นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบปี 69 ย้ำใช้ทุกบาทให้คุ้มค่า

เมืองทองธานี 15 ม.ค.- นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบประมาณปี 69 เน้นการเติบโตทางประสิทธิผล ย้ำใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้คุ้มค่า หวัง ข้าราชการทุกคนร่วมกันเปลี่ยนแปลงงบประมาณให้เกิดประโยชน์ที่สุด กำชับ ไม่เพิ่มรายจ่ายประจำ


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2569 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำเหล่าทัพ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่ วันนี้มาพูดคุยกันอยากให้ทุกคนลองมารับฟังและพูดคุยกันดูว่าเราอยู่ในสถานการณ์อย่างไรบ้างของประเทศอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันอยู่ในเรื่องเดียวกันในการตั้งงบประมาณ จะได้เป็นไปใน ทิศทางเดียวกันบนพื้นฐานความเข้าใจเดียวกัน ทุกคนทราบอยู่ว่าประเทศเราเจอเรื่องท้าทายมากมาย มีความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในทุกมิติที่รัฐบาลอยากจะเร่งแก้ไข


การวางแผนงบประมาณเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก การวางแผนงบประมาณปี 69 ค่อนข้างที่จะมีอยู่จำกัดเราก็ต้องมาพูดคุยกันว่าเราอยู่ในสถานการณ์อย่างไรบ้างและจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้งบประมาณที่จะตั้งในปี 69 มีประสิทธิภาพมากที่สุดเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนมากที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอตั้งงบเป้าหมายการจัดทำปีงบประมาณ 69 ว่า “การเติบโตทางประสิทธิผล” เราจะต้องใช้งบอย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้นเป็นงบประมาณที่ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น คือ

  • 1.ไม่ลดสัดส่วนงบลงทุนและอุดหนุน เพื่อสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
  • 2.ไม่เพิ่มงบดำเนินงานเน้นเพิ่มประสิทธิผลแต่ไม่เพิ่มงบประมาณ
  • 3.ไม่เพิ่มอัตรากำลังเน้นพัฒนากำลังคนให้มีประสิทธิภาพและดูแลด้านสวัสดิการให้ทั่วถึงและเท่าเทียม

ปัญหาความท้าทายที่ประเทศไทยเจอทุกวันนี้เป็นปัญหาทั้งในและภายนอกทั้งเรื่องของภาวะโลกร้อนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำท่วมที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นบางพื้นที่ยังมีดินโคลนถล่มนั่นคือการเปลี่ยนแปลงของภาวะโลกร้อนทำให้เราต้องรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น


แต่สิ่งที่เรามีมากกว่านั้นคือศักยภาพของคนไทยที่มีอยู่ แต่หลายปีที่ผ่านมาเราไม่สามารถเติบโตได้เท่าศักยภาพที่เรามี รายได้ไม่ทันกับรายจ่ายทำให้เกิดปัญหาตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องครัวเรือน หรือหนี้ต่างๆ ขณะเดียวกันก็เจอปัญหาสภาพคล่องและการจ้างงาน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อมที่รอการแก้ไขอีกหลายเรื่อง ประเทศไทยและคนไทยมีศักยภาพอีกมากแต่บางทีคนที่เรียนเก่งโอกาสกลับไปไม่ถึง จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องผลักดันต่อคือการสร้างโอกาส กระจายความเท่าเทียมเป็นการกระจายสวัสดิการให้เข้าถึงทุกคน ทุกพื้นที่ การเติบโตด้านประสิทธิผลเป็นสิ่งจำเป็นที่จะแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศไทย ทำให้ประชาชนกลับมากินดีอยู่ดีอีกครั้ง สามารถแข่งขันกับทั่วโลกได้อย่างสง่างาม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอพูดถึงนโยบายที่เคยได้แถลงต่อรัฐสภาไปไม่ว่าจะเป็นการแก้หนี้ครัวเรือนทั้งระบบ ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมทั้งหมด เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ขยายโอกาส เช่น ซอฟโลนที่เข้ามาซัปพอร์ตเอสเอ็มอี ขณะเดียวกันก็ยังมีโครงการคุณสู้เราช่วยร่วมกับสถาบันการเงินในการลดค่างวดและดอกเบี้ยเป็นเวลา3 ปีโครงการเหล่านี้เป็นการสนับสนุนแก้ที่ครัวเรือนทั้งระบบ นอกจากนี้นโยบายเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต นอกจากเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังเป็นการเตรียมพร้อมเรื่องเทคโนโลยีให้กับประชาชนในอนาคต

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวประเทศไทยมีศักยภาพอยู่แล้ว ล่าสุดตนได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเกินกว่าช่วงโควิดแล้ว หากคิดภาพรวมของประเทศภายในปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะกลับมาก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิดแน่นอน ซึ่งต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฟรีวีซ่าตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬามีนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 12 มกราคม 2568 กว่า 1.3 ล้านคน มูลค่า 6 พันล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านล้านบาท

ส่วนนโยบายด้านการต่างประเทศ รัฐบาลพยายามสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในสัปดาห์หน้าตนเองจะเดินทางร่วมประชุม World Economic Forum 2025 ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งจะมีภาครัฐและภาคเอกชนจากทั่วโลกร่วมประชุม โดย เหตุผลสำคัญที่เริ่มประชุมในเดือนมกราคม เพราะเป็นการเซตเทรนของโลก ว่าปีนี้แต่ละประเทศทั่วโลกและรัฐบาลจะทำอะไร มุ่งเน้นไปทางไหน ซึ่งประเทศไทยของเราก็จะได้มีโอกาสย้ำจุดยืนของประเทศไทยว่ามีศักยภาพ พร้อมสำหรับการลงทุนดึงเม็ดเงินเข้า และเป็นเรื่องการต่างประเทศที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีเวทีสำหรับผู้นำที่รับตำแหน่งใหม่ จึงเป็นโอกาสในการแนะนำตัวและแสดงจุดยืนในเวทีนั้นว่าประเทศไทยมีความพร้อมแค่ไหน นับเป็นโอกาสที่ดี

ด้านการเกษตรเพราะจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกรให้ได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

เรื่องพลังงานถือว่าเป็นภาระหนักของประชาชนเพราะถือเป็นรายจ่าย เราจะต้องปรับโครงสร้างพลังงานและทำให้ค่าไฟให้ถูกและปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายพลังงานโดยตรงหรือไดเร็ค พีพีเอ

นายกรัฐมนตรียัง กล่าวถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐานว่าประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์อยู่แล้ว โดยต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคมการขนส่งของภูมิภาค เป็นโลจิสติกส์ฮับ ซึ่งจะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มของประเทศ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนาดใหญ่ รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน สาธารณะให้มีโครงข่ายที่ครอบคลุม

สำหรับนโยบายด้านสังคมและคุณภาพชีวิต รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะสร้างความเสมอภาคด้านเศรษฐกิจ สังคม งบประมาณ สามารถที่จะดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยล่าสุดรัฐบาลได้มอบสัญญาเช่าโฉนดที่ดินราชพัสดุให้กับประชาชน ที่จังหวัดนครสวรรค์ ได้มีที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ให้ประชาชนสามารถนำที่ดินตรงนี้ไปทำการเกษตรเพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอแชร์ที่นี่เป็นที่แรก ถ้าประชาชนดูอยู่

“อย่างตัวดิฉันเอง นายกรัฐมนตรี วันนี้ ก็โดน Call Center เช่นกัน Call Center ที่มา Advance มาก ไม่ใช่ธรรมดาเป็น Call Center ที่หลอกว่าเป็นผู้นำบางประเทศและมาบอกว่าดิฉันยังไม่ได้บริจาคบางอย่าง แต่ขอไม่เอ่ยชื่อจะเป็นเรื่องไม่ดี เป็นผู้นำ ประเทศใดประเทศหนึ่ง ส่งเสียงมาให้ดิฉันและเสียงนั้นคือเสียงของผู้นำประเทศนั้นเลย อันนี้ขอเตือนภัยพี่น้องประชาชน ดิฉันเองก็เกือบเชื่อเพราะเป็นเสียงของผู้นำจริงๆซึ่งเราได้ยินอยู่แล้วกด Play เป็นคลิปเสียงส่งมา Good Morning Prime Minister Thailand อะไรแบบนี้ ชวนคุยแล้วคุยสักพัก ก็พูดต่อว่าyou ยังไม่บริจาคเลย ก็ต้องช่วยกันดูว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อันนี้มาจากต่างประเทศเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนเจอจริงๆและการหลอกเริ่ม Advance ขึ้นเรื่อยๆ แยบยลมาก ดิฉันเกือบเชื่อไปแล้ว”

ขณะที่การดำเนินการนโยบายด้านการศึกษา รัฐบาลได้จัดโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนหรือ ODOS โดยการให้ทุนการศึกษากับเด็กอำเภอละหนึ่งคน ได้ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ หรือ คนที่อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถที่จะเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ ไม่หลุดออกจากระบบการศึกษา ทั้งนี้การที่รัฐบาลต้องการดึงการลงทุนเข้ามาในประเทศก็ต้องลงทุนเรื่องการพัฒนาคน เตรียมพร้อมล่วงหน้า เมื่อถึงโอกาสคนก็พร้อมที่จะรับโอกาสซึ่งเป็นภาพต่อเนื่องยาวที่จะต้องเพิ่มโอกาสนี้ให้ได้โดยเร็ว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงนโยบายซอฟพาวเวอร์ จะต้องมีการพัฒนา Up Skill – Re Skill ปรับตัวให้ทันกับโลกในศตวรรษที่ 21

ด้านที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย รัฐบาลได้สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิที่ดินเพิ่มขึ้นแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อน รวมถึงยังมีโครงการบ้านเพื่อคนไทย (PUBLIC HOUSING) โดยวันศุกร์ที่ 17 มกราคมนี้จะมีการเปิดบ้านตัวอย่างของโครงการเพื่อให้คนไทยได้เห็นภาพก่อนว่าสิ่งที่รัฐบาลจะทำมีหน้าตาอย่างไร หากถามว่าทำไมต้องมีบ้าน เพราะบางคนก็เช่าบ้านอยู่แล้ว แต่เหล่านั้นเขาไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ กว่าที่เด็กจบใหม่หรือกว่าที่แต่ละคนจะเก็บเงินซื้อบ้านได้ราคาบ้านก็ปรับเพิ่มหนีไปหมดแล้วทำให้ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของบ้าน โดยมองว่าคนไทยควรที่จะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมีที่อยู่เป็นของตัวเอง

ส่วนความมั่นคงของกองทัพ คือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารให้เป็นรูปแบบสมัครใจ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นโยบายด้านการบริหารรัฐกิจ การออกกฎระเบียบต่างๆ ว่า จะต้องแก้ปัญหาการผูกขาดยกเลิกกฎหมายและขั้นตอนที่ไม่จำเป็นเพื่อเอื้อต่อการประกอบธุรกิจหรือการดำเนินธุรกิจในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาบีโอไอได้เสนอกับกลุ่มนักลงทุนเรื่องการลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก ว่าเราสามารถลดทอนขั้นตอนเหล่านี้ลงได้

สำหรับประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญนิติธรรม รัฐบาลต้องการต่อต้านการคอรัปชั่นทุกรูปแบบ เร่งทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่านโยบายของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นระยะเร่งด่วน ระยะกลาง ระยะยาว ได้ถูกกำหนดไว้ในการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2569 ซึ่งครอบคลุมในทุกประเด็นเนื่องจากงบประมาณปี 2569 ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 3,780,600 ล้านบาท ที่เพิ่มจาก ปี 68 ไม่มากนัก ในขณะที่เรามีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการจัดสรรงบประมาณขอให้ทุกหน่วยพิจารณาปรับขึ้นเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และพยายามที่จะไม่สร้างรายจ่ายประจำให้เพิ่มขึ้น ไม่เช่นนั้นจะเป็นรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกปี และการที่จะปรับเปลี่ยนอะไรต้องใช้เวลาเมื่อมาถึงรอบปีเราต้องเจอรายจ่ายประจำอยู่แล้วจึงเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยต้องร่วมกันว่าจะลดรายจ่ายประจำได้อย่างไรบ้าง มีตรงไหนที่เข้ามาทดแทนได้บ้าง เมื่อตนเข้าไปดูตัวเลขในหน่วยต่างๆก็พบว่าแบกเอาไว้เยอะ ดังนั้นด้วยข้อจำกัดของงบประมาณต้องใช้โอกาสนี้ในการที่ได้พูดคุยกัน ร่วมมือกันว่าเมื่อเราทราบแล้วว่าประเทศเจอปัญหาอะไรบ้าง ในด้านต่างๆที่รัฐบาลมองว่า สิ่งที่จะต้องทำให้เป็นนโยบายหรือทำให้เกิดผลมีอะไรบ้าง
ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันสนับสนุนในเรื่องนี้ว่าต้องใช้งบประมาณให้คุ้มค่าที่สุด ให้เกิดประโยชน์ทุกบาท ทุกสตางค์กับประชาชนจริงๆ

นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำ ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมติของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 เรื่อง แผนการคลังระยะปานกลาง ปีงบประมาณ 2569-2572

โดยให้กระทรวงการคลังจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้เทียบเคียงกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับประเทศไทย เพื่อให้ภาครัฐมีงบประมาณที่เพียงพอในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ

พร้อมให้หน่วยรับงบประมาณ ใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด เพื่อให้มีความคุ้มค่า ประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุด แก่ประชาชน ทั้งนี้ในการจัดทำคำขอรับงบประมาณ โดยให้เสนอขอรับงบประมาณเท่าที่จำเป็นเท่านั้นโดยให้ความสำคัญกับการลงทุนของภาครัฐ

ให้หน่วยรับงบประมาณที่มีเงิน มีรายได้มีเงินสะสมนำเงินดังกล่าวมาใช้ในการดำเนินโครงการภารกิจในความรับผิดชอบเป็นอย่างแรกรวมถึงพิจารณาแหล่งเงินอื่นๆในการนำมาใช้ในการดำเนินโครงการตามความเหมาะสมเช่นเงินกู้ ppp เพื่อลดเงินกู้ของประเทศ

ให้กระทรวงและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน รวมถึงให้พิจารณาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อจูงใจเอกชนและนักลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

ช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ไม่เพียงแค่เรื่องงบประมาณ แต่ยังต้องดำเนินการนึกถึงเป้าหมาย ด้วยความหวังที่ว่าข้าราชการทุกคนต้องร่วมกันเปลี่ยนแปลงงบประมาณให้เกิดประโยชน์ที่สุด เพื่อให้งบประมาณนั้นเป็นความหวัง สร้างโอกาสให้กับประชาชน เราต้องทำให้ประชาชนเชื่อว่าข้าราชการเกือบ 2 ล้านคน สามารถดูแลประชาชน 66 ล้านคนได้อย่างปลอดภัย และใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน เห็นปัญหาร่วมกัน และพร้อมที่จะปรับตัวเข้าสู่โลกที่ปรับตัวอย่างรวดเร็วไปพร้อมกัน แน่นอนว่าเรามีหน้าที่ในการดูแลประชาชนและสร้างความหวัง สร้างโอกาสให้กับประชาชน พร้อมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ปีนี้คงจะต้องทำงานกันมากหน่อย แต่เชื่อว่าความร่วมมือจากทุกฝ่ายจะสามารถผลักดันสิ่งที่เกิดกับประเทศชาติที่เรารัก เกิดต้องประโยชน์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรารัก และประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]