ทำเนียบ 14 ม.ค.- “โรม” จี้ รัฐ เร่งหาเจ้าภาพ จัดการ OPPO และ Realme ติดตั้งแอปฯ กู้เงิน ลั่น เรื่องนี้บริษัทเอกชนต้องรับผิดชอบ เพราะแอปฯ มากับตัวเครื่อง ชี้ ควรใช้โอกาสนี้ตรวจสอบทุกยี่ห้อว่ามีพฤติกรรมคล้ายกันหรือไม่ เชื่อถ้าเป็นประเทศพัฒนาแล้วจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีสมาร์ทโฟนยี่ห้อ OPPO และ Realme ติดตั้งแอปพลิเคชันกู้เงิน มากับเครื่องโทรศัพท์ว่า เรื่องนี้มีสองส่วน ส่วนแรกคือความรับผิดชอบของบริษัทเอกชน บริษัทยี่ห้อมือถือทั้งสองแห่งเป็นบริษัทใหญ่ เหตุใดจึงปล่อยให้มีแอปพลิเคชันที่เข้าถึงข้อมูลของประชาชน และนำไปสู่การดูดเงิน ดูแล้วน่าจะเป็นสแกมอย่างหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่ภาครัฐจะต้องทำดังนี้ คือการถามหาความรับผิดชอบ เรื่องนี้จะต้องไม่จบด้วยความเงียบ ไม่ใช่แค่บอกว่าจากนี้จะไม่มีแอปดูดเงินแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะยังมีแอปอื่นอีกหรือไม่ และช่องโหว่หรือช่องว่างที่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น จะเป็นบทเรียนที่ทำให้ไม่เกิดปัญหาอย่างนี้ซ้ำอีกได้อย่างไร ดังนั้นภาครัฐจึงต้องไปจัดการกับบริษัทเอกชน และบริษัทเอกชนก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชน และหากสุดท้ายแล้วมีความไม่ปลอดภัยจริงๆ จะต้องมีคนที่รับผิดชอบ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนตัวของประชาชน
นอกจากนี้ต้องไปดูว่ามีประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อแอปพลิเคชันนี้แล้วหรือยัง หากมีเหยื่อเกิดขึ้นแล้ว บริษัทต้องรับผิดชอบ กับความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยภาครัฐต้องเป็นตัวกลาง
ส่วนที่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่า กระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเป็นเจ้าภาพดำเนินการเรื่องนี้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเข้าใจ เนื่องจากสองกระทรวงนี้เป็นคนละพรรครับผิดชอบ แต่ก็ต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งตนทราบว่านายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสภาผู้แทนราษฎร จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมาธิการด้วย ซึ่งก็น่าจะได้มีการพูดคุยกัน แต่ส่วนตัวเห็นว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้คณะกรรมาธิการเรียกประชุมแล้วค่อยมาพูดคุยกัน เพราะสามารถดำเนินการพูดคุยได้เลยว่าใครจะเป็นเจ้าภาพ พูดคุยกับผู้เสียหาย และบริษัทเอกชน ซึ่งอาจมีมากกว่ายี่ห้อ OPPO และ Realme เนื่องจากบริษัทใหญ่ของทั้งสองยี่ห้อน่าจะมีแบรนด์ย่อยอยู่ในเครือด้วย ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องกับแอปหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องประหลาด ที่บริษัทมือถือหลายยี่ห้อมีโฆษณายิงเข้ามาที่เครื่อง ทั้งที่ข้อมูลส่วนบุคคลของเราควรได้รับการปกป้อง จึงควรใช้โอกาสนี้ในการไปไล่ดูว่ายี่ห้ออื่นมีพฤติกรรมแบบเดียวกันนี้อีกหรือไม่
ส่วนที่ทางบริษัทอ้างว่า แอปพลิเคชันดังกล่าวติดตั้งมาตั้งแต่โรงงานผลิตซึ่งอยู่ต่างประเทศ จะทำให้การรับผิดชอบเป็นไปได้ยากหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่น่าใช่ การบอกว่าติดตั้งมาตั้งแต่โรงงาน ต้องถามว่าเป็นโรงงานของใคร และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในโทรศัพท์ (ROM) ตามหลักแล้วจะต้องมีการปกป้องความปลอดภัย ซึ่งแตกต่างจากกรณีแอปพลิเคชันที่โหลดมาจาก Google เพราะ ROM เป็นของตัวเครื่องเอง มีการจัดทำขึ้นมาแล้วขายให้กับประชาชน ซึ่งแอปพลิเคชันนี้ก็มากับตัวโทรศัพท์ แบบนี้ทางบริษัทต้องรับผิดชอบ โยนให้กับคนอื่นไม่ได้ เรื่องนี้ท้ายที่สุด จะต้องมีคนรับรับผิดชอบ ถ้าไม่ใช่เจ้าของค่ายโทรศัพท์จะเป็นใคร แม้ว่าตัวบริษัทจะอยู่ต่างประเทศ แต่เขาน่าจะมีตัวแทนในไทย เมื่อมาขายของในประเทศไทยก็ต้องสร้างความปลอดภัยให้กับประเทศไทย ไม่ฉะนั้นก็ต้องมีมาตรการออกมา
ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่อยากรีบเสนอมาตรการในตอนนี้ แต่ถ้าเป็นประเทศอื่นที่เจริญแล้ว ก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตนขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รัฐ รีบหาเจ้าภาพแล้วคุยกันให้รู้เรื่อง รีบจัดการหาผู้รับผิดชอบ เพื่อเป็นมาตรฐานไว้ ถ้าทำเรื่องนี้ได้ดี ก็จะเป็นเยี่ยงอย่างให้กับคนอื่นให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคล.-315 -สำนักข่าวไทย