รัฐสภา 9 ม.ค.- “มาริษ” ตอบกระทู้ บอก ไทยยังไม่ได้ทำอะไร ตามกรอบ MOU44 เพื่อเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา
ในการประชุมสภาฯ วาระกระทู้ถามทั่วไป นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกรทรวงการต่างประเทศ ตอบกระทู้ถามข้อพิพาทอ้างสิทธิในไหล่ทวีทับซ้อนบริเวณอ่าวไทยระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ตั้งถามโดยนายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคประชาชน โดยนายปิยรัฐ ตั้งคำถามถึงความคืบหน้าการดำเนินการและการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชาตามกรอบของเอ็มโอยู 2544 รวมถึงกรณีต่อการนำพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาใช้ระหว่างที่การเจรจาข้อพิพาทจะแล้วเสร็จ ที่พบว่าทั้งไทยและกัมพูชาพบการให้สัมปทานกับเอกชนไปแล้ว
นายมาริษ ชี้แจงว่ารัฐบาลไทยชุดปัจจุบันยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งตามกรอบเอ็มโอยู 2544 มีข้อกำหนดให้รัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายต้องเจรจาร่วมกัน ทั้งนี้รัฐบาลไทยมีกลไกของกรรมการร่วม แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งกรรมการดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา สำหรับข้อห่วงใยของ สส.ฝ่ายค้านนั้น ตนพร้อมรับฟัง อย่างไรก็ดีในปลายเดือน ม.ค. นี้ กระทรวงการต่างประเทศและกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันจัดเวทีสัมมนาเพื่อรับฟังความเห็นในประเด็นดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านั้นนายมาริษ ได้ตอบกระทู้ถามสดของนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรมที่ตั้งคำถามถึงนโยบายและกรอบการทำงานของไทยต่อความไม่สงบในประเทศเมียนมา ต่อการช่วยเหลือและสนับสนุนให้เมียนมาเกิดสันติภาพโดยเร็วเพราะประเทศไทยถือว่าเป็นมิตรประเทศใกล้เคียง ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกับทุกกลุ่ม ทั้งจากฝ่ายปกครองหรือฝ่ายต่อต้าน รวมถึงไม่สนับสนุนให้เกิดความรุนแรง ไม่ต้องการให้การสู้รบคงอยู่ในเมียนมาต่อไป อย่างไรก็ดีปัญหาของเมียนมานั้นจำเป็นต้องใช้การพูดคุยตามขั้นตอน
“สถานการณ์ของเมียนมามีขั้นตอนและความเปราะบางหลายจุด รวมถึงมีผู้เล่นที่เกี่ยวข้องมาก สถานการณ์ซับซ้อน เป้าหมายของไทยอยากให้เมียนมากลับมาสงบ มีเสถียรภาพประชาชนเมียนมามีความเป็นอยู่ที่ดี มีความก้าวหน้า โดยต้องดำเนินการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์กับคนทุกกลุ่มในเมียนมา” นายมาริษ กล่าว
รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงด้วยว่าสำหรับความขัดแย้งในเมียนมาเป็นเรื่องภายในประเทศ พวกเขาต้องหาทางออกของอนาคตกันเอง จึงจะยั่งยืนประเทศ โดยภายนอกไม่สามารถบีบบังคับให้เมียนมาเป็นไปตามที่ต้องการได้ ไทยตระหนักดีกว่าเมียนมาเป็นประเทศเพื่อนบ้าน จึงมีความปรารถนาหาแนวทางสนับสนุนให้ฝ่ายต่างๆ หันหน้าคุยกันตามกระบวนการของอาเซียน ให้เมียนมามีความปรองดอง และพัฒนาเศรฐกิจได้อีกครั้ง.-319 -สำนักข่าวไทย