“วันนอร์” เรียกร้องประชาชนออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ

รัฐสภา 10 ธ.ค.-“วันนอร์” ประธานรัฐสภา เปิดงานวันรัฐธรรมนูญ 2567 เรียกร้องประชาชนออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ ไม่ให้มีการฉีกซ้ำ แนะดูตัวอย่างเกาหลีใต้-ตุรกี ประชาชนเข้มแข็ง ให้อำนาจรัฐสภายับยั้ง

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานเปิดงาน วันรัฐธรรมนูญ 2567 ภายใต้ชื่องาน “สู่รัฐธรรมนูญในฝัน” เป็นการสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองในระบบรัฐสภา เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง


ประธานรัฐสภา กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของรัฐสภาที่มาจากประชาชนอนุมัติรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ รัฐธรรมนูญ รัฐสภา และประชาชน มีความผูกพันกันอย่างแยกไม่ได้ และวันนี้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญมาถึง 20 ฉบับ เห็นถึงความอ่อนแอของการรักษารัฐธรรมนูญ แต่เราต้องตระหนักถึงความปรารถนาดี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ที่มอบรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยให้กับคนไทยทั้งประเทศ โดยที่ไม่มอบอำนาจให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใช้อำนาจในการมาบริหารประเทศนี้

ประธานรัฐสภา ยังยกตัวอย่างเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศเกาหลีใต้ ที่ล่าสุด สภายับยั้งการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดี ซึ่งทำให้เห็นว่าประเทศเกาหลีใต้ ก้าวข้ามมาได้เพราะมีรัฐธรรมนูญที่เข้มแข็ง เช่นเดียวกับประเทศตุรกีที่มีประชาชนเข้มแข็ง


นายวันมูหะมัดนอร์ ยังย้ำว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการฉีกรัฐธรรมนูญ ซึ่งการฉีกรัฐธรรมนูญเป็นการอ้างของผู้ปกครองประเทศ และความบกพร่องของสภา ซึ่งเป็นข้ออ้างแต่ตนยอมรับว่ารัฐสภายังมีข้อบกพร่อง ผู้บริหารอาจจะไม่ดี แต่การฉีกรัฐธรรมนูญเกิดรัฐประหาร ก็สามารถแก้ได้เพราะรัฐสภาเป็นของประชาชน และผู้บริหารมาจากประชาชน ก็ต้องแก้ด้วยประชาชน ถ้าผู้บริหารไม่ดีประชาชนก็จะไม่เลือก ถ้ารัฐสภาไม่ดีก็ต้องเกิดการยุบสภา ซึ่งหลังจากนั้นประชาชนก็จะต้องเลือกเข้ามา ดังนั้นประชาชนสำคัญที่สุด เพราะประชาธิปไตยเป็นของประชาชน ไม่ใช่อำนาจของกระบอกปืน สำคัญในระบอบประชาธิปไตยวันนี้ถึงเวลาที่จะพร้อมสร้างสิ่งเหล่านี้ โดยรัฐธรรมนูญในอนาคตมีนักวิชาการหลายท่านที่มาในวันนี้ อาจจะมีส่วนสำคัญในการสร้างรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวชอบคำพูดของ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ที่ระบุว่ารัฐธรรมนูญในอนาคตควรจะมีบทบัญญัติของการป้องกันปฏิวัติรัฐประหาร หลักการป้องกันการฉีกรัฐธรรมนูญเหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ที่มีการป้องกันได้ เพราะมีกลไกในสภา ซึ่งถือเป็นเครื่องมือ แต่หลายคนมองว่า นักปฏิวัติฉีกรัฐธรรมนูญได้อยู่ดี ดังนั้น จึงเห็นว่าบ้านที่มีรั้วมีประตู กับบ้านที่ไม่มีรั้ว ไม่มีประตู สิ่งไหนจะป้องกันโจรได้ดีกว่า ตนเองจึงอยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับต่อไปต่อไปเป็นบ้านที่มีรั้ว มีประตู และใส่กุญแจได้ เพื่อให้คนอยู่ในนั้นพร้อมปิดประตู และต่อสู้ในรั้วของตนเองได้ โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญข้างหน้า จะต้องมีความหวังมีความหวังกับบทบัญญัติ ต้องมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญ การป้องกันรัฐประหารจะอาศัยแค่รัฐสภา ประชาชนอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีตุลาการ ศาล ต้องมีส่วนป้องกัน พร้อมกันนี้ยังย้ำว่าไม่อยากเห็นการเฉลิมฉลองวันรัฐธรรมนูญ แต่ต้องมองไปข้างหน้า ว่ามีรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยแล้ว จะป้องกันรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยให้ยืนนานได้อย่างไร และพร้อมใจป้องกันรัฐธรรมนูญ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่จะต้องสร้างแนวรั้วป้องกันรัฐธรรมนูญ รัฐสภาและสถาบันพระปกเกล้าจะมีการอบรมประชาชนแม้จะต้องใช้งบประมาณ แต่ก็เพื่อให้คนเข้าใจในรัฐประชาธิปไตยพร้อมกับปกป้องรัฐธรรมนูญ ให้เหมือนกับประชาชนชาวเกาหลีใต้ และประเทศตุรกี ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่า ปลูกฝังประชาชนในการรับประชาธิปไตย ตนเองขอฝากนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่สอง เป็นหัวหน้าโครงการนี้ เพราะถึงเวลาที่จะต้องทำอย่างจริงจัง

“เชื่อด้วยความสุจริตใจ ว่าไม่มีใครอยากปฏิวัติถ้าไม่จำเป็น ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ซึ่งผมเองไม่อยากเห็นการปฏิวัติรัฐประหารที่ตนเองเห็นมาหลายครั้งแล้ว พร้อมกับเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง ทุกคนอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 21 นี้ และมีแนวทางปกป้องประชาชน ปกป้องรัฐประหารไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อย่างน้อยให้มีรั้ว ดีกว่าไม่มีรั้ว” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

หลังจากนั้น ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ เพิ่มเติมว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งต่อไปแนวทางป้องกันการรัฐประหาร คือจะต้องมีบทบัญญัติ ว่าด้วยการลงโทษ ผู้ที่กระทำด้วยการทำปฏิวัติ ล้มล้างรัฐธรรมนูญ และขอให้บทบัญญัตินั้นนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ ไม่ใช่แค่มีบทบัญญัติอย่างเดียว ส่วนจะดำเนินการอย่างไรนั้นต้องศึกษารัฐธรรมนูญของประเทศเกาหลีใต้ ที่มีบทบัญญัติเรื่องนี้ไว้ว่าเมื่อมีการยึดอำนาจสามารถนำบทบัญญัตินี้เข้าสู่รัฐสภาลบล้างอำนาจที่ประกาศไว้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างที่ง่าย ซึ่งส่วนตัวคิดว่าคนไทยคงเก่งที่จะร่างกฎหมายต่างๆ ให้นำไปใช้ได้ แต่สำคัญอยู่ที่ประชาชนร่วมมือกัน เหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ที่ร่วมมือกัน ที่ไม่เห็นด้วยกับการประกาศกฎอัยการศึก ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็ไม่สำเร็จ


ส่วนเรื่องนี้จะไปสอดคล้องกับการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม โดยให้อำนาจคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล เพื่อสกัดการรัฐประหาร ที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว่า คนละส่วนกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวกัน แต่ส่วนตัวเห็นว่ารัฐธรรมนูญ ที่จะแก้ไขในสมัยนี้ ต้องมีมาตรการที่ป้องกัน ไม่ให้รัฐธรรมนูญถูกฉีกอีก ส่วนบทลงโทษของผู้ที่ทำรัฐประหารนั้นความรุนแรงจะถึงระดับไหนนั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการร่างฯ ว่าควรมีบทลงโทษขนาดไหน และจะต้องปฏิบัติได้ด้วย ก่อนหน้านี้มีบทลงโทษที่รุนแรงว่าการฉีกรัฐธรรมนูญคือกบฏ แต่ว่าไม่ได้ผลในด้านการปฏิบัติ ดังนั้นบทบัญญัติจะต้องสอดคล้องกับแนวปฏิบัติได้ด้วยและประชาชนยอมรับ โดยที่ต้องเอาทุกฝ่ายมาคุยกัน โดยเฉพาะฝ่ายที่มีอาวุธในมือ เพราะขณะนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก การเมืองก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย ดูจากหลายแห่งการเมืองในประเทศเกาหลีใต้และไนจีเรีย ซึ่งประเทศไทยจะอยู่อย่างนี้โดยไม่เปลี่ยนแปลง ประชาธิปไตยคงจะล้าหลังมาก.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย