมาก ดิฉันเกือบเชื่อไปแล้ว”

ขณะที่การดำเนินการนโยบายด้านการศึกษา รัฐบาลได้จัดโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนหรือ ODOS โดยการให้ทุนการศึกษากับเด็กอำเภอละหนึ่งคน ได้ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ หรือ คนที่อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถที่จะเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ ไม่หลุดออกจากระบบการศึกษา ทั้งนี้การที่รัฐบาลต้องการดึงการลงทุนเข้ามาในประเทศก็ต้องลงทุนเรื่องการพัฒนาคน เตรียมพร้อมล่วงหน้า เมื่อถึงโอกาสคนก็พร้อมที่จะรับโอกาสซึ่งเป็นภาพต่อเนื่องยาวที่จะต้องเพิ่มโอกาสนี้ให้ได้โดยเร็ว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงนโยบายซอฟพาวเวอร์ จะต้องมีการพัฒนา Up Skill – Re Skill ปรับตัวให้ทันกับโลกในศตวรรษที่ 21

ด้านที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย รัฐบาลได้สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิที่ดินเพิ่มขึ้นแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อน รวมถึงยังมีโครงการบ้านเพื่อคนไทย (PUBLIC HOUSING) โดยวันศุกร์ที่ 17 มกราคมนี้จะมีการเปิดบ้านตัวอย่างของโครงการเพื่อให้คนไทยได้เห็นภาพก่อนว่าสิ่งที่รัฐบาลจะทำมีหน้าตาอย่างไร หากถามว่าทำไมต้องมีบ้าน เพราะบางคนก็เช่าบ้านอยู่แล้ว แต่เหล่านั้นเขาไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ กว่าที่เด็กจบใหม่หรือกว่าที่แต่ละคนจะเก็บเงินซื้อบ้านได้ราคาบ้านก็ปรับเพิ่มหนีไปหมดแล้วทำให้ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของบ้าน โดยมองว่าคนไทยควรที่จะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมีที่อยู่เป็นของตัวเอง

ส่วนความมั่นคงของกองทัพ คือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารให้เป็นรูปแบบสมัครใจ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นโยบายด้านการบริหารรัฐกิจ การออกกฎระเบียบต่างๆ ว่า จะต้องแก้ปัญหาการผูกขาดยกเลิกกฎหมายและขั้นตอนที่ไม่จำเป็นเพื่อเอื้อต่อการประกอบธุรกิจหรือการดำเนินธุรกิจในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาบีโอไอได้เสนอกับกลุ่มนักลงทุนเรื่องการลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก ว่าเราสามารถลดทอนขั้นตอนเหล่านี้ลงได้

สำหรับประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญนิติธรรม รัฐบาลต้องการต่อต้านการคอรัปชั่นทุกรูปแบบ เร่งทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่านโยบายของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นระยะเร่งด่วน ระยะกลาง ระยะยาว ได้ถูกกำหนดไว้ในการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2569 ซึ่งครอบคลุมในทุกประเด็นเนื่องจากงบประมาณปี 2569 ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 3,780,600 ล้านบาท ที่เพิ่มจาก ปี 68 ไม่มากนัก ในขณะที่เรามีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการจัดสรรงบประมาณขอให้ทุกหน่วยพิจารณาปรับขึ้นเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และพยายามที่จะไม่สร้างรายจ่ายประจำให้เพิ่มขึ้น ไม่เช่นนั้นจะเป็นรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกปี และการที่จะปรับเปลี่ยนอะไรต้องใช้เวลาเมื่อมาถึงรอบปีเราต้องเจอรายจ่ายประจำอยู่แล้วจึงเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยต้องร่วมกันว่าจะลดรายจ่ายประจำได้อย่างไรบ้าง มีตรงไหนที่เข้ามาทดแทนได้บ้าง เมื่อตนเข้าไปดูตัวเลขในหน่วยต่างๆก็พบว่าแบกเอาไว้เยอะ ดังนั้นด้วยข้อจำกัดของงบประมาณต้องใช้โอกาสนี้ในการที่ได้พูดคุยกัน ร่วมมือกันว่าเมื่อเราทราบแล้วว่าประเทศเจอปัญหาอะไรบ้าง ในด้านต่างๆที่รัฐบาลมองว่า สิ่งที่จะต้องทำให้เป็นนโยบายหรือทำให้เกิดผลมีอะไรบ้าง
ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันสนับสนุนในเรื่องนี้ว่าต้องใช้งบประมาณให้คุ้มค่าที่สุด ให้เกิดประโยชน์ทุกบาท ทุกสตางค์กับประชาชนจริงๆ

นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำ ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมติของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 เรื่อง แผนการคลังระยะปานกลาง ปีงบประมาณ 2569-2572

โดยให้กระทรวงการคลังจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้เทียบเคียงกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับประเทศไทย เพื่อให้ภาครัฐมีงบประมาณที่เพียงพอในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ

พร้อมให้หน่วยรับงบประมาณ ใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด เพื่อให้มีความคุ้มค่า ประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุด แก่ประชาชน ทั้งนี้ในการจัดทำคำขอรับงบประมาณ โดยให้เสนอขอรับงบประมาณเท่าที่จำเป็นเท่านั้นโดยให้ความสำคัญกับการลงทุนของภาครัฐ

ให้หน่วยรับงบประมาณที่มีเงิน มีรายได้มีเงินสะสมนำเงินดังกล่าวมาใช้ในการดำเนินโครงการภารกิจในความรับผิดชอบเป็นอย่างแรกรวมถึงพิจารณาแหล่งเงินอื่นๆในการนำมาใช้ในการดำเนินโครงการตามความเหมาะสมเช่นเงินกู้ ppp เพื่อลดเงินกู้ของประเทศ

ให้กระทรวงและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน รวมถึงให้พิจารณาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อจูงใจเอกชนและนักลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

ช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ไม่เพียงแค่เรื่องงบประมาณ แต่ยังต้องดำเนินการนึกถึงเป้าหมาย ด้วยความหวังที่ว่าข้าราชการทุกคนต้องร่วมกันเปลี่ยนแปลงงบประมาณให้เกิดประโยชน์ที่สุด เพื่อให้งบประมาณนั้นเป็นความหวัง สร้างโอกาสให้กับประชาชน เราต้องทำให้ประชาชนเชื่อว่าข้าราชการเกือบ 2 ล้านคน สามารถดูแลประชาชน 66 ล้านคนได้อย่างปลอดภัย และใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน เห็นปัญหาร่วมกัน และพร้อมที่จะปรับตัวเข้าสู่โลกที่ปรับตัวอย่างรวดเร็วไปพร้อมกัน แน่นอนว่าเรามีหน้าที่ในการดูแลประชาชนและสร้างความหวัง สร้างโอกาสให้กับประชาชน พร้อมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ปีนี้คงจะต้องทำงานกันมากหน่อย แต่เชื่อว่าความร่วมมือจากทุกฝ่ายจะสามารถผลักดันสิ่งที่เกิดกับประเทศชาติที่เรารัก เกิดต้องประโยชน์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรารัก และประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

กทม. 19 ก.ย.-คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผ่านมา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขอเรียนแจ้งความประสงค์ในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการที่ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรค ข้าพเจ้าได้รับเกียรติและประสบการณ์อันทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการสร้างโอกาสให้เยาวชนประสบความสำเร็จ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้จน แก้หลาก และแก้แล้ง อันช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่า “การศึกษา คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนและชาติ” จึงตั้งใจจะอุทิศเวลาและความรู้ ความสามารถทั้งหมดต่อจากนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มอบโอกาสและความไว้วางใจเสมอมา ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประสบความสำเร็จในภารกิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติสืบไป”.-315.-สำนักข่าวไทย