ทำเนียบ 4 ม.ค. – รัฐบาลไทยแลนด์สู่ยุคดิจิทัล “UN” ขยับความสามารถการเป็นรัฐบาลดิจิทัลของไทยดีขึ้น ผงาดขึ้นอันดับ 2 ในอาเซียน พร้อมขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 52 จาก 193 ประเทศทั่วโลก รัฐบาลแพทองธารมั่นใจปี 70 ต้องได้อย่างน้อยอันดับ 40
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้รับรายงาน ผลจากความร่วมมือพัฒนาบริการดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ซึ่งได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ จนเกิดผลเป็นรูปธรรม ทำให้ดัชนีการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (EGDI) ปี 2024 ซึ่งจัดโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น โดยประเทศไทยได้ขยับขึ้นมาสู่อันดับที่ 52 จาก 193 ประเทศทั่วโลก และเป็นอันดับที่ 2 ในอาเซียน ถือเป็นการพัฒนาระบบดิจิทัลภาครัฐของไทยอย่างต่อเนื่องที่น่าภาคภูมิใจ
จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐ ได้ร่วมมือกันพัฒนาบริการดิจิทัลในรูปแบบใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นการสร้างแพลตฟอร์มกลางทางดิจิทัล หรือ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่รองรับการบริการประชาชนในทุกด้าน เช่น แอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งเป็นซูเปอร์แอปที่รวมบริการต่าง ๆ ของรัฐกว่า 153 บริการไว้อย่างครบครัน นอกจากนี้ การพัฒนาข้อมูลหลักของหน่วยงาน (Master Data) เป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่สนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการในระบบดิจิทัล ซึ่งหนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญในปีนี้คือ การพัฒนาดัชนีทุนมนุษย์ (Human Capital Index: HCI) ซึ่งไทยได้คะแนน 0.8032 ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 0.7879 ในปี 2565 นอกจากนี้ ดัชนีโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม (Telecommunication Infrastructure Index: TII) ก็มีความก้าวหน้ามาก โดยในปี 2567 ไทยได้คะแนน 0.941 เพิ่มขึ้นจากคะแนนเดิม ที่ 0.7338 ในปี 2565 นอกจากนี้ การให้บริการ (Service Provision) ยังมีคะแนนเพิ่มขึ้นจาก 0.6933 ในปี 2565 เป็น 0.6988 ในปี 2567 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ชัดเจนในการพัฒนาการให้บริการประชาชนผ่านระบบดิจิทัล
“จากความสำเร็จตามนโยบายของรัฐบาล สิ่งเหล่านี้เป็นก้าวสำคัญที่จะพาประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นหนึ่งในอันดับที่ 40 ของโลก ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล 2568–2570 ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาบริการดิจิทัลของภาครัฐให้ประชาชนได้ใช้บริการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย” นางสาวศศิกานต์ กล่าว.-314-สำนักข่าวไทย
