“ทักษิณ” บอกพรรคร่วมต้องสนองนโยบายรัฐบาล

หัวหิน 13 ธ.ค.- “ทักษิณ” สวมบทวิทยากร​ ร่ายการเมืองกลางวงสัมมนาเพื่อไทย บอกพรรคร่วมต้องสนองนโยบายรัฐบาล​ ซัดบางพรรคแอบหนี​ หลัง​ พ.ร.ก.​pillar 2 เข้า​ครม.​ ลั่น ถ้าไม่อยากอยู่​ ก็ส่งใบลาออกมา ระบุ ตนไม่หมูแล้ว เตรียมเช็กบิล กลุ่มนักร้อง​ ชี้​ ช่อง ​” สรรพากร-ปปง.” สอบ​ สงสัยคนไม่มีอาชีพ แต่มีฐานะดี​ เมีย​ 3 ลูก​ 5 แถมส่งเรียนเมืองนอก​


นายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายก​รัฐมนตรี​ สวมบทวิทยากร ขึ้นเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณที่มีโพเทียมให้เกาะ​ เพราะว่า​คนอายุ 75 ปี แล้ว​ นึกว่าจะต้องยืนพูดแบบนายเศรษฐา คงจะไม่ไหว ตนเคยนั่งอยู่ข้างล่าง ฟัง​ น.ส.แพทองธาร​ พูดบนเวทีสมัยตอนที่เรียนมัธยม และวันนี้เราเป็นผู้ปกครองก็สงสัยว่าทำไมวันนี้ลูกเราพูดเก่งขึ้น ดีใจที่ได้มาพูดคุยเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้งกับพรรคเพื่อไทย หลังจากที่เรา ไม่ค่อยได้พูดคุยกันตัวเป็นๆ มานาน วันนี้ก็ได้กลับมาเมืองไทย คิดว่า คงจะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้ไม่มากก็น้อย เพราะว่า​ เวลาก็เหลืออีกไม่นาน​ 75 ปีแล้ว คงเหลืออีกสัก 40 ปี ตนเป็นคนคิดบวก เป็นคนชอบพูดเล่น อย่าไปแปลกใจ ซึ่งตนบอกตลอดเวลาว่าขอเวลาอีก 40 ปี จะไปเจรจากับพระเจ้าในประเทศไทย ตนหายไป 17 ปี ยังไงขอเวลาคืนอีก 17 ปีแล้วกัน

นายทักษิณ​ กล่าวว่า​ วันนี้หัวข้อการสัมมนาก็ชัดเจนว่าเราต้องการเพิ่มศักยภาพของสส.พรรคเพื่อไทย นักการเมืองพรรคเพื่อไทย ก็เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราในปัจจุบัน ในฐานะที่ตนผ่านมาหมดแล้วเห็นมาหมดแล้วทุกอย่างและเห็นวันนี้ก็เห็นแล้ว หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจ ก็จะได้มาเล่าให้ฟัง การเป็นนักการเมือง ที่ต้องสามารถขึ้นมาพูดได้ทุกเวลา เราจะต้องเติมข้อมูลข่าวสารตลอดเวลา ติดตามเรื่องราวความเป็นไปของบ้านเมืองเราของประเทศเรา ถ้าเราติดตามตลอดเราก็จะสามารถหากมีอะไรก็จะพูดได้ตลอดบางทีบางคนพูดไม่ออกเพราะไม่ได้ตามประเด็น​ ดังนั้น สมัยตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี​ ตนชอบอ่านหนังสือทุกอาทิตย์ การพัฒนาโลกไปทางไหนมาสรุปให้​ครม.ฟังเพื่อให้​ ครม.ได้อัปเดตตัวเอง


นายทักษิณ​ กล่าวถึงประเด็นการเมือง​ ​ว่า​ เมื่อ 2 วันก่อนมีพระราชกำหนด​ เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ปรากฏ​ มีพรรคร่วมบางพรรคหลบ ป่วย อย่างนี้ ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกันสิ วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่าถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้ รัฐมนตรีค่อยๆหลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา​

นายทักษิณ​ กล่าวต่อว่า​ วันนี้พรรคร่วมรัฐบาล ส่วนใหญ่เคยอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ไทยรักไทย เคยร่วมรัฐบาลกันมาก็เยอะ เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ควรจะดี แต่บางทีบางครั้งบางคน​ ก็ตื่นเต้น ตื่นเต้นกับคนมาร้อง คนจะมาเดินขบวน

“บังเอิญว่าเมื่อก่อนผมไปนครปฐม หมูมันเปลี่ยนเสียงเรียก มันเรียกผมพี่พี่ แต่เมื่อคืนก่อนผมไปนครปฐมอีกที หมูมันไม่เปลี่ยนเสียงเรียกแล้ว มันไม่เรียกพี่แล้ว มันอู๊ดๆเหมือนเดิม แสดงว่าผมไม่หมูแล้วนะ ขนาดหมูมันยังรู้ว่าผมไม่หมูแล้ว เพราะฉะนั้นไอ้คนที่ร้องผม ร้องพรรค​ ร้องไม่สำเร็จ​ ก็เตรียมถูกเช็กบิลด้วยละกันนะ “


นายทักษิณ​ กล่าวต่อว่า​ ประเทศไทยแปลกอย่างหนึ่ง​ คน​ไม่มีอาชีพ​กลับมีความเป็นอยู่ดี​ มีฐานะดี​ ดีกว่าคนมีอาชีพ แสดงให้เห็นว่า​ คนไทยไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากเอามือไปซุกหีบ​ หาเรื่องก็ปิดปาก ตนว่า​มันไม่ถูก​ เรากำลังส่งเสริมอาชีพที่ผิด ก่อนจะออกตัวว่า​ ตนไม่ได้พูดให้ใครได้ยินแต่ถ้า​ ปปง.​ สรรพากร​ ได้ยิน​ก็ไปตรวจสอบเอง​ เพราะบางคนเมีย​ 3 ลูก 5 ไม่ได้ทำอาชีพอะไร เลี้ยงได้อย่างไร บางคนส่งรูปไปเรียนต่างประเทศมหาวิทยาลัยแพงๆ​ เอาเงินที่ไหนไปส่ง​ เมื่ออาชีพไม่มี ดังนั้น​ ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องตรงไปตรงมา​ ผิดคือผิดถูกคือถูก พอได้แล้ว เพราะปัญหาเมื่อร้องไปร้องมา​ ทำให้ความไม่เชื่อมั่นในประเทศไทยสูง​ อย่างตอนที่ร้องตนองค์กรระหว่างประเทศก็มาถามว่ากังวลไหม ตนก็บอกว่าไม่ได้วิตกอะไร​ เพราะเชื่อว่าองค์กรอิสระ​ จะทำหน้าที่ได้อย่างดี เพียงแต่ไปเปิดช่องให้ใครก็ไม่รู้ร้อง​ได้ทุกคน​ มันควรให้ผู้เสียหายหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องร้องได้เท่านั้น ตอนนี้องค์กรไม่เกี่ยวข้องก็ไปทำงานแบบเฮงซวยก็มี บางคนถูกไล่ออกจากงานตั้งแต่ไอทีวี​ ก็มาหาเรื่องตน​ ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องอะไร​เลย​ เพราะคนไทยเจ้าคิดเจ้าแค้น​ อย่างตน 17 ปี​ มีคนเล่นงาน​ไม่รู้เท่าไร​ ยังเฉยๆ​ ยกหูหาบอกจบนะ​ แต่เมื่อไม่จบก็แตะกันคนละที​ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย แต่ถ้าจบก็ต้องจบ แต่ถ้าไม่จบก็ไม่เห็นเป็นอะไร​ ตนเป็นคน อ๊อฟเฟอร์ก่อนว่าจบ แต่ดันไม่จบ ก็ไม่เห็นต้องจบ​ ก็แค่นั้น​ ไม่อยากเสียเวลายาว​ เสียมา 17 ปีพอแล้ว​

นายทักษิณ​ กล่าวต่อว่า​ พรรครวมรัฐบาล​ เราต้องทำงานด้วยกันแบบร่วมกันจริงๆตรงไปตรงมา​ มีอะไรไม่พอใจให้พูดคุยกัน​ เราปรับได้​ แต่สิ่งไหนที่เป็นนโยบายรัฐบาล​ต้องทำ​ เพราะเราสนับสนุนกันร่วมมาแล้ว​

“ไม่ใช่ได้ตำแหน่งแล้ว​ ไม่เอาแล้ว ทั้งนี้​ กระบวนการทางประชาธิปไตยง่ายจะตาย​ มีหลาย option จึงอยากส่งสัญญาณให้รู้ว่า​ วันนั้นไม่สวยเลย​ ที่มีการหลบหาย​ เมื่อ​ พ.ร.ก. เข้า และ พ.ร.ก. มันคือมาตรการ​ pillar2 ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์การเก็บภาษี​ OECD ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการเก็บภาษีในไทย​ ดังนั้น​ ไม่ดีเลย​ ลูกผู้ชายมาด้วยกันก็ไปด้วยกัน จึงอยากฝากทุกพรรคทำงานร่วมกันง่ายมากคือการตรงไปตรงมา”

นายทักษิณ​ ยังกล่าวต่อด้วยว่า วันนี้ตนไม่ได้ครอบงำนะ​ แต่ตนมากกว่าที่ถูกลูกสาวครอบงำ ใครมีครอบครัวจะรู้ว่าพ่อกับลูกสาวคนเล็กเขาแพ้ทางกัน ตนถูกใช้​ ให้พ่อไปทำนั่นนี่ให้หน่อย เงินเดือนเดือนละ 700 ต้องหารำไพ่เป็นผู้ช่วยหาเสียง ได้วันละ 300 กว่าบาท แต่ช่วงนี้งานชุกอาจได้หลายตังค์ ก่อนจะถามว่า​ ศรีสะเกษ​ ก็เตรียมจ้างตนได้นะ เชียงใหม่​ มีตังค์หรือเปล่า เมื่อถึงหน้า​ อบจ.ทีก็จะรวยหน่อย

ทั้งนี้​ ในช่วงท้าย​ สส.ศรีสะเกษ​ ได้ลุกขึ้นถามนายทักษิณ​ เรื่องราคาหอมแดง​ นายทักษิณ​ จึงพูดติดตลกว่า ถ้าจะให้ราคาหอมแดงขึ้น​ เดี๋ยวส่งรัฐมนตรีแดงไป​ และจะไปทวงราคาหอมแดงให้และ​ทวงเก้าอี้นายก​ อบจ.ศรีสะเกษให้ด้วย

จากนั้น​ นายก่อแก้ว​ พิกุลทอง​ สส.พรรคเพื่อไทย​ ได้ถามว่าที่พูดว่าเมีย 3 ลูก 5 ใช่เพื่อนเก่าตนหรือไม่​ นายทักษิณ​ จึงบอกว่า​ ให้ถามคนข้างๆนายก่อแก้ว ซึ่งขณะนั้น นายณัฐวุฒิ​ ใสยเกื้อ​ นั่งอยู่ข้างๆ​

ก่อนจบการสัมมนา​ นายทักษิณ​ กล่าวว่า​ ทุกคนในพรรครัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย​ ไม่ค่อยตอบข้อสงสัย เวลาถูกกล่าวหา วันนี้เราก็อยากจะขอให้พวกเราช่วยกัน ตอบอย่างเป็นระบบทั้งในสภาและนอกสภา​ ต้องมีการตอบและอธิบายโดยเฉพาะรัฐมนตรี และอันหนึ่งที่ตนอยากแนะนำหัวหน้าพรรค​ คืออยากให้ในพรรค แบ่งกลุ่มความสนใจ​ใครสนใจกระทรวงไหน ก็ศึกษาเรื่องราวของกระทรวงนั้นๆ และเวลามีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงไหน กลุ่มนี้ก็ควรจะตอบ ต้องฝึกงานไว้อีกหน่อยได้เป็นรัฐมนตรี ถ้าไม่ฝึกไว้ตอนนี้ อีกหลายรัฐธรรมนูญก็จะทำอะไรไม่เป็น ดูสิไม่มีใคร อาสาเป็นรัฐมนตรีคมนาคมเลยต้องเป็นนายสุริยะ

หลังเสร็จสิ้นการสัมมนา​ ผู้สื่อข่าวได้ตามไปถามนายทักษิณ​ เรื่องของ​ พ.ร.ก.ที่​ ครม.แล้ว​พรรคร่วมแอบหนีออกไป คือ​ พรรคการเมืองใด​ แต่นายทักษิณ​ ไม่ตอบ แต่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า บางพรรคการเมืองกลัวเรื่องภาษี แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องภาษีในประเทศ แต่เป็นภาษีต่างประเทศ ซึ่งคนไม่รู้ พอพูดว่าเป็นภาษีก็รีบชิ่งหนี​ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าเป็นพรรคการเมืองใด​ นายทักษิณ​ ไม่ตอบแล้วได้แต่ยิ้ม​

เมื่อถามว่าคิดอย่างไร​ เมื่อพรรคเพื่อไทยคิดและพรรคร่วมสกัด​ นานทักษิณ​ กล่าวว่า​ มันเป็นงาน Routine แล้ว​ เขาขี้กลัว ไม่มีอะไรหรอก .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]