จับตา ป.ป.ช. ทำคดี จนท.รัฐเอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14

รัฐสภา 17 ธ.ค.- “โรม” จับตา ป.ป.ช. ทำคดี จนท.รัฐเอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14 ชี้ ถ้าปล่อยให้ดำมืดแบบนี้ หน่วยงานที่ตรวจสอบจะโดนตั้งคำถามเป็นหน่วยงานแรก มองหากทำให้กระจ่าง ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเต็มกรอบ บอกข้อมูลเริ่มโผล่ขึ้นเรื่อยๆ ลั่น “ทักษิณ” แย่ง “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ เชื่อทำเครดิตทางการเมือง “เพื่อไทย” เสีย


นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับพิจารณาคดีเจ้าที่รัฐเอื้อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ถ้า ป.ป.ช. มาเป็นองค์คณะไต่สวน ก็หวังว่าเรื่องนี้จะมีคำตอบต่อสังคมโดยเร็ว ตนคิดว่ามาถึงวันนี้ ทั้งอากัปกิริยาและการให้ความร่วมมือของหน่วยงานรัฐในหลายอย่างค่อนข้างชัดเจนว่ากรณีชั้น 14 ไม่ปกติ คนที่ติดตามข่าวการเมืองมาจะทราบว่า เรื่องที่เข้าสู่การพิจารณาของกรรมาธิการถ้าเรื่องไหนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันภายในส่วนราชการ เจ้าหน้าที่จะให้ความร่วมมือ แต่ทำไมเรื่องชั้น 14 จะพบว่าเอกสารและข้อมูลหลายอย่างมีความยาก เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ มีบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนอยู่ แต่วันนี้สังคมอาจจะเดาไปได้ต่างๆนานา รู้กันอยู่แล้วว่ามีประมาณไหน อย่างไร แต่สุดท้าย สิ่งที่ยังขาดอยู่ในช่วงที่ผ่านมาคือการที่จะเอาความจริงทั้งหมดมาเปิดเผย และการระบุว่าใครเกี่ยวข้องอย่างไร มีความผิดตรงไหน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อาจจะยังไม่ปรากฎออกมาชัดเจนมากนัก

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่า ป.ป.ช. มีอำนาจมากกว่า กมธ.ต่างๆเยอะ ถ้าสมมติมีความชัดเจนตรงนี้ ตนคิดว่า ก็คงจะสร้างความกระจ่างได้ ตนในฐานะที่ติดตามเรื่องนี้ ก็รอดูว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไร ตนยืนยันว่าบรรดาข้าราชการทั้งหลายที่เป็นข้าราชการน้ำดี ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ใครก็ตามที่มีข้อมูล ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ สามารถส่งมาที่ตนได้เราก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ต่อไป และข้อมูลไหนที่เป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ตนก็ยินดีที่จะมอบข้อมูลเหล่านี้ให้ ป.ป.ช.ต่อ เพราะมีหลายเรื่องที่เราส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปให้แล้ว


เมื่อถามว่าการที่ ป.ป.ช.นำขึ้นมาพิจารณาช่วงนี้ มีนัยยะอะไรหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากรณีนายทักษิณ มีคนร้องเรียนและมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ มีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ และข้อมูลทางการแพทย์ก็มากขึ้นเช่นกัน รวมไปถึงการให้ความร่วมมือของส่วนราชการที่มีพิรุธด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เชื่อว่า มีส่วนที่ทำให้หน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบจำเป็นต้องทำอะไร เพราะถ้าเรื่องของนายทักษิณไม่มีความกระจ่างอะไร มันยังดำมืดอยู่แบบนี้ต่อไป หน่วยงานที่ถูกตั้งคำถามหน่วยงานแรก คือหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบ

เมื่อถามว่ามีข้อกังวลถึงกรอบระยะเวลาการพิจารณาของ ป.ป.ช. หรือไม่ เนื่องจากคดีหนึ่งจะใช้เวลาหลายปี นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ร้องไปยัง ป.ป.ช.หลายเรื่อง ตนทราบดีว่าการดำเนินการของ ป.ป.ช. ค่อนข้างใช้เวลา แต่หากเป็นเรื่องของพรรคประชาชนหรือพรรคก้าวไกลก็อาจจะเร็ว ซึ่งในเรื่องนี้ ป.ป.ช. มีกรอบเวลาตามอำนาจหน้าที่ แต่เมื่อ ป.ป.ช. เป็นองค์คณะต้องติดตามเรื่องกรอบเวลาทำงานที่ใช้จะมากเท่าเดิมหรือไม่ และมีเหตุผลอะไร และหากเรื่องนี้กระจ่างแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาเต็มกรอบเวลา ตนเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้โดยเร็ว หากมีหลักฐานทั้งหมด โดยประเด็นที่ต้องวินิจฉัยคือ นายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ การที่ถูกส่งไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลกระบวนการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อยู่โรงพยาบาลจนครบ 180 วันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเมื่ออยู่จนครบได้รับการพักโทษการประเมินต่างๆ เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่

เมื่อถามว่าคดีที่ ป.ป.ช.นี้ จะกลายเป็นชะนักติดหลัง เพื่อถือไพ่ทางการเมืองของผู้มีอำนาจหรือไม่นายรังสิมันต์ ระบุว่า ตนเริ่มไม่แน่ใจใครมีอำนาจบ้าง และต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และมีโอกาสหลายอย่างที่จะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติและการบริหารประเทศ ซึ่งเรื่องความไม่สง่างามกรณีนายทักษิณ ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เพราะรัฐบาลจะต้องมีเครดิตทางการเมือง แต่เมื่อเจอกรณีนายทักษิณ เครดิตทางการเมืองก็ถูกทำลายไป


“คุณทักษิณแย่งคุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ คุณทักษิณแสดงบทบาทความเป็นนายกรัฐมนตรี จนราวกับว่าคุณอุ๊งอิ๊งเป็นอะไร ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อผนวกรวมกันกับกรณีเรื่องชั้น 14 เครดิตของรัฐบาลหายไปเยอะ ทำให้รัฐบาลที่จะผลักดันในวาระต่างๆ ที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ ก็ยิ่งแย่ลงตามลำดับ ยังไม่นับว่ามีนโยบายหลายอย่างที่รัฐบาลอาจจะไม่สามารถทำให้เกิดตามที่สัญญาเอาไว้กับประชาชนได้ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำลายเครดิตของรัฐบาล ผมคิดว่าต้องยอมรับว่าวิกฤตทางการเมืองที่จะมีเกิดขึ้นต่อไปในคราวนี้ มันอาจจะมีองค์ประกอบอื่น แต่องค์ประกอบไม่น้อย ก่อโดยพรรคเพื่อไทยเอง” นายรังสิมันต์ กล่าว .-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“มทภ.2” ชี้เขมรไว้ใจไม่ได้-ชายแดนยัง 50-50 หากปะทะพร้อมสู้

วปอ. 19 ส.ค.- “แม่ทัพภาค 2” ลั่นกลางวง วปอ. เหตุชายแดนยัง 50-50 ชี้ ‘เขมร’ ไว้ใจไม่ได้ หากปะทะพร้อมสู้ เตรียมคุย ‘อาร์บีซี’ ปลาย ส.ค.นี้ หวังคุยกันเข้าใจ ยึดผลประโยชน์ชาติ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังพิธีมอบความช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตย จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รู้สึกชื่นชมและดีใจที่ประเทศชาติเราเป็นอย่างนี้ คนไทยไม่ทิ้งกัน เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1,000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ลูกหลานทหารพยายามทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ การสูญเสียพวกเราป้องกันอย่างเข้มงวดทุกระดับชั้น แต่การเข้าตีบางอย่างเราเป็นฝ่ายรุกอาจมีเหตุที่พวกเราบาดเจ็บบ้าง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหารทุกนายที่ได้รับผลกระทบ การปฏิบัติด้านยุทธการครั้งนี้ พระองค์ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณสิ่งของที่มอบให้ในวันนี้ จะนำไปใช้กับน้องๆ ที่อยู่หน้าแนวตามวัตถุประสงค์ ที่ทุกท่านได้มอบให้โดยด่วน ซึ่งบางครั้งงบประมาณราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก รัฐบาล ได้มอบให้เพียงพอ แต่บางรายการนั้นเร่งด่วน รอการจัดหาตามช่วงเวลาไม่ทัน […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ตั้งกรรมการสอบปมหนังสือต้อนรับ “เดชอิศม์”

สงขลา 19 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหนังสือราชการมีลายเซ็นผู้ว่าฯ ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก “เดชอิศม์” ขีดเส้นแล้วเสร็จใน 30 วัน นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกคำสั่งจังหวัดสงขลา เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อโซเชียลมีการเผยแพร่ภาพหนังสือราชการที่มีลายเซ็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวกนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเดินทางมาราชการในพื้นที่ จนก่อให้เกิดความเสียหาย มีการตั้งข้อสังเกตวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสื่อมเสีย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดสงขลา คณะกรรมการดังกล่าวมีนายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานกรรมการฯ ให้ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ก่อนรายงานผล พร้อมเสนอความเห็นต่อผู้สั่งแต่งตั้ง เพื่อพิจารณาสั่งการ และหากปรากฏมีการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กมหาดไทย 25 ตำแหน่ง

ทำเนียบ 19 ส.ค. – ครม.เห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” อธิบดี พช. นั่งพ่อเมืองปากน้ำ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 ส.ค. 68) กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เช่น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ยกเว้นนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป -สำนักข่าวไทย