“เศรษฐา” ยก “แพทองธาร” เหมาะสมเป็นนายกฯ ที่สุดเวลานี้

หัวหิน 13 ธ.ค.- “เศรษฐา” บอก “แพทองธาร” เป็นนายกฯ ที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ แม้แต่ “แบงก์ชาติ” ยังร่วมมือดี มองผ่านมา 3 เดือน ตั้งไข่ได้อย่างสมบูรณ์ ขอ สส.ทุกคนช่วยซัพพอร์ต ยันไม่หนีไปไหนหัวใจ “เพื่อไทย” 100% ลั่น “ทักษิณ” กลับมาแล้ว ช่วยคิดนโยบาย มั่นใจเป็นสถาบันการเมืองที่แข็งแกร่งที่สุด


นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนาของพรรคเพื่อไทยที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้ โครงการเสริมสร้างศักยภาพสส.และบุคคลทางการเมือง ว่า วันนี้ตนขอรีแคปตอนที่ตนเป็นสมาชิกใหม่ ๆ ของพรรคเพื่อไทยได้รับการต้อนรับจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี ตนเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยความยินดี และสบายใจ และก่อนที่จะตอบรับมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย การตัดสินใจนั้นลังเลพอสมควร ซึ่งได้คุยกับหลายคน และคนสุดท้ายที่ได้คุย คือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แต่ที่กลัวมากที่สุดคือ เรื่องของการปราศรัย แต่นายณัฐวุฒิก็ได้ให้คำแนะนำว่า ขึ้นเวทีแล้วโบกมือยิ้ม ๆ ก็พอ และเวทีแรกที่จังหวัดพิจิตรก็ขาสั่น แต่ตอนนี้ก็พัฒนามาเรื่อย ๆ ซึ่งขณะนั้นนายกฯ แพทองธารก็ท้องอยู่ ซึ่งได้มีการพูดคุย และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และมีหลายช่วงที่ระหว่างการหาเสียงที่ นายกฯ แพทองธาร รู้สึกหายใจไม่ออก ซึ่งตนไม่เคยท้อง ก็รู้สึกแพนิกไปด้วย และเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ที่ขอเรียกว่า เป็นความกดดันที่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องใช้ความเสียสละ และความทุ่มเทไม่น้อย และระหว่างที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับนายกฯ แพทองธาร ในฐานะของหัวหน้าพรรค ขอความร่วมมือช่วยให้กำลังใจ และช่วยประสาน และพูดคุยกับ สส.ในพรรค ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งมาเป็นนายก แล้ว ทำให้รู้ว่าหลายเรื่องไม่ง่าย เพราะเรามีแค่ 141 จาก 500 เสียง แม้หลายเรื่องจะเกิดขึ้นช้า แต่เชื่อว่าเราได้พัฒนา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความตั้งใจจริงของรัฐบาล

วันนี้ตนดีใจที่ได้รับการซัพพอร์ตจากทุกคน จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่ง และวันแรกที่พ้นจากตำแหน่ง ตื่นเช้ามา ก็รู้สึกงง ๆ นิดหน่อยว่าจะไปไหนดี แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ไหลลื่นไปตามที่ตนเองจะต้องทำ โดยได้เชิญรัฐมนตรีหลายคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะส่วนของพรรคเพื่อไทย มาพูดคุยเพื่อส่งมอบงาน หลังจากนั้นตนได้เดินทางไปต่างประเทศ


นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ตนเข้าใจว่าสื่อมวลชนหลายสำนักอยากพูดคุยด้วย และแม้ตนจะรักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง และซัพพอร์ตกันมาโดยตลอด แต่ตนคิดว่า เมื่อพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว ได้นายกฯ คนใหม่มาแล้ว แม้รัฐมนตรียังเป็นหน้าเก่า แต่สไตล์การทำงาน หลักการคิด และนโยบายที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามนายกฯ คนใหม่ ก็ต้องให้เกียรตินายกฯ คนใหม่ การที่ตนจะมาพูดหรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหรือให้คำแนะนำตนก็มองว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่ระยะเวลา3 เดือนที่ผ่านมา ตนเชื่อว่า นายกฯได้ตั้งไข่อย่างสมบูรณ์ และได้รับการซัพพอร์ตอย่างดีพอสมควรจาก สส.ทุกคน และนำพารัฐบาลที่มีพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งต้องยอมรับว่า เหนื่อยพอสมควร แต่เชื่อว่า ก็สามารถบริหารจัดการได้ดีพอสมควร วันนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน ที่ต้องช่วยเหลือกัน ช่วยปกป้อง เพราะช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่า มีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลของเรา ซึ่งตนอยู่ตรงนี้ตนก็ทราบดีว่ารัฐมนตรีทำงานอย่างเต็มที่ และตัวนายกฯ ก็เสียสละทำอย่างงานเต็มที่ ตนถือว่า ช่วงเวลานี้คือ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่พวกเราต้องช่วยกันซัพพอร์ตนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว หรือการพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ถึงนโยบายที่ดีที่นายกฯ ได้ทำอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อวานนี้ก็ได้มีการแถลง และยังมีนโยบายอีกมากมายที่ตามมา

ขณะที่แบงก์ชาติเองก็ ให้ความร่วมมือที่ดี และดีกว่าตอนสมัยที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ สส.ในห้องถึงกับหัวเราะ ก่อนที่นายเศรษฐาจะกล่าวต่อว่า เพราะนายกรัฐมนตรีเก่งกว่าตนเยอะ และเรื่องเหล่านี้เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันถือว่า มีความเหมาะสมที่สุด ที่จะอยู่ตรงนี้ และสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการซัพพอร์ตจาก สส.ทุกคน แต่แน่นอนว่า 141 เสียงจาก 500 เสียงเป็นเรื่องที่ล่อแหลมมาก แต่เราทำได้เยอะขนาดนี้คือว่านายกเก่งมากแล้ว แต่หลายเรื่อง ที่เรายังได้รับความร่วมมือมากขึ้น เราได้มา 141 เสียง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสบายใจ เพราะตำแหน่งก็มีน้อย จึงต้องมีการสลับสับเปลี่ยน หมุนเวียนกันไป และตนเชื่อว่ากรรมการบริการพรรคก็ดูแลสมาชิก และสส.เป็นอย่างดี จึงขอให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้กับนายกฯ แพทองธาร

นายเศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า ตนเคยยกตัวอย่างว่า มีบ้านอยู่หนึ่งหลัง ที่มีสนามหญ้าเขียวกว่าบ้านเรา ก็อยากอยู่บ้านหลังนั้น แต่เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ภายใต้หญ้าสีเขียวนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ แต่ตนเชื่อภายใต้บ้านหลังนี้ แม้จะมีหลุม มีบ่อ แต่เราจะมาช่วยกันอุด มาช่วยกันปิด สร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรง ให้น่าอยู่ขึ้น ตนในฐานะคนนอกที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ 2 ปีเต็ม ตนมั่นใจว่า นี่เป็นสถาบันการเมืองพรรคที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย ดูได้จากการที่เราขึ้นรถไฟมาด้วยกัน สมาชิกทุกท่านมากันหมด มีความสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะ ตนเชื่อว่า ไม่มีพรรคเหมือน แม้ตนไม่เคยอยู่พรรคอื่น แต่ตนก็กล้าพูด และวันนี้นายกฯ ทักษิณก็กลับมาแล้ว มาช่วยเราคิดเรื่องของนโยบาย และคนรุ่นใหม่ก็เติบโตขึ้น ส่วนตนเองของหัวใจเพื่อไทย 100% ย้ำหน้าที่ชัดเจนวันนี้คือ ซัพพอร์ตนายกแพทองธาร ไม่ไปไหน.-316 -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย

23 มิ.ย.- ‘ปลัดฯ บุญสงค์’ รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดระยะเวลาการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย ขณะที่ล่าสุดแจ้งขอกลับเพิ่ม 9 ราย วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ รับและพบปะพูดคุยให้กำลังใจแรงงานไทยซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท Chemo Aharon Ltd. จำนวน 22 ราย ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม สัญญาจ้าง 2 ปี และเป็นกลุ่มแรงงานที่สิ้นสุดโปรเจคระยะสั้น จึงเดินทางกลับประเทศไทย โดย ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีกำหนดเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด โดยทางบริษัท […]

กองทัพสั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ชายแดนไทย-กัมพูชา

23 มิ.ย.- “กองทัพ” สั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยกเว้นช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม-นักเรียน วันที่ 23 มิ.ย.68 เวลา 19.10 น. กองทัพภาคที่ 1 ได้เผยแพร่คำสั่งกองทัพภาคที่ 1 เรื่องควบคุมการเปิด – ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท ลงนามโดย พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สำหรับเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยปัจจุบัน ปรากฏข่าวสารทหารกัมพูชามีการรุกลํ้าอธิปไตยในพื้นที่ของประเทศไทยโดยการลาดตระเวน ปรับปรุงที่มั่น และดัดแปลงภูมิประเทศ รวมถึงมีการนำประชาชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ความปลอดภัยของประชาชนตามแนชายแดนได้รับความเดือดร้อน และเกิดความตึงเครียด จากสถานการณ์ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ที่เดินทางข้ามแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 รวมถึงยังปรากฎการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ Call Center และ Hybrid Scamซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในประเทศ และในภูมิภาคเป็นวงกว้าง กองทัพภาคที่ 1ในฐานะที่เป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่แนวชายแดนไทย – […]

นายกฯ ขีดเส้น 3 เดือนเห็นผล แก้อาชญากรรมข้ามชาติ

ทำเนียบ 23 มิ.ย.- นายกฯ นำแถลงไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ สั่งตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้มการเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดนักพนันบินไปเสียมราฐ จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้านทหาร-ตำรวจ จับมือ ปปง. คว่ำบาตรขบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือนสถิติแจ้งความต้องลดลง ไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมอาสาเป็นเจ้าภาพร่วมมือนานาชาติ ขณะ “นายกฯ” สั่ง ตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้ม การเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดบินเล่นพนัน – จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้าน ทหารตำรวจ จับ มือ ปปง.คว่ำบาตร กระบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือน เห็นผล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ […]

ผบ.ตร.ยันเอาผิด “ฮุน เซน” ได้หรือไม่ขึ้นกับพยานหลักฐาน

23 มิ.ย. – ผบ.ตร. ระบุสอบสวนปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” อาจเชิญนายกฯ ไทย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีเอาผิด “ฮุน เซน” ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทย ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้นำของประเทศกัมพูชา ตนเองเชื่อว่าทั้งหมดมีความรักชาติ รักแผ่นดิน จึงมีการนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่า 2 กรณีเป็นคนละเหตุการณ์ และเกิดในพื้นที่แตกต่างกัน ย้ำตำรวจไม่หนักใจ และได้สั่งการให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจเพื่อนำมาเสนอกลับให้ตนเอง การที่มีหลักฐานต่างๆ ยิ่งเป็นเรื่องดี เพื่อยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร ส่วนจะมีการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวถึง อย่างสมเด็จฮุน เซน ด้วยหรือไม่นั้น การจะเอาผิดได้หรือไม่อยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถเอาผิดผู้นำประเทศกัมพูชา ได้หรือไม่ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง […]