นายกฯ ถึงนครศรีธรรมราช คาดไม่เกิน 20 ธ.ค. น้ำแห้งทั้งหมด

นครศรีธรรมราช 17 ธ.ค.-นายกฯ ถึงนครศรีธรรมราช ประชุม 5 ผู้ว่าฯ ภาคใต้ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เผยรัฐบาลจัดการได้เร็ว เงินเยียวยาถึงมือชาวบ้านไว ส่งกำลังใจบอกเหตุการณ์ใกล้ผ่านแล้ว ไม่เกิน 20 ธ.ค. น้ำแห้งทั้งหมด สั่งการเตรียมพร้อม “น้ำ-ไฟ” รับคนกลับบ้าน ด้าน “อนุทิน” โปรยคำหวาน บอกตั้งแต่เกิดสถานการณ์น้ำท่วม ได้รับการสนับสนุนจากนายกฯ อย่างดี ช่วยเหลือประชาชนไม่มีชะลอ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรสนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาตินครศรีธรรมราช ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช ในเวลา 13.20 น. โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสมชาย ลีหล้าน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอให้การต้อนรับ


โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ใช้รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน กอ 5817 นครศรีธรรมราช ไปยังศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช

จากนั้นในเวลา 14.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย และสั่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และมี 4 ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร พัทลุง และนราธิวาส เนื่องจากต้องอยู่ดูแลพื้นที่


นายอนุทิน กล่าวรายงานว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่นายกรัฐมนตรี กรุณาลงมาเยี่ยมเยียนพวกเราในสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ วันนี้นายกฯ ได้เรียกประชุมเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ทั้งหมด

ด้านนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ดีใจมากที่มีโอกาสได้มาที่จังหวัดนครศรีธรรมมราช และทราบว่า ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดจะต้องอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลพื้นที่ให้ดี ที่ผ่านมารัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด และได้รับรายงานโดยตรงจากหน่วยงานที่รับผิดชอบทุกหน่วย เพราะฉะนั้นถือว่าเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ทุกคนสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วมากๆ รัฐบาลได้ลงพื้นที่ทันทีตอนที่เกิดน้ำท่วมในช่วงแรก ถือว่าเป็นความช่วยเหลือที่เข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และได้รับรายงานอีกประมาณไม่เกินวันที่ 20 ธ.ค.นี้ น้ำน่าจะแห้งทั้งหมด เพราะวันนี้มีฝนตกแค่ในช่วงเช้า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่า ปัจจัย 4 ในการช่วยเหลือประชาชนเพียงพอ และสิ่งที่มีความสำคัญตั้งแต่ตอนที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือและภาคอีสาน รัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตของประชาชนเป็นสิ่งแรก ที่เราจะต้องรักษาและดูแลเรื่องนี้ให้ดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ปัจจัย 4 อาหาร ยารักษาโรค รองนายกฯ จัดการทั้งหมด และทุกกระทรวงส่งความช่วยเหลือเข้ามา ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนและทุกหน่วยงานที่ลงมาดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในการบริหารจัดการสถานการณ์ ระดมความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน เร่งแก้ไขสถานการณ์ให้กลับเป็นปกติ นอกจากนี้ เครื่องมือที่มีไม่เพียงพอ ทางกระทรวงมหาดไทยได้ประสานหน่วยงาน ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด


“ขอให้กำลังใจทุกคน เหตุการณ์ใกล้จะผ่านไปแล้ว และการเยียวยาถึงมือพี่น้องประชาชนแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเร็วและดีมากๆ กว่าตอนที่เราอนุมัติงบเยียวยาในภาคเหนือ ซึ่งขณะนี้เยียวยาไปได้แล้ว 99 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 1 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังต้องยืนยันตัวตน” นายกฯ กล่าว

จากนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตั้งแต่มีสถานการณ์น้ำท่วมที่ภาคเหนือ จนถึงภาคใต้ ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากนายกฯ โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในการคลายทุกข์บรรเทาทุกข์ โดยนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณฉุกเฉินในการช่วยเหลือประชาชนด้วยความรวดเร็ว และลงไปในพื้นที่ ถือเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน และการที่ได้ลงพื้นที่ ประชาชนอดทนและเข้าใจ รวมถึงซาบซึ้งที่รัฐบาลได้เร่งจัดการแก้ไข ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องอื่นมากไปกว่าการที่นายกฯ ได้เทคแอ็กชัน จนกระทั่งสถานการณ์ได้เลื่อนลงมาจากภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ซึ่งในภาคใต้จะประสบปัญหาเรื่องการไหลหลากของน้ำ รวมถึงดินโคลนถล่ม หากน้ำระบายได้ สถานการณ์น้ำจะกลับคืนสู่ปกติโดยเร็วที่สุด แต่สิ่งสำคัญที่สุด นายกฯ ไม่ได้ชะลอเรื่องการช่วยเหลือประชาชน โดยได้ติดตามสถานการณ์ระหว่างเยือนมาเลเซีย ตนในฐานะผู้บัญชาการสถานการณ์ ขอขอบคุณนายกฯ

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการที่ประชุมว่า เข้าใจประชาชน เวลาที่ต้องรอมันยาวนาน รัฐบาลจึงเร่ง และนี่เป็นสิ่งที่อย่างน้อยรัฐบาลได้ช่วยสนับสนุน เพราะเมื่อเกิดสถานการณ์แล้วได้มีการอนุมัติงบลงไปก็เกิดความอุ่นใจ และไม่ต้องไปรอลุ้นว่า เมื่อได้รับผลกระทบแล้วจะได้รับเงินเยียวยาเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้ก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ ครม.ด้วย และขอบคุณทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ มูลนิธิ จิตอาสาต่างๆ เพราะเวลาเกิดสถานการณ์น้ำท่วมไม่ว่าที่ไหนก็ตาม เมื่อเราระดมความช่วยเหลือจะสามารถลดทอนสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และได้เห็นน้ำใจของคนไทยยามยาก

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำว่าชีวิตของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร ยา สถานที่พักพิง หรือศูนย์พักพิง ขอให้ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ให้รู้สึกสบายกายและสบายใจ เพราะการที่เขาย้ายออกมาจากบ้านตัวเอง ก็มีความลำบากอยู่แล้ว จึงขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด เมื่อเหตุการณ์บรรเทาลงแล้วก็จะได้กลับบ้าน และมีแรงในการซ่อมแซมบ้าน หากติดขัด รองนายกฯ อยู่หน้างาน สามารถประสานงานกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้ หากขาดเหลืออะไร ก็ขอให้บอกมา

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนพื้นที่เสี่ยงภัย การแจ้งเตือนภัยขอให้ชัดเจนและทั่วถึง โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี สงขลา ตรัง สตูล และยะลา เรื่องการแจ้งเตือนขอให้ทั่วถึงชัดเจน และอย่างที่คาดการณ์กันไว้ว่า ในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ สถานการณ์จะดีขึ้น ก็ขอให้ระดมความช่วยเหลือทั้งน้ำและไฟ ขอให้กลับมาโดยเร็วที่สุด อะไรที่สามารถทำล่วงหน้าได้ก็ให้ทำเผื่อไว้ เมื่อน้ำไปแล้ว ทุกอย่างจะได้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ขอให้วิกฤตินี้ผ่านไปโดยเร็วที่สุด.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตรวจสอบบ้านลักลอบทำประทัดไล่นก บึ้มกลางชุมชน

สุพรรณบุรี 31 ก.ค. – จากเหตุบ้านที่ลักลอบทำประทัดไล่นก เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต วันนี้ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ยืนยันว่าที่เกิดเหตุไม่ใช่โรงงาน แต่เป็นที่ลักลอบทำ ที่น่าตกใจคือหลังเกิดเหตุชาวบ้านโดยรอบบอกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านดังกล่าวลักลอบทำประทัดไล่นก จี้หน่วยงานตรวจสอบ กลัวว่าอาจจะมีบ้านที่ลักลอบทำอีก.-สำนักข่าวไทย

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์

ศรีสะเกษ 31 ก.ค. – ที่จังหวัดศรีสะเกษ มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จากการโจมตีของกัมพูชา ที่วัดมหาพุทธาราม หรือวัดพระโต พระอารามหลวง จ.ศรีษะเกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และวางพวงมาลาพระราชทาน แก่ประชาชน รวม 7 คน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้เสียชีวิต 6 คน เป็นประชาชนเสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ และอีก 1 คนเสียชีวิตจากระเบิดลงบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี พร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิต และมีพิธีการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมทุกคืน ถึงวันที่ 2 ส.ค.นี้ ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ 3 สิงหาคมนี้ ด้านนายคมสันต์ […]

พบโดรนปริศนาหลายพื้นที่ คาดเป็นโดรนจารกรรม

บุรีรัมย์ 31 ก.ค. – แม้จะมีประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ในหลายพื้นที่ยังตรวจพบโดรนปริศนาขึ้นบิน เบื้องต้นคาดเป็นโดรนสอดแนม ขณะที่วิทยุการบินฯ วอนประชาชนร่วมมือ หากฝ่าฝืนจะใช้มาตรการทางทหารจัดการทันที เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. คืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยา จุด อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ใช้โทรศัพท์บันทึกภาพโดรนที่บินเหนือ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ไว้ได้ และยังพบว่ามีโดรนบินเหนือบ้านตะโก, บ้านยายคำ, ตลาดตาเป๊กและบ้านเจริญสุข รวมทั้งหมด 4 แห่ง บินวนเวียนประมาณ 5 นาที จึงพยายามตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ ก่อนจะพบรถตู้ยี่ห้อฮุนไดสีดำจอดอยู่ เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของโดรน เมื่อเข้าไปสอบถามคนในรถตู้ ที่เปิดกระจกลงมาพูดคุย เห็นภายในรถตู้มีคนประมาณ 3-4 คน มีอุปกรณ์คล้ายเครื่องควบคุมอะไรบางอย่างอยู่ในรถ จึงสอบถามว่าจะไปที่ไหน ได้รับคำตอบว่าจะไปสระแก้ว หลังจากนั้นรถตู้ได้ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะพยายามขับรถไล่ตามแต่ตามไม่ทัน เชื่อว่าเป็นโดรนของกัมพูชามาบินสอดแนมอย่างแน่นอน ส่วนที่ อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรวจพบโดรนปริศนาหลายสิบลำ บินว่อนเหนือพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล คือ ตำบลสายตะกู ตำบลจันทบเพชร […]

ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนรับฟังข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 31 ก.ค.- ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนร่วมหารือและรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริง อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังตั้งทีมเฝ้าติดตามหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (31 ก.ค.68) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ร่วมหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท.กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานในการหารือ การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการจัดตั้ง Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team (Interim ASEAN DAs Monitoring Team) ในการปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์หยุดยิง (Ceasefire) ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งการหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิง ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของฝ่ายทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team (AMIT) ในอนาคต […]