“ภูมิธรรม” รับทหารกังวลถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง

ทำเนียบ 31 ธ.ค.- “ภูมิธรรม” แจงเริ่มงานกลาโหม ยังไม่มีอะไรเด่น แต่พยายามแก้ปัญหาที่ค้างคา รับทหารกังวลถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง สั่งย้ายเพราะกลัวปฏิวัติ ชี้บางเรื่องพูดเปิดเผยไม่ได้ จ่อดันเพิ่ม “สัสดี ทร.-ทอ.” ร่วมเกณฑ์ทหาร


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเข้ามาทำงานในกระทรวงกลาโหม โดยยอมรับว่า ตอนที่เข้ามายังมีพื้นฐานความเข้าใจกองทัพไม่ลึกซึ้งเพียงพอ แต่เมื่อเขาไปแล้วก็ได้เรียนรู้ ซึ่งหัวใจสำคัญคือการทำความเข้าใจโครงสร้างปัญหาต่างๆ จะได้รู้ว่าแก้ปัญหาอย่างไร ถ้าจัดการได้ดีก็ไม่มีปัญหา เรามีหน้าที่ต้องรับภารกิจและแก้ปัญหา ซึ่งการเริ่มงานที่กระทรวงกลาโหมถือว่ายังไม่โดดเด่นอะไร แต่ก็พยายามจัดการ เพื่อให้มีองค์ประกอบที่สำคัญ ส่วนปัญหาค้างคาก็ต้องยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่คลี่คลายไปในทางที่อยากได้ แต่ต้องเริ่มต้นและทำความเข้าใจ ซึ่งตนมีศักยภาพและการบริหารจัดการ มีมนุษย์สัมพันธ์ และวิธีบริหารที่จะเข้าใจทุกคน ก็คิดว่ากองทัพที่ตนเคยมองมาตั้งแต่เป็นนักศึกษาจนถึงปัจจุบัน เราเห็นอีกด้านหนึ่ง แต่พอวันนี้ที่ได้เข้ามาก็เห็นอีกแบบ ซึ่งมายด์เซ็ทไม่ตรงกันหรืออาจมีปัญหาก็พยามปรับให้เข้ากัน ตนเชื่อว่าการได้พบกับผู้นำเหล่าทัพทั้งหมด ปลัดกลาโหม และรัฐมนตรีช่วยกลาโหม ซึ่งเป็นทหาร 100% เชื่อว่าสร้างความเชื่อมั่นต่อกันได้ หัวใจสำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่น ยอมรับที่จะคุยกัน เคารพกัน ตนเคารพ ผบ.เหล่าทัพ เพราะมีความตั้งใจเติบโตมาในสายงานที่เป็นอยู่และพยายามทำสิ่งต่างๆให้ดีที่สุด ส่วนตนเป็นฝ่ายนโยบาย เป็นนักการเมือง ในอดีตฝ่ายประจำหรือฝ่ายการเมืองมักมีอะไรขัดแย้งกันเสมอ แต่ที่เริ่มต้นตรงนี้ก็คุยกันไม่มีปัญหา ซึ่งทุกอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ทันทีหรือทีเดียว ต้องอาศัยเวลา

ส่วนการเกณฑ์ทหารด้วยความสบายใจได้เริ่มต้นไปมากแล้ว คิดว่าจะเกิดผลในปี 2568 ซึ่งตอนนี้ได้เริ่มรับสมัครทหารเกณฑ์ออนไลน์ แต่ต้องพิสูจน์พวกเขาเห็นว่ามาแล้วจะได้อะไร ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ ตนมอบให้ปลัดกลาโหม กับรองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันจัดทำหลักสูตรทหาร ให้สอดรับกับยุคสมัยที่จะเกิดขึ้น โดยมีคณะทำงานเกิดขึ้นแล้ว อีกทั้งถ้าใครเป็นทหารแบบสมัครใจ สามารถเลือกเหล่า หรือหน่วยได้ พร้อมกับมีการฝึกอาชีพ ขณะเดียวกัน จะมีการย้ายสัสดีทั้งหมด โดยจะให้มีสัดส่วนของ กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ด้วย เริ่มต้นอาจให้ำปร่วมเรียนรู้กับสัสดีที่เป็นทหารบกก่อน เพื่อเป็นกลุ่มตัวอย่าง


ส่วนการทำร้ายทรมานทหาร ไม่อยากให้มองว่าคนส่วนน้อยมาทำลายความน่าเชื่อถือและเกียรติภูมิของกองทัพ ซึ่งตนได้เสนอให้ประกาศชัดเจน ว่าถ้าใครทำมีปัญหา ซึ่งปีถัดไปจะเห็นการมีผลในทางปฏิบัติมากขึ้น

เมื่อถามว่า ช่วงที่มีกระแสแก้ไขร่าง พ.ร.บ.กลาโหม ปฏิกิริยาของทหารเป็นอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่เขาเป็นห่วง เช่น การห้ามปฏิวัติ

“ไม่ต้องห้ามหรอก เพราะรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดห้ามอยู่แล้ว ว่าทำไม่ได้ และเขาก็ไม่ได้คิดอยากจะทำ แต่ถ้าจะทำก็คงจำเป็นต้องทำ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ปัญหาคือต้องช่วยกันรอบด้านไม่ให้มีการปฏิวัติ เพราะเขาก็ไม่อยากทำเหมือนกัน” นายภูมิธรรม กล่าว


นายภูมิธรรม ยังบอกด้วยว่า ทหารยังรู้สึกกังวลใจและไม่เห็นด้วย กับการโยกย้ายทหาร เวลาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะถ้ารู้ว่าคนคนนี้จะเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ ซึ่งทหารบอกว่าผิดหลักเกณฑ์การบริหารจัดการกองทัพ กองทัพมีหน้าที่ในการปกป้องธิปไตยของชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชนและชีวิตของพวกเขาเอง ถ้าสั่งว่าต้องไปรบ ต้องไปยึดเนินนั้น แต่ลูกน้องบอกว่า ไม่ไป เพราะมันไกล การปฏิเสธผู้บังคับบัญชาแบบนี้ทำไม่ได้ มันจะเสียวินัยการจัดการกองทัพ เพราะไม่ว่าถูกหรือผิดคนสั่งการจะเป็นคนรับผิดชอบ นอกจากนี้ถ้าสามารถโยกย้ายได้ เมื่อรู้ว่าใครจะทำรัฐประหาร ทั้งที่ไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์มายืนยัน ก็เกรงว่าจะถูกเอามาเป็นเงื่อนไขในการกลั่นแกล้งการเมือง จึงขอว่าอย่าทำเลย ให้เป็นการพูดคุยกันมากกว่า

“จากที่ผมพูดคุยกับทหารหลายระดับ ก็เห็นคล้ายกัน เรื่องนี้เราคงต้องทบทวน ซึ่งในที่ประชุมกลั่นกรอง ที่ผมเป็นประธานอยู่ ก็ให้กลับไปกรองดูว่าถ้าจะรักษาความต้องการของทั้งสองฝ่าย จุดศูนย์กลางอยู่ตรงไหน หรือถ้าเรื่องนี้รับกันไม่ได้เลย ก็อาจยังไม่มีข้อสรุป ตอนนี้ก็มาดูว่าเรื่องไหนทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ให้บอกมา” นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนการกำหนดจำนวนบุคคลในสภากลาโหม ที่อยากมห้มีการลดสัดส่วนทหารนั้น นายภูมิธรรม บอกว่า ทหารมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ระดับผู้บัญชาการ ดูภาพรวมแต่ไม่ได้ลงลึกรายละเอียด จึงไม่เห็นด้วยถ้าจะไปลดให้เหลือ 1-2 คน เพราะสาระสำคัญคือการทำความเข้าใจให้ตรงกัน ปฎิบัติร่วมกันดีกว่า ซึ่งตนก็เห็นตามนั้น

“ผมได้เข้าประชุมสภากลาโหม มาประมาณ 3 ครั้ง ก็รู้ว่าทหารไม่ได้ชอบโหวต แต่ชอบคุยกันให้เข้าใจ ดังนั้นจะ 5 คน หรือ 3 คน ไม่สำคัญ อยู่ที่การพูดคุยหลักการเหตุผล ผมก็รับฟังได้ แม้กระทั่งการแต่งตั้ง ผบ.ทร. ครั้งที่แล้ว ให้โหวตอย่างไรก็ไม่โหวต แต่เห็นว่าควรเป็นการเห็นพ้องกัน” นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนการแต่งตั้งนายทหารผ่าน ครม. มองอย่างไรนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเห็นที่แตกต่าง ตนพูดไม่ได้ แต่ก็เคยมีกระบวนการแบบนี้มาก่อน และมีเหตุผลรองรับได้ แต่พูดยาก

“ผมสามารถทำให้เข้าใจ โดยไม่ใช่พูดที่สาธารณะ ซึ่งความเป็นจริงกระบวนการแต่งตั้งกองทัพเราก็ไม่อยากแทรกแซงอยู่แล้ว หรือแม้แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราก็เข้าไปมีบทบาทมากกว่าทหาร ซึ่งสิ่งสำคัญคือการวางระบบ เพื่อให้เกิดความพอดีของฝ่ายนโยบายและฝ่ายกองทัพให้พอเหมาะพอควร เรื่องนี้ละเอียดอ่อนแต่สามารถทำความเข้าใจกันได้ ถ้าคุยกันลึกแล้วอาจหาทางออกได้ โดยต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ก็ต้องบอกว่าหลายเรื่องยากจะพูด หลายเรื่องก็ชี้แจงได้ หลายเรื่องที่จำเป็นต้องบอกข้อเท็จจริงสาธารณะ ก็ตอบไม่ได้ เช่นเรื่องว้า เรื่อง 4 ลูกเรือประมงไทย ที่ชี้แจงได้ตามกรอบ เพราะหลายเรื่องยังเป็นการเจรจาและมันเกี่ยวพันกับเขตแดน ซึ่งเรื่องเขตแดนไม่ใช้วิธีการพูดต่อสาธารณะให้อีกฝ่ายรู้ แต่เป็นการเอาข้อเท็จจริงไปต่อรองกัน มันไม่ได้สำเร็จง่ายในโลกนี้ ทุกประเทศมีปัญหาเขตแดนทั้งนั้น ดังนั้นเมื่อมีปัญหาสิ่งที่ดีที่สุดคืออ้างสิทธิ์ของตัวเอง แล้วดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร โดยยึดถือกฎหมายระหว่างประเทศ หัวใจสำคัญคือการอดทนอดกลั้น แก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ให้เกิดการยอมรับทั้งหมด แต่ถ้ายังแก้ไม่ได้ก็ควรตกลงกันขั้นต้น เพื่อให้แต่ละส่วนไม่เสียประโยชน์ ขณะเดียวกันย้ำว่า รัฐบาลจะไม่เป็นศัตรูกับใคร ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ หรือ จีน เราต้องเลือกทางเดินที่เป็นประโยชน์ที่สุด” นายภูมิธรรม กล่าว.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย