“จิราพร” สั่ง สคบ.คุมเข้มกระเช้าของขวัญปีใหม่

ทำเนียบ 27 ธ.ค.-“จิราพร” รมต.ประจำสำนักนายกฯ สั่ง สคบ. คุมเข้มกระเช้าของขวัญปีใหม่ ต้องตรงปก สินค้าครบ ราคาชัด ตัดตอนผู้ประกอบการเอาเปรียบผู้บริโภค

นาวสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผู้ประกอบการร้านค้ามีการนำสินค้าจัดจำหน่ายในรูปแบบกระเช้าของขวัญให้ประชาชนเลือกซื้อเป็นของขวัญจำนวนมาก ซึ่งหลายครั้งมีการตรวจสอบพบสินค้าชำรุด หมดอายุ ราคาเกินควร หรืออาจไม่มีฉลากระบุรายละเอียดสินค้าชัดเจน สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้บริโภค ตนจึงได้สั่งการไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามการจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาล และขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ดำเนินการติดฉลากและราคาสินค้าให้ชัดเจน


โดยเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก สคบ. ได้เริ่มลงพื้นที่ตรวจสอบกระเช้าของขวัญปีใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบ โดยสินค้าที่ไม่ใช่อาหารซึ่งนำมาใส่ในกระเช้า จะต้องระบุชื่อประเภทหรือชนิดของสินค้าชัดเจน มีชื่อและสถานที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้สั่งหรือนำเข้าเพื่อขาย กรณีที่เป็นสินค้านำเข้า ต้องระบุประเทศที่ผลิต รวมถึงระบุขนาด ปริมาณ น้ำหนัก ให้ชัดเจน พร้อมทั้งมีวิธีใช้ ข้อแนะนำ คำเตือน แจ้งวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ และต้องมีการแสดงราคาสินค้าไว้ด้วย กรณีอาหารต้องดำเนินการตามที่ อย. กำหนด

”ดิฉันได้กำชับให้ สคบ. ตรวจสอบสินค้าประเภทกระเช้าของขวัญที่จำหน่ายในช่วงเทศกาลอย่างใกล้ชิด ป้องกันผู้ประกอบธุรกิจที่เอาเปรียบผู้บริโภค โดยนำสินค้าไม่ได้คุณภาพ สินค้าเก่าเก็บ สินค้าใกล้หมดอายุ ซึ่งหากผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถขอรับคำปรึกษาได้ทางสายด่วน 1166 หรือร้องทุกข์ผ่านทางแอปพลิเคชัน OCPB Connect หรือผ่านทางเว็บไซต์ ocpb.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นางสาวจิราพร กล่าว


สำหรับบทลงโทษผู้ประกอบธุรกิจที่ขายสินค้าประเภทกระเช้าของขวัญปีใหม่ “แสดงฉลากสินค้าไม่ถูกต้อง“ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคฯ ผู้ขายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นการกระทำของผู้ผลิตเพื่อขาย หรือสั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟเมียนมา

ตัดแขนขาเมียนมา ราคาน้ำมันพุ่ง-จำกัดการซื้อ

เข้าสู่วันที่ 3 สำหรับการตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมัน จากฝั่งแม่สอดของไทยไปเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำมันในฝั่งเมียวดี

หมายจับ สส.ปูอัด

“สส.ปูอัด” เงียบหาย หลังถูกออกหมายจับข่มขืนสาวไต้หวัน

“สส.ปูอัด” เงียบหาย ไม่รับสายสื่อ หลังถูกออกหมายจับข่มขืนสาวไต้หวัน ด้าน “เลขาสภาฯ” เผยเรื่องยังไม่ถึงสภา หากมาแล้วต้องบรรจุวาระขอสมาชิกให้อนุญาตดำเนินคดี

มือถือแตงโม

ดีเอสไอรับมอบมือถือแตงโม ส่งสถาบันนิติวิทย์ฯ ตรวจดีเอ็นเอ เช้านี้

โทรศัพท์มือถือ “แตงโม ภัทรธิดา” ถึงมือดีเอสไอ เก็บเข้าห้องมั่นคงลับสูงสุดตลอดคืน เช้านี้นำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าห้องแล็บตรวจหาหลักฐาน