“เศรษฐา” ยก “แพทองธาร” เหมาะสมเป็นนายกฯ ที่สุดเวลานี้

หัวหิน 13 ธ.ค.- “เศรษฐา” บอก “แพทองธาร” เป็นนายกฯ ที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ แม้แต่ “แบงก์ชาติ” ยังร่วมมือดี มองผ่านมา 3 เดือน ตั้งไข่ได้อย่างสมบูรณ์ ขอ สส.ทุกคนช่วยซัพพอร์ต ยันไม่หนีไปไหนหัวใจ “เพื่อไทย” 100% ลั่น “ทักษิณ” กลับมาแล้ว ช่วยคิดนโยบาย มั่นใจเป็นสถาบันการเมืองที่แข็งแกร่งที่สุด


นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนาของพรรคเพื่อไทยที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้ โครงการเสริมสร้างศักยภาพสส.และบุคคลทางการเมือง ว่า วันนี้ตนขอรีแคปตอนที่ตนเป็นสมาชิกใหม่ ๆ ของพรรคเพื่อไทยได้รับการต้อนรับจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี ตนเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยความยินดี และสบายใจ และก่อนที่จะตอบรับมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย การตัดสินใจนั้นลังเลพอสมควร ซึ่งได้คุยกับหลายคน และคนสุดท้ายที่ได้คุย คือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แต่ที่กลัวมากที่สุดคือ เรื่องของการปราศรัย แต่นายณัฐวุฒิก็ได้ให้คำแนะนำว่า ขึ้นเวทีแล้วโบกมือยิ้ม ๆ ก็พอ และเวทีแรกที่จังหวัดพิจิตรก็ขาสั่น แต่ตอนนี้ก็พัฒนามาเรื่อย ๆ ซึ่งขณะนั้นนายกฯ แพทองธารก็ท้องอยู่ ซึ่งได้มีการพูดคุย และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และมีหลายช่วงที่ระหว่างการหาเสียงที่ นายกฯ แพทองธาร รู้สึกหายใจไม่ออก ซึ่งตนไม่เคยท้อง ก็รู้สึกแพนิกไปด้วย และเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ที่ขอเรียกว่า เป็นความกดดันที่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องใช้ความเสียสละ และความทุ่มเทไม่น้อย และระหว่างที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับนายกฯ แพทองธาร ในฐานะของหัวหน้าพรรค ขอความร่วมมือช่วยให้กำลังใจ และช่วยประสาน และพูดคุยกับ สส.ในพรรค ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งมาเป็นนายก แล้ว ทำให้รู้ว่าหลายเรื่องไม่ง่าย เพราะเรามีแค่ 141 จาก 500 เสียง แม้หลายเรื่องจะเกิดขึ้นช้า แต่เชื่อว่าเราได้พัฒนา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความตั้งใจจริงของรัฐบาล

วันนี้ตนดีใจที่ได้รับการซัพพอร์ตจากทุกคน จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่ง และวันแรกที่พ้นจากตำแหน่ง ตื่นเช้ามา ก็รู้สึกงง ๆ นิดหน่อยว่าจะไปไหนดี แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ไหลลื่นไปตามที่ตนเองจะต้องทำ โดยได้เชิญรัฐมนตรีหลายคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะส่วนของพรรคเพื่อไทย มาพูดคุยเพื่อส่งมอบงาน หลังจากนั้นตนได้เดินทางไปต่างประเทศ


นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ตนเข้าใจว่าสื่อมวลชนหลายสำนักอยากพูดคุยด้วย และแม้ตนจะรักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง และซัพพอร์ตกันมาโดยตลอด แต่ตนคิดว่า เมื่อพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว ได้นายกฯ คนใหม่มาแล้ว แม้รัฐมนตรียังเป็นหน้าเก่า แต่สไตล์การทำงาน หลักการคิด และนโยบายที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามนายกฯ คนใหม่ ก็ต้องให้เกียรตินายกฯ คนใหม่ การที่ตนจะมาพูดหรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหรือให้คำแนะนำตนก็มองว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่ระยะเวลา3 เดือนที่ผ่านมา ตนเชื่อว่า นายกฯได้ตั้งไข่อย่างสมบูรณ์ และได้รับการซัพพอร์ตอย่างดีพอสมควรจาก สส.ทุกคน และนำพารัฐบาลที่มีพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งต้องยอมรับว่า เหนื่อยพอสมควร แต่เชื่อว่า ก็สามารถบริหารจัดการได้ดีพอสมควร วันนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน ที่ต้องช่วยเหลือกัน ช่วยปกป้อง เพราะช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่า มีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลของเรา ซึ่งตนอยู่ตรงนี้ตนก็ทราบดีว่ารัฐมนตรีทำงานอย่างเต็มที่ และตัวนายกฯ ก็เสียสละทำอย่างงานเต็มที่ ตนถือว่า ช่วงเวลานี้คือ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่พวกเราต้องช่วยกันซัพพอร์ตนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว หรือการพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ถึงนโยบายที่ดีที่นายกฯ ได้ทำอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อวานนี้ก็ได้มีการแถลง และยังมีนโยบายอีกมากมายที่ตามมา

ขณะที่แบงก์ชาติเองก็ ให้ความร่วมมือที่ดี และดีกว่าตอนสมัยที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ สส.ในห้องถึงกับหัวเราะ ก่อนที่นายเศรษฐาจะกล่าวต่อว่า เพราะนายกรัฐมนตรีเก่งกว่าตนเยอะ และเรื่องเหล่านี้เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันถือว่า มีความเหมาะสมที่สุด ที่จะอยู่ตรงนี้ และสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการซัพพอร์ตจาก สส.ทุกคน แต่แน่นอนว่า 141 เสียงจาก 500 เสียงเป็นเรื่องที่ล่อแหลมมาก แต่เราทำได้เยอะขนาดนี้คือว่านายกเก่งมากแล้ว แต่หลายเรื่อง ที่เรายังได้รับความร่วมมือมากขึ้น เราได้มา 141 เสียง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสบายใจ เพราะตำแหน่งก็มีน้อย จึงต้องมีการสลับสับเปลี่ยน หมุนเวียนกันไป และตนเชื่อว่ากรรมการบริการพรรคก็ดูแลสมาชิก และสส.เป็นอย่างดี จึงขอให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้กับนายกฯ แพทองธาร

นายเศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า ตนเคยยกตัวอย่างว่า มีบ้านอยู่หนึ่งหลัง ที่มีสนามหญ้าเขียวกว่าบ้านเรา ก็อยากอยู่บ้านหลังนั้น แต่เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ภายใต้หญ้าสีเขียวนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ แต่ตนเชื่อภายใต้บ้านหลังนี้ แม้จะมีหลุม มีบ่อ แต่เราจะมาช่วยกันอุด มาช่วยกันปิด สร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรง ให้น่าอยู่ขึ้น ตนในฐานะคนนอกที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ 2 ปีเต็ม ตนมั่นใจว่า นี่เป็นสถาบันการเมืองพรรคที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย ดูได้จากการที่เราขึ้นรถไฟมาด้วยกัน สมาชิกทุกท่านมากันหมด มีความสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะ ตนเชื่อว่า ไม่มีพรรคเหมือน แม้ตนไม่เคยอยู่พรรคอื่น แต่ตนก็กล้าพูด และวันนี้นายกฯ ทักษิณก็กลับมาแล้ว มาช่วยเราคิดเรื่องของนโยบาย และคนรุ่นใหม่ก็เติบโตขึ้น ส่วนตนเองของหัวใจเพื่อไทย 100% ย้ำหน้าที่ชัดเจนวันนี้คือ ซัพพอร์ตนายกแพทองธาร ไม่ไปไหน.-316 -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]