“เศรษฐา” ยก “แพทองธาร” เหมาะสมเป็นนายกฯ ที่สุดเวลานี้

หัวหิน 13 ธ.ค.- “เศรษฐา” บอก “แพทองธาร” เป็นนายกฯ ที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ แม้แต่ “แบงก์ชาติ” ยังร่วมมือดี มองผ่านมา 3 เดือน ตั้งไข่ได้อย่างสมบูรณ์ ขอ สส.ทุกคนช่วยซัพพอร์ต ยันไม่หนีไปไหนหัวใจ “เพื่อไทย” 100% ลั่น “ทักษิณ” กลับมาแล้ว ช่วยคิดนโยบาย มั่นใจเป็นสถาบันการเมืองที่แข็งแกร่งที่สุด


นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนาของพรรคเพื่อไทยที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้ โครงการเสริมสร้างศักยภาพสส.และบุคคลทางการเมือง ว่า วันนี้ตนขอรีแคปตอนที่ตนเป็นสมาชิกใหม่ ๆ ของพรรคเพื่อไทยได้รับการต้อนรับจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี ตนเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยความยินดี และสบายใจ และก่อนที่จะตอบรับมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย การตัดสินใจนั้นลังเลพอสมควร ซึ่งได้คุยกับหลายคน และคนสุดท้ายที่ได้คุย คือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แต่ที่กลัวมากที่สุดคือ เรื่องของการปราศรัย แต่นายณัฐวุฒิก็ได้ให้คำแนะนำว่า ขึ้นเวทีแล้วโบกมือยิ้ม ๆ ก็พอ และเวทีแรกที่จังหวัดพิจิตรก็ขาสั่น แต่ตอนนี้ก็พัฒนามาเรื่อย ๆ ซึ่งขณะนั้นนายกฯ แพทองธารก็ท้องอยู่ ซึ่งได้มีการพูดคุย และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และมีหลายช่วงที่ระหว่างการหาเสียงที่ นายกฯ แพทองธาร รู้สึกหายใจไม่ออก ซึ่งตนไม่เคยท้อง ก็รู้สึกแพนิกไปด้วย และเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ที่ขอเรียกว่า เป็นความกดดันที่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องใช้ความเสียสละ และความทุ่มเทไม่น้อย และระหว่างที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับนายกฯ แพทองธาร ในฐานะของหัวหน้าพรรค ขอความร่วมมือช่วยให้กำลังใจ และช่วยประสาน และพูดคุยกับ สส.ในพรรค ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งมาเป็นนายก แล้ว ทำให้รู้ว่าหลายเรื่องไม่ง่าย เพราะเรามีแค่ 141 จาก 500 เสียง แม้หลายเรื่องจะเกิดขึ้นช้า แต่เชื่อว่าเราได้พัฒนา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความตั้งใจจริงของรัฐบาล

วันนี้ตนดีใจที่ได้รับการซัพพอร์ตจากทุกคน จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่ง และวันแรกที่พ้นจากตำแหน่ง ตื่นเช้ามา ก็รู้สึกงง ๆ นิดหน่อยว่าจะไปไหนดี แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ไหลลื่นไปตามที่ตนเองจะต้องทำ โดยได้เชิญรัฐมนตรีหลายคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะส่วนของพรรคเพื่อไทย มาพูดคุยเพื่อส่งมอบงาน หลังจากนั้นตนได้เดินทางไปต่างประเทศ


นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ตนเข้าใจว่าสื่อมวลชนหลายสำนักอยากพูดคุยด้วย และแม้ตนจะรักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง และซัพพอร์ตกันมาโดยตลอด แต่ตนคิดว่า เมื่อพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว ได้นายกฯ คนใหม่มาแล้ว แม้รัฐมนตรียังเป็นหน้าเก่า แต่สไตล์การทำงาน หลักการคิด และนโยบายที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามนายกฯ คนใหม่ ก็ต้องให้เกียรตินายกฯ คนใหม่ การที่ตนจะมาพูดหรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหรือให้คำแนะนำตนก็มองว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่ระยะเวลา3 เดือนที่ผ่านมา ตนเชื่อว่า นายกฯได้ตั้งไข่อย่างสมบูรณ์ และได้รับการซัพพอร์ตอย่างดีพอสมควรจาก สส.ทุกคน และนำพารัฐบาลที่มีพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งต้องยอมรับว่า เหนื่อยพอสมควร แต่เชื่อว่า ก็สามารถบริหารจัดการได้ดีพอสมควร วันนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน ที่ต้องช่วยเหลือกัน ช่วยปกป้อง เพราะช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่า มีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลของเรา ซึ่งตนอยู่ตรงนี้ตนก็ทราบดีว่ารัฐมนตรีทำงานอย่างเต็มที่ และตัวนายกฯ ก็เสียสละทำอย่างงานเต็มที่ ตนถือว่า ช่วงเวลานี้คือ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่พวกเราต้องช่วยกันซัพพอร์ตนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว หรือการพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ถึงนโยบายที่ดีที่นายกฯ ได้ทำอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อวานนี้ก็ได้มีการแถลง และยังมีนโยบายอีกมากมายที่ตามมา

ขณะที่แบงก์ชาติเองก็ ให้ความร่วมมือที่ดี และดีกว่าตอนสมัยที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ สส.ในห้องถึงกับหัวเราะ ก่อนที่นายเศรษฐาจะกล่าวต่อว่า เพราะนายกรัฐมนตรีเก่งกว่าตนเยอะ และเรื่องเหล่านี้เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันถือว่า มีความเหมาะสมที่สุด ที่จะอยู่ตรงนี้ และสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการซัพพอร์ตจาก สส.ทุกคน แต่แน่นอนว่า 141 เสียงจาก 500 เสียงเป็นเรื่องที่ล่อแหลมมาก แต่เราทำได้เยอะขนาดนี้คือว่านายกเก่งมากแล้ว แต่หลายเรื่อง ที่เรายังได้รับความร่วมมือมากขึ้น เราได้มา 141 เสียง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสบายใจ เพราะตำแหน่งก็มีน้อย จึงต้องมีการสลับสับเปลี่ยน หมุนเวียนกันไป และตนเชื่อว่ากรรมการบริการพรรคก็ดูแลสมาชิก และสส.เป็นอย่างดี จึงขอให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้กับนายกฯ แพทองธาร

นายเศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า ตนเคยยกตัวอย่างว่า มีบ้านอยู่หนึ่งหลัง ที่มีสนามหญ้าเขียวกว่าบ้านเรา ก็อยากอยู่บ้านหลังนั้น แต่เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ภายใต้หญ้าสีเขียวนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ แต่ตนเชื่อภายใต้บ้านหลังนี้ แม้จะมีหลุม มีบ่อ แต่เราจะมาช่วยกันอุด มาช่วยกันปิด สร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรง ให้น่าอยู่ขึ้น ตนในฐานะคนนอกที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ 2 ปีเต็ม ตนมั่นใจว่า นี่เป็นสถาบันการเมืองพรรคที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย ดูได้จากการที่เราขึ้นรถไฟมาด้วยกัน สมาชิกทุกท่านมากันหมด มีความสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะ ตนเชื่อว่า ไม่มีพรรคเหมือน แม้ตนไม่เคยอยู่พรรคอื่น แต่ตนก็กล้าพูด และวันนี้นายกฯ ทักษิณก็กลับมาแล้ว มาช่วยเราคิดเรื่องของนโยบาย และคนรุ่นใหม่ก็เติบโตขึ้น ส่วนตนเองของหัวใจเพื่อไทย 100% ย้ำหน้าที่ชัดเจนวันนี้คือ ซัพพอร์ตนายกแพทองธาร ไม่ไปไหน.-316 -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]