รัฐสภา 6 ม.ค. – “หมอเปรม” แถลงค้านร่างแก้ รธน. ของพรรคประชาชน ยัน สว.ส่วนใหญ่ไม่หนุนแก้หมวด 1-2 หวั่นสร้างความแตกแยก ห่วงรีบร้อนมักส่งผลเสีย ขออย่ายึดไม่ทันเลือกตั้ง 70 เหตุยังไม่รู้รัฐบาลจะอยู่รอดปี 68 หรือไม่
นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. แถลงจุดยืนในการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (6) ของ สส.พรรคประชาชน เรื่องการออกเสียงรับหลักการวาระแรก และเสียงเห็นชอบในวาระสาม ซึ่งเดิมกําหนดให้ใช้เสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ แต่ร่างที่แก้ไขใหม่ได้เสนอให้ตัดเงื่อนไขที่ต้องใช้เสียงเห็นร่วมด้วยของ สว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ออกไป และเพิ่มเติมด้วยเสียงเห็นชอบจาก สส. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 แทน รวมถึงเรื่องการตัดเงื่อนไขการนําไปออกเสียงประชามติ ก่อนการทูลเกล้าฯ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในมาตรา 256 (8)
นายแพทย์ เปรมศักดิ์ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขในมาตรานี้ เพราะถือเป็นการตัดทอนอํานาจของ สว. ลงอย่างชัดเจน ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เรื่องอํานาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ที่บัญญัติให้ สว. มีหน้าที่และอํานาจกลั่นกรองกฎหมายที่ผ่านจากสภาผู้แทนราษฎร อาจเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งขึ้นระหว่างสองสภา และที่สำคัญรัฐธรรมนูญ มาตรา 156 (15) เดิมได้บัญญัติชัดเจนให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ต้องกระทําร่วมกันของรัฐสภา
นายแพทย์ เปรมศักดิ์ ย้ำว่า ไม่เห็นด้วยเพราะต้องไปแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางต่างๆ ตามรัฐธรมนูญ เรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่หรืออำนาจศาล หรือองค์กรอิสระ ดังนั้น จึงจะต้องไปแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งบัญญัติเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ เห็นควรว่าไม่ควรไปแตะต้องเลย เพราะจะสร้างความแตกแยกขึ้นในชาติบ้านเมือง
นายแพทย์ เปรมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า อยากให้เห็นความสำคัญของเรื่องปากท้องพี่น้องประชาชนก่อนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณี สว. ที่มีความเห็นต่างกันในการแก้ไข นายแพทย์ เปรมศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังเสียงส่วนใหญ่จากการเปิดประชุม สว. วันแรกของปี 2568 สว.ส่วนใหญ่ เห็นตรงกันที่จะไม่เห็นด้วยให้แตะหมวด 1 หมวด 2 ไม่ว่าจะถูกเสนอโดยพรรคการเมืองใดก็ตาม
“ถ้าพรรคเพื่อไทยเสนอแบบเดียวกับนายพริษฐ์ ของพรรคประชาชน ตนก็ไม่เห็นด้วย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนเสนอ ตนอยากจะฝากว่าการกระทำอะไรที่รีบร้อนมักส่งผลเสีย อย่างก่อนปีใหม่ที่บอกว่าทำบาปมา 1 ปีแล้วสวดมนต์ข้ามปี 1 คืนต้องมาขอโทษแล้วเกิดประโยชน์อะไรต่อบ้านเมือง ตนเห็นใจสมาชิกรัฐสภาที่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตรงกับความต้องการที่ตัวเองมีจุดยืน แต่ก็ต้องฟังจุดยืนของทุกส่วน เพราะสมาชิกวุฒิสภาก็เป็นสมาชิกรัฐสภาเช่นกัน” นายแพทย์ เปรมศักดิ์ กล่าว
นายแพทย์ เปรมศักดิ์ ย้ำว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับประชามติชั้นเดียวไม่ใช่ 2 ชั้น เพราะเศรษฐกิจมันแย่อยู่แล้ว การทำประชามติ 1 ครั้ง ต้องเสียเงิน 2 พันล้านบาท จึงไม่อยากให้เอาคำพูดที่ว่าจะไม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 มาเป็นหลัก เพราะเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้รัฐบาลจะอยู่รอดตลอดปี 2568 หรือไม่ยังไม่ทราบ.-319-สำนักข่าวไทย