รัฐสภารับหลักการร่างแก้ข้อบังคับประชุม

รัฐสภา 14 ม.ค.-รัฐสภารับหลักการร่างแก้ข้อบังคับประชุม เปิดช่องคนนอกนั่ง กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ด้าน “สว.พันธุ์ใหม่” โวยเสียงข้างน้อยถูก สว.เสียงข้างมาก รวบรัดตัดตอน เกือบชวดนั่งกรรมาธิการฯ

การประชุมร่วมรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณา ร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .ซึ่งนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน และคณะ เป็นผู้เสนอ เพื่อปรับปรุงเพิ่มเติมข้อบังคับการประชุมรัฐสภาให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยเสนอแก้ไขเปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนสามารถเข้ามาเป็นกรรมาธิการ ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภาในชั้นกรรมาธิการได้ เพื่อให้กระบวนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญมีความรอบคอบรอบด้านมากขึ้น รวมถึงให้ภาคประชาสังคมที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์การแก้รัฐธรรมนูญเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงเพิ่มการใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์สำหรับงานธุรการของรัฐสภา เพื่อลดการใช้กระดาษ พร้อมยกเลิกบทบัญญัติข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ไม่มีความจำเป็น ที่เกี่ยวกับหมวดการปฏิรูปประเทศ และหมวดที่เกี่ยวการเห็นชอบบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออกจากข้อบังคับการประชุม


อย่างไรก็ตาม การอภิปรายของ สส.และ สว.นั้น เป็นไปอย่างหลากหลาย เช่น นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เห็นว่า ตนเองสนับสนุนให้มีการรับหลักการ แม้ยังมีข้อถกเถียงในการตั้งบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาเป็นกรรมาธิการ เพื่อหาข้อสรุปทางกฎหมายในการปรับแก้ชั้นกรรมาธิการ เพราะตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ สามารถตั้งบุคคลภายนอกมาเป็นที่ปรึกษาของกรรมาธิการได้

นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา ยังติดใจในการแก้ไขคุณสมบัติของบุคคลที่จะเป็นกรรมาธิการ ซึ่งในร่างแก้ไขฯ นั้น ได้ตัดเกณฑ์ที่กรรมาธิการ จะต้องพ้นจากตำแหน่งในกรณีการขาดสมาชิกภาพแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกออก เท่ากับว่าจะให้คนที่ต้องคดี เข้ามาเป็นกรรมาธิการด้วย และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ ควรให้สมาชิกรัฐสภาดำรงตำแหน่ง แต่หากให้ผู้ที่ขาดสมาชิกภาพเป็นกรรมาธิการได้ ถือว่า เป็นการดูแคลนกันไป


ด้านนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขข้อบังคับข้อ ที่เปิดทางให้บุคคลภายนอก ที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาเข้ามาทำหน้าที่กรรมาธิการ และการกำหนดสัดส่วนให้ประชาชนผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าเป็นกรรมาธิการ จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมาธิการ ที่กำหนดให้มี 45 คน จึงถือว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่กำหนดว่า สส., สว.หรือสมมาชิกรัฐสภาเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย และการเสนอแก้ไขเช่นนี้ เท่ากับว่า จะตั้งใครก็ได้ใน 45 คน ไม่ต้องมีสมาชิกรัฐสภาแม้แต่คนเดียวก็ได้ จึงมองว่า ไม่เป็นเหตุที่สมควร อีกทั้งการเสนอให้มีตัวแทนประชาชนที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญนั้น ตนยังติดใจในกระบวนการคัดเลือกที่ต้องโปร่งใส ยุติธรรม ไม่ใช่ถูกเลือกเข้ามาเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง

ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เห็นว่า การกำหนดสิทธิให้ผู้แทนประชาชน ที่มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายเป็นกรรมาธิการจำนวน 1 ใน 3 หรือ 15 คนซึ่งเท่ากับจำนวน สว.หรืออาจจะมากกว่ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งเท่ากับไม่เชื่อว่า 2 สภาทำหน้าที่ได้ ไม่ไว้วางใจฝีมือสมาชิกรัฐสภาในการแก้กฎหมาย กลับเอาตัวแทนคนกลุ่มหนึ่ง ที่สถานปนาตัวเองเป็นผู้แทน หรือตั้งตัวเป็นตัวแทนเพื่อใช้สัดส่วนนี้ ตนคิดว่า การเปิดช่องแบบนี้ ตนไม่เห็นด้วย และเท่ากับว่า ระบบรัฐสภาล้มเหลว

ในที่สุดที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติเสียงข้างมาก 415 ต่อ 185 งดออกเสียง 3 เสียง รับหลักการร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา และเสนอตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาจำนวน 18 คน


อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ที่ประชุมรัฐสภา มีมติรับหลักการร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาแล้ว แต่ขั้นตอนการตั้งกรรมาธิการนั้น กลับเป็นไปด้วยความวุ่นวาย เนื่องจาก นายฤช แก้วลาย สมาชิกวุฒิสภา ได้เสนอตั้งกรรมาธิการ จำนวน 5 คน ได้แก่ นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ, นาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, พันตำรวจเอกกอบ อัจนากิตติ, นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ และนายสิทธิกร ธงยศ

แต่นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ ได้เสนอรายชื่อสวน 5 คน ได้แก่ นางสาวนันทนา นันทวโรภาส, นายประภาส ปิ่นตบแต่ง, นายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์, นายวีรยุทธ์ สร้อยทอง และนายสุนทร พฤกษพิพัฒน์

ทำให้ที่ประชุมต้องถกเถียงกันไม่สามารถตกลงกันได้ โดยนางสาวนันทนา ได้ลุกขึ้นประท้วง เพราะที่ผ่านมาวุฒิสภา ได้มีการรับรัดตัดตอน ไม่มีเสียงของสมาชิกวุฒิสภาเสียงข้างน้อยมาโดยตลอด เสียงข้างมากของวุฒิสภา ต้องการแต่งตั้งใคร ก็จะกำหนดขึ้นมา โดยไม่สนใจเสียงข้างน้อย ทั้งที่วุฒิสภา มาจากตัวแทนกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม แต่ไม่ให้ตัวแทนกลุ่มเข้ามาเป็นตัวแทน รวมถึงการปรับแก้ข้อบังคับครั้งนี้ ก็ไม่ยินยอมให้เสียงข้างน้อยเข้ามามีบทบาท จึงเป็นการรวบรัดตัดตอน ทำลายประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง จึงขอให้ประธานรัฐสภา รับฟังการเสนอชื่อของวุฒิสภาเสียงข้างน้อย พร้อมขอให้ได้รับรู้ว่า สภาไม่ใช่เสียงข้างมากลากไป จึงทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้สั่งพักการประชุม 30 นาที เพื่อให้วุฒิสภาไปหารือกันก่อน เพื่อจะได้เลี่ยงการลงมติตามข้อบังคับการประชุม

ทั้งนี้ ภายหลังกลับเข้าสู่การประชุม สมาชิกวุฒิสภา ได้ยอมเปลี่ยนชื่อกรรมาธิการใหม่ โดยนายฤช แก้วลาย สมาชิกวุฒิสภา ได้เสนอตั้งกรรมาธิการ จำนวน 5 คน ซึ่งเป็นรายชื่อชุดใหม่ ประกอบด้วย นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ, นาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, พันตำรวจเอกกอบ อัจนากิตติ, นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ และนายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์ โดยเพิ่มนายพรชัย เข้ามาทำหน้าที่แทนนายสิทธิกร.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย